บทที่ 553 ออกเดินทางไปเป่ยม่อ
ลำดับต่อมา ก็คือจัดการเตรียมคนไปเป่ยม่อ
อ๋องเย่ไปไม่ได้อยู่แล้ว ก่อนอื่นทุกวันนี้เขายังเป็นไท่เว่ย ยังมีภาระต้องรับผิดชอบ
ครั้งนี้ ตอนที่เขาพูดถึงเป่ยม่อ ได้ถอนหายใจยาวๆ “ข้ามีหนี้อยู่ที่เป่ยม่อทั้งชีวิต ถ้าไปก็จะไม่ได้กลับมาแล้ว แต่สามารถแนะนำคนคนหนึ่งให้เจ้า หลังจากที่ไปถึงเป่ยม่อ พี่เจ็ดเจ้าไปหานาง มีเรื่องอะไร นางช่วยเจ้าได้ แต่อย่าบอกนางว่ายังมีชีวิตอยู่”
“อืม?” ซือถูเย้นขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
ซือถูจิ้งหัวเราะ “หนี้รักไง จะมีอะไรได้ เรื่องนี้เขาหว่านไปทั่วแล้ว”
“เหลวไหล” ซือถูจิ้งพูดขึ้น
“นางเป็นองค์หญิงอานของเป่ยม่อ น้องสาวของฮ่องเต้ ค่อนข้างมีอำนาจในเป่ยม่อ ยังไงเจ้าไปหานางก็ถูกแล้ว ยังมีอีกคน เจ้าต้องไปหาเขา คนคนนี้ชื่อเกาเฟิ่งเทยีน เป็นพี่น้องร่วมสาบานของข้า เขาเป็นคนมีความยุติธรรม อยู่ที่ยุทธภพของเป่ยม่อ นับว่าเป็นคนที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้ เรื่องที่ไม่ดีไม่งาม เจ้าไปหาเขาได้ ข้าจะให้หลิงลี่ไปกับพี่สะใภ้เจ็ด”
“หลิงลี่?ดี” ซือถูเย้นพอใจหลิงลี่มาก เด็กคนนี้ ฉลาดยิ่งนัก
เซียวโธ่พูดว่า “ทหารรักษาพระองค์มีคนดูแลแล้ว ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นคนว่างงาน สามารถไปด้วยได้”
ซูชิงพูดว่า “ข้าก็เหมือนกัน”
ซือถูเย้นมองดูเซียวโธ่ “เจ้าไม่ต้องไปหรอก”
“ไม่เป็นไร หลิ่วหลิ่วสนับสนุนข้าแน่” เซียวโธ่พูด
หลิ่วหลิ่วสนับสนุน แต่มีข้อแม้อย่างเดียวก็คือ นางต้องได้ตามไปด้วย
สุดท้าย ไม่เพียงหลิ่วหลิ่วที่ไป โหรวเหยาก็จะตามไปด้วย
หลีโม่หัวเราะ นี่จะกลายเป็นขบวนท่องเที่ยวแห่งต้าโจวไปแล้ว
แต่มีหลิ่วหลิ่วกับโหรวเหยาตามไปด้วยก็ดี นางยังต้องการพยาบาลอีกหลายคน
โหรวเหยามีความรู้ทางการแพทย์ และยังเป็นคนกันเอง เวลาใช้งานก็จะได้วางใจ
ส่วนหลิ่วหลิ่วมีฝีมือการต่อสู้ ไม่มีพิษมีภัย ส่งไปเป็นคนที่ทำหน้าที่ดุๆบ้างก็ไม่เลว บวกกับนางเป็นหลานสาวของเฉินเหล่าไท่จูน ถึงแม้เฉินเหล่าไท่จูนจะเคยเป็นบุคคลอันตรายในเป่ยม่ออยู่หลายปี แต่ประชาชนเป่ยม่อให้ความเคารพนางมาก เพราะเป่ยม่อเป็นชาติพันธ์ที่แข็งแกร่ง ล้วนศรัทธาคนที่มีความสามารถ เฉินเหล่าไท่จูนมีสถานะเป็นถึงแม่ทัพหญิง เฝ้าปกป้องรักษาแผ่นดินต้าโจวตั้งหลายปี นางมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อย แม้แต่ฉินโจวล้วนเป็นแฟนคลับของนาง
แน่นอน การเคารพก็ส่วนการเคารพ หากอยู่ในสนามรบจริงเจอกันในที่ถนนคับแคบ ก็ยังคงจะฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
เช้าวันรุ่งขึ้น รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว เซียวโธ่กับซูชิงเข้าวัง เรียนขออนุญาตฮ่องเต้ขอติดตามไปเป่ยม่อ ฮ่องเต้ยินดีตกลงอยู่แล้ว เพราะการไปเป่ยม่อในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ มีคนมีความสามารถไปด้วยหลายคนถือเป็นเรื่องดี
หลังจากที่อ๋องฉีเข้าวังมาทูลลาฮ่องเต้แล้ว ก็ได้มาถึงหน้าจวนอ๋องซื่อเจิ้ง
เขาพูดกับหลีโม่ว่า “องค์รัชทายาทแห่งเป่ยม่อของข้าได้ออกเดินทางแล้ว เชื่อว่าหลังจากห้าวัน ก็จะเดินทางมาถึงเมืองหลวงประเทศต้าโจว”
เขาพูดคำนี้ก็เพียงเพื่อให้หลีโม่วางใจ เพราะองค์รัชทายาทของเป่ยม่อมาแล้ว ความปลอดภัยของนางระหว่างที่อยู่เป่ยม่อถือว่าได้รับประกันแล้ว
หลีโม่พยักหัว “อืม ข้าเชื่อเจ้า”
ซือถูเย้นยังคงแต่งตัวเป็นองครักษ์ต้าจิน ตามออกจากเมืองไป
เหล่าขุนนางคอยส่งอยู่ที่หน้าประตูเมือง ประชาชนต่างก็มาร่วมส่งขบวนด้วย มีบางกลุ่มที่คึกครื้น ตะโกนร้องเรียกพระชายาซื่อเจิ้ง ทำให้ซือถูเย้นที่เป็นองครักษ์ต้าจินต้องกันไปมองอยู่หลายครั้ง
การออกเดินทางในครั้งนี้ หลีโม่พาเย็นเอ๋อร์กับมามา ยังมีหลิงลี่ไปด้วย
นางรู้ว่าเป่ยม่อก็จะจัดเตรียมนางกำนัลไว้ให้นาง ยังไงก็เป็นพระฉายาประเทศคู่ต่อสู้ เป่ยม่อจะไม่ละเลยละหลวม ดังนั้น นางพาไปด้วยหลายคน เมื่อถึงเวลาต้องใช้จะได้สบายใจ
ก่อนออกเดินทาง หลีโม่ย้ำอ๋องเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเขาจะต้องรักษาความปลอดภัยของเสี้ยฮ่าวหรานกับแม่ของนาง เตาเหล่าต้าก็อยากตามไป แต่หลีโม่ให้เขาอยู่ปกป้องเจ้าเมืองคุณชาย เขาจึงต้องอยู่ต้าโจวตามคำสั่ง
ม้าพวกนี้ เป็นม้าพันลี้ที่อ๋องเย่คัดสรรเองมาจากเมืองซียู่โดยเฉพาะ หากไม่พักผ่อน วิ่งทั้งวันทั้งคืนหลายพันกิโลไม่ใช่ปัญหา เพียงแค่พวกเขาลำบากหน่อย สองวันก็จะสามารถไปถึงเมืองหลวงแคว้นเป่ยม่อ
ร่างกายนี้อ่อนแอไปหน่อย แต่ในฐานะหมอ ในขณะที่ยังมีผู้ป่วยกำลังรออยู่อย่างทรมาน ความรับผิดชอบจะสามารถทำให้ความเหน็ดเหนื่อยหายไป
ซือถูเย้น เซียวโธ่ ซูชิงหลังจากที่ออกจากวังแล้วก็ขี่ม้าแล้ว พวกเขาสามคนไม่ต้องพูดถึง ฝีมือการขี่ม้าเป็นเลิศอยู่แล้ว
ใบหน้าซือถูเย้นก็ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม อ๋องฉีพูดกับซือถูเย้นว่า “พี่ซือถู ต้าโจวของพวกเจ้าออกหน้าช่วยเหลือในครั้งนี้ บุญคุณนี้ ข้าจะจดจำไว้ในใจ”
ซือถูเย้นพูดว่า “เพื่อความมิตรไมตรีที่ดีของทั้งสองประเทศ ข้าสมควรทำ”
แล้วก็แบบนี้ ม้าสิบกว่าตัววิ่งตลบฝุ่น มุ่งหน้าตรงไปยังเป่ยม่อ
ในวังเมืองหลวงเป่ยม่อ
บัวทองนับไม่ถ้วนยืนเบ่งบานอยู่ท่ามกลางแสงแดด แสงสีสันส่องสว่างไสว แสดงถึงความมั่งคั่งของวังสวรรค์
สายลมในฤดูใบไม้ผลิปลิวไหว พัดกิ่งก้านต้นไม้สีเขียวในสวนดอกหยู่ เป่าดอกหมื่นม่วงพันแดงที่เบ่งบาน
ฉาวฮองเฮาของเป่ยม่อนั่งอยู่ในศาลาสวนดอกหยู่ ชุดประจำตัวฮองเฮาที่ประดับด้วยทองแพรวพราวระยิบระยับกับลายปักดอกโบตั๋นแสดงให้เห็นถึงความสูงส่งของนาง ผิวพรรณที่ได้รับการดูแลอย่างดีจนดูอ่อนเยาว์มาก ทาแป้งบางเบา ปกปิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบางๆ นางกำนัลยืนเรียงอยู่สองข้าง ด้านหลังนางเป็นพระราชวังลึก ภายใต้แสงแดดสาดส่อง เป็นเหมือนดั่งภาพวาดที่สวยงาม
นางมองดูชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีหนักใจ “ฉู่โยว่ ไปต้าโจวในครั้งนี้ ต้องระวังตัวให้ดี”
“เสด็จแม่ วางพระทัย ลูกรู้” ชายหนุ่มคนนั้นที่ถูกเรียกว่าฉู่โยว่บุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญ รูปร่างสูงสง่า สวมชุดคลุมยาวสีขาว รูปร่างสูง หาญกล้าอย่างไม่ธรรมดา
เขาเป็นโอรสองค์ที่เจ็ดของฮ่องเต้เป่ยม่อ ถูกแต่งตั้งให้เป็นอ๋องชี บุตรของนางสนมซู ในบรรดาโอรสทั้งสิบสองคนของฮ่องเต้ ถือเป็นคนที่ไม่ได้รับการโปรดปรานที่สุด
ส่วนองค์รัชทายาทของเป่ยม่อ เป็นโอรสองค์ที่สี่ของฮ่องเต้ บุตรของฉาวฮองเฮา โอรสเพียงคนเดียวที่มีสายเลือดตรง สูงส่งที่สุด ฉาวฮองเฮาจึงไม่มีทางส่งเขาไปต้าโจวอยู่แล้ว
แต่โรคระบาดจะไม่สามารถยับยั้ง อ๋องฉีลาโง่นั่น กลับยื่นข้อเสนอให้องค์รัชทายาทไปเป็นตัวประกันที่ต้าโจว เหล่าขุนนางต่างก็เห็นสมควร ดังนั้นฉาวฮองเฮาจึงจำเป็นต้องคิดหาหนทาง ให้อ๋องชีไปต้าโจวแทนองค์รัชทายาท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...