พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 488

ตอนที่ 488 คำพูดในเหล้า

เมื่ออ๋องหนานหวยเห็นว่านางออกไปแล้ว จึงกดเสียงลงพูดกับกุ้ยไท่เฟย “ท่านแม่ วันนี้เป็นโอกาสที่ดี ท่านต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้แน่น”

กุ้ยไท่เฟยชำเลืองมองไปที่เขา “วางใจเถิด เจ้าออกไปจากวังหลวงก่อน พักอยู่แถวนี้ แต่อย่าเพิ่งไปไหนไกล หลังจากสองวัน ข้าจะส่งคนไปรับเจ้ากลับมา”

อ๋องหนานหวยตะลึงงัน “ท่านแม่เตรียมหนทางเอาไว้ให้ลูกแล้วงั้นหรือ?”

“ใช่ แน่นอนว่าต้องมีหนทาง” กุ้ยไท่เฟยคลี่ยิ้มอย่างสบายใจ “เจ้าไปเถอะ”

“เช่นนั้น...” อ๋องหนานหวยก้าวขึ้นมา “ท่านแม่บอกได้หรือไม่ว่าเป็นวิธีอะไร?”

“รีบร้อนอันใดกัน? เจ้าแค่รอฟังข่าวก็พอแล้ว จำเอาไว้อย่าเพิ่งไปไหนกัน เผื่อตอนกลับมาจะได้ไม่เสียเวลามาก”

ในใจของอ๋องหนานหวยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย มักจะรู้สึกเสมอว่าเรื่องราวมันจะผ่านไปได้ไม่ราบรื่นดีนัก

เพื่อความรอบคอบ หลังจากที่เขาออกจากวังไป จึงรีบสั่งทหารเดนตาย หากกุ้ยไท่เฟยไม่ได้กินยาหนอนพิษห้าวันก็ฆ่านางได้โดยไม่ต้องเสียดายสิ่งใด

ซุนฟางเอ๋อร์ไม่ได้ไปพร้อมกับอ๋องหนานหวย เพราะว่าการจากไปของเขาในครั้งนี้เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น เมื่อผ่านไปสองวันเขาก็ต้องกลับมา ซุนฟางเอ๋อร์เดินไปพร้อมกับเขา ทหารองครักษ์เหล่านั้นจะต้องอยู่อีกสองวันไปก่อน ไม่ต้องพานานไปจะดีกว่า

ตั้งแต่ซุนฟางเอ๋อร์มอบหนอนพิษห้าวันให้อ๋องหนานหวย ในใจก็มักจะรู้สึกไม่สบายใจ จิตใจไม่สงบ

วันนี้นางเดินเล่นอยู่บนถนน เดินผ่านติ่งเฟิง นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป

หูฮวนซีเมื่อได้ยินว่าซุนฟางเอ๋อร์มาที่ร้าน จึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะให้คนไปเชิญนางเข้ามา

หลังจากซุนฟางเอ๋อร์นั่งลงแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงนั่งอยู่อย่างนั้นอย่างเงียบๆ

หูฮวนซีกำลังยุ่งอยู่กับการจุดบุหรี่ ไม่มีเวลามานั่งเงียบๆ เป็นเพื่อนกับนาง ก่อนจะพูดทำลายความเงียบงันนั้นทันที “เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไร?”

ซุนฟางเอ๋อร์รีบส่ายหน้าว่า “ไม่มีอะไร ข้าเพียงผ่านทางมาทางนี้”

“ผ่านทางมางั้นหรือ?” หูฮวนซียกชาขึ้นพร้อมกับเชิญนางดื่ม “เช่นนั้นก็ดื่มชาก่อนเถิด สีหน้าของเจ้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่สบายใจหรือเปล่า?”

ซุนฟางเอ๋อร์ส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่มีอะไร”

“วันนี้ท่านอ๋องหนานหวยออกไปจากวัง เจ้าไม่เดินทางไปด้วยหรือ?”

ซุนฟางเอ๋อร์หยิบแก้วขึ้นมาดมครู่หนึ่ง ก่อนจะดื่มมันลงไป “เจ้าอยากจะให้ข้าไปกับเขามากงั้นหรือ?”

หูฮวนซีตะลึงงัน คำพูดนี้มันเริ่มมาจากตรงไหนกัน?

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจาคมคายเช่นนี้ ข้าเพียงถามไปเท่านั้น” หูฮวนซีกล่าวจบ ในใจพลางคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะไล่นางออกไปอย่างแนบเนียนได้และไม่เป็นการล่วงเกินนาง

นางยุ่งมากจริงๆ

ซุนฟางเอ๋อร์วางแก้วชาลง “ขออภัยด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้”

“ไม่เป็นไรหรอก” หูฮวนซีกล่าว

ซุนฟางเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง อยากจะพูดบางอย่างกับหูฮวนซี ทว่ากลับคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร บางที นางอาจจะไม่เหมาะที่จะพูดคุยกับใคร จากนั้นจึงพูดว่า “ข้ากลับก่อนล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังยุ่ง ขออภัยที่มารบกวนเจ้า”

เดิมทีหูฮวนซีก็อยากจะให้นางไปอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ฟังเช่นนี้ กลับรู้สึกแปลกใจไม่น้อย “แม่นางซุน เจ้ามีอะไรในใจหรือไม่? พูดกับข้าได้นะ”

ซุนฟางเอ๋อร์คิดครู่หนึ่ง “ไม่มีอะไรหรอก”

“ไม่มีจริงๆ หรือ?”

“ข้าอยากจะหาคนคุยด้วย แต่ข้าไม่รู้จะไปหาใคร พอมาหาเจ้า ข้าเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร” ซุนฟางเอ๋อร์พูดอย่างจริงใจ

หูฮวนซีลุกขึ้นพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา “ปะ ไปกินข้าวกับข้าหน่อย ข้าหิวแล้ว”

ซุนฟางเอ๋อร์ตอบรับพร้อมกับลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินตามนางไป มีท่าทางเหมือนกับฮูหยินอยู่หลายส่วน

เมื่อออกมาด้านนอก ลมเย็นๆ ก็พัดเข้ามา หูฮวนซีเห็นนางตัวสั่นเทา จึงขมวดคิ้วเอ่ยถาม “วันนี้อากาศเย็นมาก แม้แต่เสื้อนวมเจ้าก็ไม่ใส่สักตัวเลยหรือ? อยากมีแต่ความงดงามแต่ไม่อยากมีชีวิตอยู่หรืออย่างไรกัน?”

นางเอาเสื้อคลุมของตนมอบให้ซุนฟางเอ๋อร์ อีกทั้งยังคลุมเสื้อให้ด้วยมือของนางเอง “เสื้อคลุมตัวนี้ก็ไม่ใช่ของดีอะไรหรอก เจ้าใส่ไปเถอะ”

ซุนฟางเอ๋อร์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร “เอ่อ...เจ้าไม่หนาวหรือ?”

“ข้าสวมเสื้อขนใส่เอาไว้ด้านใน ยังพอทนกับความหนานได้ อีกอย่างข้าก็แข็งแรงดี แต่ดูเจ้าสิท่าทางอ่อนแอไม่สู้ลมเอาเสียเลย” หูฮวนซีเรียกรถม้าให้เข้ามาก่อนจะพยุงนางขึ้นไป

ซุนฟางเอ๋อร์ส่ายหน้า “อาจารย์ไม่ได้ทำดีกับข้าเลย เขาตบตีข้าอยู่เป็นประจำ ส่วนมารดาของข้า...”

ซุนฟางเอ๋อร์เงียบงันไปครู่หนึ่ง “นางดีต่อข้า แต่ไม่เหมือนกับโหรวเหยา นางดุด่าข้าน้อยมาก แต่นางจะมักด่าโหรวเอ๋อร์ ในสายตาของนางโหรวเอ๋อร์คือความรักความเอ็นดู แต่ข้าในสายตาของนางเป็นเพราะเกรงใจ”

หูฮวนชีมองไปที่นาง ไม่อยากจะพูดอะไรปลอบใจนาง อาจารย์นางปฏิบัติตนต่อนางไม่ดี เรื่องนี้กก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ทว่าฮูหยินซุนนั้นทำดีต่อนางอยู่แล้ว

แต่ว่านี่เป็นเรื่องของนาง หูฮวนซีจึงไม่คิดจะเอ่ยถาม

หูฮวนซีเพียงพูดว่า “บางครั้ง พวกเราก็อยากจะได้ของบางอย่าง จึงต้องเอาจ่ายของบางอย่างออกไป ความสัมพันธ์ขอคนเราก็เป็นเช่นนี้ เจ้าอยากจะให้คนอื่นจริงใจต่อเจ้า เจ้าก็ต้องจ่ายความจริงใจออกไปแลกเปลี่ยนก่อน บนโลกใบนี้นอกจากพ่อแม่ ไม่มีใครทำดีกับเจ้าโดยไม่มีเหตุผลหรอก”

ประโยคนี้เป็นคำพูดง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ พูดหลักการง่ายๆ เหล่านี้กับซุนฟางเอ๋อร์ หูฮวนซีรู้สึกว่าตนทำเกินหน้าที่ไปบ้าง

ทว่านางก็มีอะไรจะพูดออกมาแล้วจริงๆ ดูเหมือนว่านางจะมีความสามารถในการแบกรับท่อนซุง

แต่เมื่อซุนฟางเอ๋อร์ได้ฟังประโยคที่นาวพูดมาเมื่อสักครู่นั้น สีหน้าของนางกลับเปลี่ยนเป็นไตร่ตรองขึ้นมา ราวกับว่านางไม่เคยรู้หลักการข้อนี้

ผู้เชี่ยวชาญอุ่นเหล้าเหยือกหนึ่งแล้วก็เดินเข้ามา พลางยิ้มหน้าแป้น “เฒ่าแก่เนี๊ยะ นี่เป็นเหล้าข้าวที่ข้าน้อยกลั่นเองกับมือ ท่านลองชิมดูขอรับ”

“เจ้ากลั่นเองหรือ? ข้าอยากจะลองชิมดูจริงๆ” หูฮวนซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ให้ความเห็นข้าน้อยสักหน่อยเถอะขอรับ หากไม่ดี ครั้งหน้าข้าน้อยจะได้เปลี่ยนให้ดีขึ้นกว่านี้”

หูฮวนซีดื่มไปคำหนึ่ง ลิ้มรสชาติที่ปลายลิ้นครู่หนึ่ง “หอม ไม่เลว เบื้องต้นคือหมักสามรอบใช่หรือไม่?”

ผู้เชี่ยวชาญ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ขอรับ เป็นสองรอบ”

“สองรอบ” หูฮวนซีพยักหน้า “ไม่เลวจริงๆ เหล้านี้สามารถนำออกไปขายได้เลย”

“จริงหรือขอรับ?” ผู้เชี่ยวชาญดีอกดีใจใหญ่ “ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะรีบไปบอกเฒ่าแก่หลี่ก่อนนะขอรับ”

“อืม ไปเถอะ” หูฮวนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง

ผู้เชี่ยวชาญเดินออกไปอย่างมีความสุข

ภาพฉากนี้ ซุนฟางเอ๋อร์ได้เห็นแล้วถึงกับตะลึงงัน ก่อนจะถามหูฮวนซี “เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ เหตุใดเจ้าถึงอนุญาตให้เขากลั่นเหล้าได้?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม