พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 56

ตอนที่ 56 หลี่ซื่อเข้าวัง

หมุยเฟยและเฉิงเสี้ยงเสี้ยเปิดม่านมุกเดินออกไป หมุยเฟยพูดขึ้นเบาๆว่า :“เหนียงเหนียง ความจริงเป็นอย่างไรกันเพคะ? ซูหลิงหลงไม่มีความทะเยอะทะยานวางแผนก่อการกบฏแน่นอนเพคะ”

ฮองเฮามองไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนที่สายตาจะมาหยุดตรงใบหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ยเป็นคนสุดท้าย “วันนี้พวกเจ้าทั้งสามคนได้เตรียมการเป็นเล่นเกมส์กับเปิ่นกงแล้ว จะไม่ให้เปิ่นกงตอบแทนหน่อยหรือ?”

เฉิงเสี้ยงเสี้ยคุกเข่าลง “หม่อมฉันขอรับผิด ได้โปรดเหนียงเหนียงลงโทษพะยะคะ ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันซับซ้อนอีกพะยะคะ เรื่องนี้ หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่ซื่อ ต้องทำให้ผู้อื่นตื่นตกใจแน่พะยะคะ”

“เปิ่นกงไม่กลัวว่าจะทำให้ผู้อื่นตื่นตกใจมากแค่ไหน หมุยเฟยเจ้ากลัวอะไรละ? น่าประหลาดใจเสียจริง หากพวกเจ้ากลัวหลี่ซื่อ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้นำทุกอย่างโยนใส่ตัวของหลี่ซื่อละ? หรือคิดว่าราชวงศ์ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้กระจายออกไปอย่างนั้นหรือ? หรือคิดว่าพวกเจ้าคิดว่าจะปกปิดทุกคนในใต้หล้าได้? เมื่อครั้งหน้าประตูจวนเฉิงเสี้ยงในครานั้น เสี้ยหลีโม่ได้นำใบหย่าออกมา พวกเจ้าก็พากันโกรธเคือง ไม่ยอมเชื่อว่าหลี่ซ่วยหยุ่นแม่นางที่พวกเขาเคารพนับถือจะเป็นคนเช่นนี้ เพียงแค่ขัดขวางทุกคน ไม่ให้พูดอะไรออกมา หากวันนั้นเสี้ยหลีโม่ไม่ต้านทานอย่างบ้าคลั่ง ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เฉิงเสี้ยงจะคาดเดาออกไหม?” ฮองเฮาพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ให้ความเคารพต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของหมุยเฟยและเฉิงเสี้ยงเสี้ยแต่อย่างใด

ใบหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้แสดงออกถึงความสับสนพูดไม่ออก คำพูดของฮองเฮานั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะแก้ต่างเลยแต่อย่างใด

เขารู้ผลกระทบต่อหลี่ซื่อดี ดังนั้นถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะดูขัดตาเขาไปก็ตาม แต่กลับหาเหตุการณ์ที่น่าเชื่อถือมาโต้แย้งเหตุผลของนางไม่ได้ มีแต่ขโมยเท่านั้น ถึงจะต้องรับผิดอย่างร้ายแรง

แต่น่าเสียดาย แผนการนี้ ได้ล้มเหลวลงแล้ว

หลีโม่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง แอบฟังการเคลื่อนไหวภายนอกอย่างเงียบๆ

ต่อมาก็มีข้าหลวงเดินขึ้นหน้ามา แล้วมาพาหล่อนออกจากฉากกั้นออกไป ตรงไปยังตำหนักตะวันตก

เมื่อเข้าไปในตำหนักตะวันตกแล้ว กลับเห็นซือถูเย้นที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่บนเตียงในตำหนักตะวันตกอยู่ก่อนแล้ว ขาทั้งสองข้างไขว้กัน นิ้วเรียวยาวที่กำลังถือแก้วน้ำชาลายครามของจีนสีฟ้าขาว ได้เคลื่อนไหวมันเบาๆ ก่อนจะเอียงคอมาด้านข้างเล็กน้อย แสงสว่างจะโคมไฟบนกำแพง ทำให้รัศมีใบหน้าด้านข้างของเขาดูละมุนละไมยิ่งขึ้น

เขามองไปทางนางด้วยสายตาอ่อนเพลีย ก่อนจะยื่นมือไปกวัก “มานี่!”

หลีโม่แปลกประหลาดใจกับท่าทางลึกลับซับซ้อนของเขา หมุยเฟยและเฉิงเสี้ยงเสี้ยเพิ่งจะออกไปได้เพียงไม่นาน เขาก็พรวดเข้ามาแล้ว นี่คือพระตำหนักจิ่งหนิง เป็นพระตำหนักของฮองเฮาเหนียงเหนียงนะ

นางเดินเข้าไป แล้วมาหยุดยืนอยู่ด้านข้างของเขา “ท่านอ๋องมาแล้วหรือเพคะ?”

“มานี่!” ซือถูเย้นได้ชี้นิ้วไปด้านตรงข้าม ให้นางนั่งลง “ถึงอย่างไรหลี่ซื่อก็ยังไม่เข้าวังมาในเร็วๆนี้หรอก เจ้านั่งดื่มชาเป็นเพื่อนเปิ่นหวางหน่อยละกัน”

ดูเหมือนเขาจะคุ้นชินกับการออกคำสั่งเกินไปหน่อย เพียงแค่น้ำเสียงที่เรียบเฉย จนกระทั่งโทนเสียงก็ล้วนแล้วแต่อบอุ่นทั้งสิ้น แต่หลีโม่กลับรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามแทน

นางยังคงนั่งลงอย่างว่าง่าย ซือถูเย้นจึงได้เทชาให้แก่นาง จากนั้นก็เลื่อนไปไว้ด้านหน้าของนาง แล้วตรัสสั่งข้าหลวงว่า “ไปนำของทานเล่นสักสองสามอย่างมาสิ ขอที่อ่อนๆนะ”

หลีโม่เงยหน้าขึ้น แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาจึงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า :“เปิ่นหวางหิวแล้ว กินของว่างเป็นเพื่อนเปิ่นหวางสักหน่อยเถอะ”

เขาหิวหรือไม่เขาไม่รู้แน่แท้ แต่หลีโม่นั้นรู้ว่าตัวเองหิวแล้วจริงๆ

หลังจากที่เข้าวังมาได้ 2 วัน ดูเหมือนนางจะยังไม่ได้เสวยอาหารเลยสักมื้อ เอาแต่รับมืออยู่อย่างเดียว

นางไม่ใช่คนประเภทที่มีเรื่องแล้วจะเสวยอาหารไม่ลงเช่นนั้น ตรงกันข้าม ยิ่งมีเรื่องลำบากใจเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสวยอาหารมากขึ้นเท่านั้น

ไม่เสวยอาหาร จะมีแรงไปรับมือกับสถานการณ์ที่ลำบากทั้งหมดได้อย่างไรกัน?

ใช้กิริยาอย่างคำว่ามลายหายไปจนหมดสิ้นเสมือนพายุหอบเอาเศษปุยเมฆมาอธิบายมารยาทในการเสวยอาหารของหลีโม่ก็คงจะไม่ดูเกินจริงสักนิดเดียว ซือถูเย้นอดที่จะหยุดมองนางไม่ได้ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า : “เจ้านี่ดูไม่เหมือนกับธิดาของทุกคนเลยสักนิดเดียวจริงๆ”

หลีโม่กลืนข้าวคำสุดท้ายลงไป แล้วจะยืดคอขึ้นมาแล้วพูดขึ้นว่า :“เคยชินแล้วละเพคะ อาหารนี้รสชาติอร่อยเสียจริง”

“แต่ว่าอาหารพื้นๆเหล่านี้ เปิ่นกงไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าอร่อยเลย” ซือถูเย้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

หลีโม่หัวเราะออกมา “จะเป็นอาหารค้างคืนหม่อมฉันก็กินหมดเพคะ หม่อมฉันยังเคยกินอาหารเหลือของสุนัขเลยนะเพคะ ของเหล่านั้นมันดีมากเลยนะเพคะ”

เมื่อครั้งที่อยู่ในหน่วยงานลับ จะเอาเวลาไหนไปทานอาหารหากยุ่งมากละ? ก็ล้วนแต่จัดแจงทานอาหารตามใจปากทั้งนั้น อาหารที่มีหนู มด แมลงสาบนางก็สามารถทานได้หมด หลังจากที่ทานอาหารหมดแล้ว ก็รีบกลับไปหมกมุ่นกับงานต่อ

เมื่อก่อนสถานที่นางไว้ทานอาหาร ไม่ใช่ในโรงอาหารหรือในบ้านเลยแม้แต่น้อย ส่วนใหญ่แล้วนางทานอาหารในรถ ข้างถนน ในพุ่มไม้ อาหารส่วนใหญ่ไม่ใช้ข้าว ไม่ใช้กับข้าว แต่เป็นปลาที่อยู่ในแม่น้ำ กระต่ายที่อยู่บนภูเขา แล้วแต่จะจับได้ แล้วนำมายัดใส่ท้องให้อิ่มก็เพียงพอแล้ว

เมื่อสถานการณ์ด้านนอกได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง หลีโม่จึงได้ลืมตาขึ้นมาทันใด

จากนั้นก็ได้ยินเสียงของหยางมามาเข้ามาในหูว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ หลี่ซื่อฮูหยินของเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้อยู่ด้านนอกของตำหนักแล้วเพคะ”

ฮองเฮาตอบเสียงอื้อกลับไป “ให้นางอยู่ตรงนั้นก่อน หลังจากที่พาซูหลิงหลงมาแล้ว ค่อยให้นางเข้ามา”

“เพคะ!”หยางมามาตอบกลับแล้วเดินออกไป

หลีโม่รีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินไปเปิดม่านด้านหลังออก ก่อนจะมองลอดผ่านม่านมุกออกไป

ดูเหมือนเฉิงเสี้ยงเสี้ยจะมองกลับมาด้วยปฏิกิริยาโต้กลับ สายตาที่ดูราวกับงูพิษ ได้มองไปทางหลีโม่ที่กำลังมองผ่านม่านมุกออกไป สายตาคู่นั้นฉายแววความโกรธแค้นและชิงชังออกมา แทบจะแผดเผาหลีโม่ให้หมดสิ้นอย่างไรอย่างนั้น

ฮองเฮาพูดกับหมุยเฟยและเฉิงเสี้ยงว่า : “พวกเจ้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในด้านหลังฉากกั้นก่อนเถอะ ไม่มีคำสั่งจากเปิ่นกง ก็ห้ามออกมา”

นี่คือตำแหน่งเดียวกับที่หลีโม่เปลี่ยนได้ มีเพียงหลีโม่เท่านั้นที่อยู่ทำหน้าที่รับแขกได้

ซูหลิงหลงถูกพาตัวออกไป เสื้อผ้าบนตัวของนางฉีกขาดอย่างมาก อีกทั้งยังมีบาดแผลปรากฏขึ้นมาอีกด้วย เห็นได้ชัดว่านางต้องพบเจอกับการลงโทษที่หนักหนาแค่ไหน

แต่การลงโทษนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเสี้ยหลีโม่เจ้าตัวและเย็นเอ๋อร์ในวันนั้น กลับดูเบาเกินไปทีเดียว

ขันทีที่อยู่ใต้บัญชาได้ทุบตีอย่างโหดร้าย ซูหลิงหลงกลับดูอำมหิตมากกว่าพวกเขาหลายเท่า

เมื่อหลี่ซื่อเข้ามาแล้ว นางสวมเสื้อคลุมสีอ่อน เกล้าผมทรงสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีการแต่งเติมแต่อย่างใด ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางนั้นดูสะอาดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างสะอาดบริสุทธิ์และสูงสุด การเดินเหิน ทำให้รู้สึกถึงความสุภาพเยือกเย็นในท่วงท่า

เมื่อหลิงหลงฮูหยินพบนาง จึงรีบกระแอมขึ้นมาทันใด: “ฮูหยิน ฮองเฮาเหนียงเหนียงชมเรื่องภาพวาดของท่านอย่างไม่ขาดปาก ฮองเฮาจึงอยากจะขอบคุณเจ้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม