บทที่ 567 เป่ยม่อเคลื่อนไหว
องค์หญิงอานกลอกตาใส่นาง “บอกเจ้าเป็นสุนัขจิ้งจอกเพราะชมเจ้าว่าฉลาด เจ้านึกว่าชมเจ้าสวยหรือไง ”
เมื่อพูดจบ นางก็ไม่สนใจหลีโม่ แล้วถามซือถูเย้นต่อว่า “แล้วที่เสบียงไฟไหม้ เกิดอะไรขึ้น?เจ้าอย่าบอกข้าว่า แม้แต่เทพเจ้าสายฟ้าก็ฟังคำสั่งของเจ้า แล้วฟ้าก็ผ่าลงมา”
ซือถูเย้นมองหลีโม่ แล้วหัวเราะ “ใช่ข้ามีคำรับสั่งให้เทพเจ้าสายฟ้า ดังนั้น เทพเจ้าสายฟ้าเลยผ่าเสบียงของเป่ยม่อทิ้ง”
องค์หญิงอานหัวเราะอย่างเย็นชา “หลอกข้าใช่ไหม?ข้ารู้ว่าพวกเจ้าพาคนออกไป แต่ว่า พวกเจ้าทำให้คนรู้สึกว่าเสบียงถูกฟ้าผ่าได้อย่างไรกัน?ถ้าผู้คนรู้เรื่องนี้ ฮ่องเต้ต้องลำบากแน่ๆ”
“อันนี้ ข้าไม่รู้จริงๆ” ซือถูเย้นส่ายหัว ใบหน้ามีรอยยิ้มที่สบายใจ การโจมตีกลับแบบเบาๆนี้ ฮ่องเต้ของเป่ยม่อจะได้รู้ว่า การที่ไม่เห็นคุณค่าของผู้มีพระคุณ จะมีบทลงโทษอย่างไร
เขาไม่ทำร้ายทหารของเป่ยม่อแม้แต่คนเดียว แต่จะให้พวกเข้าหิวสองวัน
การต่อสู้ใดๆที่ต้องรอเป็นเวลานาน เมื่อมีคำสั่ง ก็จะมีขวัญกำลังใจมหาศาล ก็จะไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งได้
แต่ว่า ก็เหมือนกับจอมยุทธ์ที่พร้อมโจมตีเสมอ แต่ตอนที่กำลังจะโจมตี ก็มีหินมาทำให้เขาสะดุด ความเหนื่อยล้าก็จะทำให้ขวัญใจหายไป
ฮ่องเต้ของเป่ยม่อนึกว่า ซือถูเย้นอยู่ในกำมือของเขา และแคว้นต้าโจวก็ยังไม่ได้เตรียมตัว การโจมตีครั้งนี้ ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
กองทัพที่เต็มไปด้วยพลังเช่นนี้ ต้องทำให้พวกเขาไม่มีแรง เลยต้องใช้วิธีที่สุดขีดแบบนี้ ให้พวกเขาหิว ความหิวสามารถทำให้ความตั้งใจของคนคนนั้นหายไปได้
ส่วนเรื่องที่ฟ้าผ่า แค่เป็นตัวเพิ่มความลึกลับให้กับเรื่องนี้และเพื่อข่มขู่พวกเขาเท่านั้น
เรื่องฟ้าผ่า ที่จริงเป็นอาวุธที่ตระกูลจู้เป็นคนสร้างขึ้นมา หลีโม่นำมาแก้ไขเล็กน้อย แต่ว่า หลีโม่กับคนของตระกูลจู้ ปฏิเสธอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่บอกวิธีการสร้างอาวุธนี้ให้กับเขา
นี่เป็นอาวุธที่สามารถระเบิดได้ สิ่งที่เขาเห็นก็คือดินประสิวกับกำมะถัน
อย่างไรก็ตาม อาวุธที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างนี้ แน่นอนว่าเขาอยากจะรู้ แต่ว่า......
อาจเป็นการดีที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ อาวุธที่มีพลังในการทำลายสูง สุดท้ายก็จะทำร้ายชีวิตในที่สุด
ถ้าสามารถสงบสุขได้ แล้วต้องการอาวุธจำนวนมากเพื่อไร?
“ช่างเถอะ พวกเจ้ามีแผ่นการของพวกเจ้า ข้าก็จะไม่ถาม ถ้าถามไปพวกเจ้าก็ไม่บอก แต่ไม่ว่ายังไง การที่ข้าช่วยเหลือพวกเจ้าครั้งนี้ก็เพราะว่า ข้อหนึ่งข้าเห็นแก่หน้าตาของอ๋องเย่เซียงของเจ้าหมอนั้น ข้อสอง เพื่อช่วยผู้คนในเป่ยม่อ และหวังว่าพวกเจ้าจะหาวิธีรักษาโรคระบาดได้” องค์หญิงอานกล่าว
ซือถูเย้นกล่าว “องค์หญิง พรุ่งนี้ข้าก็จะไปจากหมู่บ้านมู่จ้ายแล้ว แต่หลีโม่และหลิ่วหลิ่วจะอยู่ที่นี่ ในตอนนี้ฮ่องเต้ของเป่ยม่อของพวกเจ้าก็ยอมรับแล้วว่าพวกข้ามาเพื่อช่วยเหลือเป่ยม่อ หลีโม่อยู่ตรงนี้ก็จะสามารถทำอะไรได้สะดวกขึ้นเยอะ และแน่นอนว่าต้องมีคนเข้ามาขัดขวางอีก ฝากองค์หญิงช่วยดูด้วย และแน่นอนว่าจะต้องหาวิธีรักษาให้ได้โดยเร็วที่สุด”
องค์หญิงตกใจ “เจ้าจะไปที่ไหน?”
ซือถูเย้นหัวเราะเบาๆ “พระชายาของขายังไม่ได้ถามอะไรเลย องค์หญิงจะถามอะไรตั้งเยอะแยะ?”
องค์หญิงอานมองหลีโม่ “เจ้าไม่ถามเหรอ?”
หลีโม่มองทั้งสองคุยกัน ราวกับว่านางเป็นส่วนเกิน แต่ตอนนี้กับจำนางได้ แล้วพูดด้วยท่าทางที่โกรธว่า “เขาจะไปไหน ข้าในฐานะภรรยา จะไม่รู้หรือไง?”
“งั้นเขาจะไปไหนกัน?” องค์หญิงอานสงสัยมาก ถึงแม้จะพึ่งรู้จักซือถูเย้นและหลีโม่ แต่สองวันนี้ ทั้งคู่ต่างทำให้นางแปลกใจอยู่ไม่น้อย
ผู้คนเป็นผู้บริสุทธิ์เพียงไร?พวกเขาแค่อยากให้ชีวิตอย่างสงบสุข
“ไอ้เจ็ด สงครามครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงก็สู้ไม่ได้ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อผู้คนในแคว้นต้าโจวของพวกข้า แต่เพื่อผู้คนในเป่ยม่อด้วย” หลีโม่พูดอย่างเบาๆ
ซือถูเย้นพยักหน้า “เจ้าไม่พูด ข้าก็จะพยายามสร้างความสันติสุข”
เขาไม่สามารถทนความน้อยใจนี้อย่างเปล่าๆได้ ฮ่องเต้ของเป่ยม่อต้องชดใช้ทะเยอะทะยานของเขาด้วย
ฮองเฮาจะลงโทษฉาวกั๋วจิ้วอย่างไร พวกเขาไม่สนใจ แต่ว่า ฮ่องเต้กลับมีพระราชโองการ ให้ขุนนางทั้งหมดของเป่ยม่อ และหมอของกรมฮุ่ยหมินทั้งหมด ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับพระชายาซื่อเจิ้งของแคว้นต้าโจวในเรื่องการแพทย์
ในเวลาเดียวกัน ก็มีพระราชโองการให้แม่ทัพฉินโจวกลับมา และให้กองทัพเป่ยม่อถอยออกมาห้าสิบกิโล จากนั้นก็สั่งให้ทหารและม้ากลับมาหนึ่งแสนนาย เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ
หลังจากที่คำรับสั่งนี้ลงมา อ๋องฉีก็มาหมู่บ้านมู่จ้ายด้วยความดีใจ เมื่อเห็นซือถูเย้นก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “เป่ยม่อของข้ายังพอมีช่วย ฮ่องเต้ยังไม่ถูกความทะเยอทะยานกลืนกินความเฉลียวฉลาดของเขา”
ซือถูเย้นเทน้ำเย็นหนึ่งกะละมังออกไป “ถ้าเสบียงไม่ถูดเผา คำรับสั่งนี้จะลงมาเหรอ?”
สีหน้าของอ๋องฉีนิ่งไป “พี่ซือถู เจ้าให้ข้าหลอกตัวเองและคนอื่นหน่อยไม่ได้หรือๆไงกัน?”
“หลายปีมานี้ เจ้ายังหลอกไม่พอเหรอ?นิสัยของเจ้าที่ไม่เด็ดเดี่ยวแบบนี้ ถึงทำให้อ๋องเจิ้งโก๋และฉาวฮองเฮามีอำนาจ ในการขัดขวางการตัดสินใจของฮ่องเต้ได้”
ที่จริงซือถูเย้นอยากพูดว่าฮ่องเต้มีใจที่มักใหญ่ฝ่ายสูงอยู่แล้ว แต่เพราะว่าคิดถึงความสัมพันธ์ของอ๋องฉีที่มีต่อฮ่องเต้ เลยพูดคำพูดให้เบาลง แต่ว่า ในใจของเขาน่าจะรู้ดี แต่เขาแค่ไม่อยากทำลายมัน
สถานการณ์แบบนี้ เขาเข้าใจดี เพราะว่าเขาก็มีเสด็จพี่ที่เป็นฮ่องเต้คนหนึ่งอยู่เหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...