บทที่ 564 จับกุมซือถูเย้น
สองวันนี้ที่หลีโม่เข้ามา วิธีการรักษานั้นค่อนข้างที่จะระมัดระวัง ก่อนอื่นก็ล้างพิษก่อน เพื่อป้องการไวรัส แต่ว่าในหมู่บ้านมู่จ้าย เหลือยาไม่เยอะแล้ว เลยต้องไปเด็ดยาที่ภูเขาแบบสดๆ
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหายาสมุนไพรให้ครบทั้งหมดตามใบสั่งยา แต่โชคดี ที่หมู่บ้านมู่จ้ายอยู่ใต้ภูเขา แล้วรอบๆล้อมรอบไปด้วยภูเขา และหันหน้าไปทางน้ำ เลยพอหายาคบได้
เหลียนเฉียว อึ่มงิ่ม ป่านหลังเกิน ถูเสี้ยจู เซี่ยคูฉ่าว ผักคาวทอง ดอกแดนดิไลพบเห็นได้บ่อย และตอนนี้ก็เป็นตอนที่ฤดูใบไม้ผลิเปลี่ยนเป็นฤดูร้อน ยาสมุนไพรและดอกไม้ต่างก็จะเบ่งบานมาก
แต่ว่า จะหายาที่จะกำจัดโรคนั้นมันไม่ง่ายเลย
อย่างเช่นโสม เห็ดหลินจือ อึ่งคี้ โป่งรากสน อึ้งเจ็ง ทู่ซือจื่อ และโสมไซบีเรีย ทู่ซือจื่อยังพอหาได้ แต่ว่ายาสมุนไพรอื่น คงต้องลงเขาไปซื้อ
แต่ยังโชคดี ที่พวกหลีโม่หาไม่เจอ แต่กาวเฟิ่งเทียนสามารถหาได้
วันนี้เขาสั่งให้คนไปซื้อยามาเรียบร้อย ตอนนี้เรื่องซื้อยาก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน ยาของกรมฮุ่ยหมินนั้นไม่ได้ปล่อยยาออกมา ผู้คนเลยต้องซื้อของด้วยตัวเอง แต่เพราะว่าแผ่นดินไหว ถนนเลยเสียหาย เมืองอาวุธ,หลัวเซี่ยนเมืองอาน นั้นทรุดโทรมมาก แล้วบวกกับกฎของโรคระบาด เลยทำให้พ่อค้าขายยาไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามา
นอกจากนั้นผู้ป่วยก็มีจำนวนเยอะมาก และยาก็ต้องใช้เยอะพอสมควร
หลีโม่ยังคงพยายามหาวิธีรักษาที่เหมาะสมอยู่ ดังนั้น วันนี้เลยหาคนสองคนมาลองยาใหม่
เมื่อต้มยาเสร็จ หลีโม่ก็สั่งให้หลิ่วหลิ่วและหลิงลี่ยกไป ให้ผู้ป่วยสองคนดื่ม
หลิ่วหลิ่วและหลิงลี่ ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปในเขตตะวันตก ก็เห็นคนที่มีหน้าตาน่ากลัวเดินเข้ามาหลายคน แล้วเข้ามาตบยาทิ้งที่พวกนางกำลังถืออยู่โดยที่ไม่พูดอะไร
ทั้งชีวิตของหลิ่วหลิ่วน้อยมากที่จะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องในครัว เรื่องการขัวยาหรือต้มยานั้นยิ่งไม่เป็น เมื่อเห็นยาที่ตัวเองต้มมาได้อย่างยากลำบากถูกคนตบทิ้ง ทำให้นางโกรธมาก
ทหารยังไม่ทันได้รอนางโกรธ ก็จับมือนางไว้ แล้วพูดว่า “ไป ผู้ใหญ่จะพบพวกเจ้า”
หลิ่วหลิ่วโกรธจนบดฟันเป็นผง แล้วต่อยตาของพวกเขาหนึ่งหมัด จากนั้นก็ยกเท้าขึ้น แล้วเตะน้องชายของเขา
พวกทหารคิดไม่ถึงเลยว่าหลิ่วหลิ่วที่ดูท่าทางอ่อนแอ จะเป็นศิลปะการต่อสู้ เลยไม่ทันได้ป้องกัน จากนั้นก็พูดว่า
“ยี้?เจ้ารู้ศิลปะการต่อสู้ นางตัวดี ดูเหมือนว่าอ๋องซื่อเจิ้งของแคว้นต้าโจว ต้องมีจุดประสงค์อะไรแน่ๆถึงมาที่นี่ แม้แต่สาวรับใช้ก็เป็นศิลปะการต่อสู้”
เขากำลังพูด แล้วมืออีกข้างก็ค่อยๆยืดออกไป เพื่อที่จะจับหลิ่วหลิ่ว แต่หลิ่วหลิ่วโค้งตัวแล้วหมุน มืออยู่บนพื้น จากนั้นก็ใช้เท้าเตะพวกทหาร จนระเนระนาด
“เข้าไป เข้าไปพร้อมกัน”
ทหารหลายคนวิ่งขึ้นไปพร้อมกัน แล้วใช้วิธีต่างๆเพื่อโจมตีขา หน้าอก แล้วก็หัวของหลิ่วหลิ่ว
พวกเขาไม่ได้สนใจหลิงลี่ ที่อยู่ข้างๆที่กำลังถือยาแล้วตัวสั่นอยู่เลย พวกเขาไม่ได้สนใจนางเลย
ยาที่ต้มวันนี้เหลือแต่ชามที่นางถือไว้แล้ว ถ้าเทก็ต้องต้มใหม่ และอีกอย่าง ก็จะสิ้นเปลืองยามาก
ดังนั้น นางเลยใช้โอกาสที่หลิ่วหลิ่วสู้กับคนพวกนั้น แล้วเดินจากไปจากด้านข้างอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตามก็สามารถให้ผู้ป่วยคนหนึ่งลองดื่มยาดูว่าเหมาะสมหรือไม่ อย่าทำให้ความพยายามของพระชายาซื่อเจิ้งเสียเปล่า
เมื่อฉาวกั๋วจิ้วเห็นสู้กันขึ้นมา เลยรีบพาคนที่เหลืออยู่เข้าไป และเห็นหลิงลี่เบาไม้เบามือกำลังจะเดินออกไป แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา แล้ววิ่งเข้าไปขวางทางแล้วตบหลิงลี่
ฉาวกั๋วจิ้วเกิดในวงการทหาร ถึงแม้ว่าศิลปะการต่อสู้จะไม่ดีนัก แต่เขาก็ตั้งใจฝึกฝน การตบครั้งนี้ ถึงจะเป็นชายที่เป็นวิชาการต่อสู้ก็คงถูกเขาตบจนล้ม
เมื่อฉาวกั๋วจิ้วเห็นซือถูเย้น ก็ตาโตแล้วตะโกนขึ้นมาว่า “ซือถูเย้น เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆด้วย เจ้าช่างกล้าดีนัก ที่นี่คือเป่ยม่อ ไม่ใช่แคว้นต้าโจวของเจ้า เจ้ากล้าดียังไงมาจับข้าเป็นตัวประกัน?”
ซือถูเย้นมองยาที่สาดอยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ยาสองชามนั้น เขาเป็นคนจุดถ่านและดูไฟ แล้วมันสาดเนี่ยนะ?
เขาโกรธมากแล้วพูดกับเซียวโธ่อย่างเย็นชาว่า “มัวทำอะไรอยู่?โยนออกไป”
“เจ้ากล้าเหรอ?”ฉาวกั๋วจิ้วได้ยินเช่นนั้นก็โกรธมาก “ซือถูเย้นเจ้าขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ทั้งเป่ยม่อกำลังหาเจ้าอยู่ แล้วเจ้าอย่างจะกล้าไม่เคารพข้า?ถ้ารู้ตัว ก็กลับไปกับข้าแล้วยอมรับโทษต่อฮ่องเต้แต่โดยดี ถ้าไม่อย่างงั้น......”
องค์หญิงอานเดินออกมา แล้วทำตาโต “ไม่งั้นจะอะไร?ใครบอกว่าเขาขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์กัน?มีคนเห็นกับตาหรือไงกัน?”
ฉาวกั๋วจิ้วพยายามหลีกเลี่ยงองค์หญิงอาน เพราะพฤติกรรมของนาง
แต่ว่า ครั้งนี้เขามีเหตุผล เลยไม่กลัวนาง แล้วพูดว่า “องค์หญิง มีทหารเห็นกับตาตัวเองว่าเขาเป็นคนขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ไป องค์หญิงไม่รู้เรื่องนี้หรือ?ฮ่องเต้สั่งหมายจับแล้ว”
“ข้าไม่รู้?เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไร?เช้าวันที่ห้าข้าก็มาหมู่บ้านมู่จ้ายแล้ว” องค์หญิงกล่าว
ฉาวกั๋วจิ้วยื่นมือไปผลักดาบของเซียวโธ่ออก สายตามีความเจ้าเล่ห์ แล้วพูดว่า “เป็นอย่างนี้นี่เององค์หญิงเลยไม่รู้ แล้วถูกพวกขโมยหลอกลวง ให้อยู่ที่นี่ พวกเขาขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ในคืนวันที่ห้า แล้วทำการหลบหนี จนมาถึงที่นี่ องค์หญิงไม่ได้ลงจากเขาเลยไม่ทราบเรื่องนี้ ข้าจะกราบทูลฮ่องเต้เองว่าองค์หญิงไม่ทราบเรื่องนี้ ฮ่องเต้น่าจะไม่โทษองค์หญิงที่รับเลี้ยงสายลับของศัตรูอย่างแน่นอน”
“ข้าขอบคุณในความหวังดีของเจ้า” องค์หญิงอานกล่าวอย่างเบาๆ
“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด องค์หญิงไม่รู้ว่าพวกเขาขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ไป แล้วนึกว่าพวกเขารู้เรื่องการแพทย์ เลยให้อยู่ที่หมู่บ้านมู่จ้าย เพื่อดูแลผู้ป่วย นี่เป็นความรักชาติและความรักต่อผู้คน”
องค์หญิงอานเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ “ไม่ ข้าไม่ได้รับเลี้ยงพวกเขา แต่ขาเป็นคนพาพวกเขามาเอง เช้าในวันที่ห้า พวกข้าก็มาถึงแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...