พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 569

บทที่ 569 อ๋องเจิ้งโก๋

เซียวโธ่เงยหน้าขึ้น เห็นหลีโม่กับหลิงลี่เดินออกมาจากห้องครัว เลยกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ท่านบอกลากับพระชายาเถิด พวกข้าจะกลับไปเก็บของแล้ว”

หลีโม่ยืนตรง แล้วสั่งหลิงลี่ไม่กี่คำ จากนั้น หลิงลี่ก็พยักหน้า แล้วถือยาเข้าไป

หลีโม่เดินมา “อ๋องฉีไปแล้วเหรอ?”

“ไปแล้ว” เซียวโธ่พูด “พวกข้าก็ต้องไปแล้ว ต้องกลับไปเก็บของ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ดึงซูชิง ซูชิงก็เก็บสายตาอย่างเลื่อนลอย “โอ้?ไปแล้วเหรอ?ดี งั้นไปกันเถิด”

เซียวโธ่เห็นสีหน้าของเขาแปลกๆ “เจ้าเป็นอะไร?”

“ไม่มีอะไร จะมีอะไรได้ไงกัน?” ซูชิงดึงเขาแล้วรีบเดินจากไป

หลีโม่เห็นซูชิงเดินเร็วมาก เลยถามว่า “ซูชิงเป็นอะไร?”

“ใครจะไปรู้ละ?” ซือถูเย้นมองไปที่ด้านหลังของซูชิง

“สองวันนี้เหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะมีเรื่องเก็บไว้ในใจ” หลีโม่คิดถึงการกระทำแปลกๆในสองวันนี้ของเขา เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนนั้นแตกต่างกันมาก อย่างบอกนะว่า โหรวเหยาไปสารภาพรักกับเขาอีกแล้ว?

แต่ว่า โหรวเหยาเคยบอกว่า จะไม่บังคับเขา

อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวลไป เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมีความรัก

เดิมทีซือถูเย้นวางแผนจะไปตั้งแต่คืนนี้ แต่องค์หญิงอานมาบอกเขาว่า พรุ่งนี้อ๋องเจิ้งโก๋และกรมฮุ่ยหมินจะมา ซือถูเย้นเลยวางแผนเจอกับอ๋องเจิ้งโก๋สักหน่อย

เช้าวันรุ่งขึ้น ตามที่คาดไว้ หมอจำนวนมากจากกรมฮุ่ยหมินมาถึง หลังจากนั้นก็ไปแจ้งให้ใต้เท้าซูว่า ฮ่องเต้จะส่งอ๋องเจิ้งโก๋มาเพื่อถามสถานการณ์ของเขตประสบภัย

อ๋องเจิ้งโก๋มาถึงประมาณเที่ยง

เพราะว่าเป็นคำสั่งของฮ่องเต้ ดังนั้นผู้คนในหมู่บ้านมู่จ้ายที่ไม่ติดเชื้อต่างต้องออกมาต้อนรับ

ขบวนของอ๋องเจิ้งโก๋เดินเข้ามา ทหารของเขาต่างถือเสบียงและพวกเสื้อผ้า และยังมีพวกของใช้ประจำวัน

ซือถูเย้นและหลีโม่ยืนอยู่หน้าเขตตะวันตก แล้วมองชายวัยกลางคนที่ขี่ม้าขาวแล้วสวมชุดคลุมสีดำ ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างกันมาก แต่ว่า ก็สามารถสัมผัสพลังอำนาจของเขาได้

หลังเขาตรงมาก แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น เหมือนกำลังมองทุกคนด้วยห่างตาอย่างดูถูก ในมือจับบังเหียน แล้วขี่ม้าเดินมาอย่างช้าๆ

ผู้คนก้มกราบ เขาแค่พยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นก็ขี่ม้ามา จนถึงเขตตะวันตก เมื่อเห็นซือถูเย้น เขาก็ไม่ลงมาจากม้า แค่มองซือถูเย้นจากไกลๆ

คนหนึ่งเป็นอ๋องซื่อเจิ้งที่ในมือมีอำนาจในการฆ่าคนของแคว้นต้าโจว และเป็นนรบที่อยู่ในสนามรบมาหลายปี ส่วนอีกคนเป็นผู้นำของราชวงศ์เป่ยม่อ ที่เต็มไปด้วยพลัง และมีอำนาจมหาศาลอย่างอ๋องเจิ้งโก๋

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ก็สามารถได้กลิ่นควันผ่านมาจากทางอากาศเลย

ซือถูเย้นอ่อนน้อมถ่อมตน มีใบหน้าที่นิ่งเฉย

อ๋องเจิ้งโก๋กำเริบเสิบสาน อวดดีและเอาแต่ใจ

บรรยากาศเหมือนกับหยุดชะงักลง สัตว์และผู้คน ต่างก็หยุดลง บรรยากาศนี้ ทำให้คนรู้สึกว่าอีกหนึ่งวินาทีถัดไป ทั้งสองจะสู้กัน

แต่ว่า ไม่ใช่เช่นนั้น

ทันใดนั้นอ๋องเจิ้งโก๋ก็หัวเราะ แล้วลงมาจากหลังม้า จากนั้นก็หัวเราะแล้วเดินเข้ามา “อ๋องซื่อเจิ้ง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้พบ โชคดีจริงๆ”

ซือถูเย้นขยับมุมปากเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงามมีสีหน้าที่ประชดประชัน “อ๋องเจิ้งโก๋ เจ้าและข้าไม่ได้เจอกันเป็นครั้งแรกแล้ว เรื่องโชคดี จะพูดจากตรงไหน?”

อ๋องเจิ้งโก๋หัวเราะ แล้วตบไปที่ไหล่ของซือถูเย้น “พี่ซือถู เจ้ายังน่าสนใจเหมือนเดิม”

ซือถูเย้นเอามือเขาออกอย่างช้าๆ ยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้มแล้วมองเขา “น่าสนใจ?แน่นอน”

หลีโม่และซือถูเย้นมองหน้ากัน แล้วรู้สึกว่า อ๋องเจิ้งโก๋คนนี้บ้าจริงๆ

แน่นอนว่า นี้เป็นแค่ภายนอก

ทางนี้ใช้ปากสู้กัน แต่ทางเซียวโธ่กับองครักษ์คนหนึ่งของอ๋องเจิ้งโก๋กับทะเลาะกันขึ้นมา

เซียวโธ่เป็นคนอารมณ์ร้อน และเสียงก็ดัง การทะเลาะนี้ ทำให้ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดมาทางนี้

“เซียวโธ่ เกิดอะไรขึ้น?” ซือถูเย้นเขาไปถาม

เซียวโธ่จ้ององครักษ์คนนั้น แล้วพูดว่า “เมื่อกี้มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินมารับของ แล้วเขาผลักชาวบ้านคนนั้น และยังพูดอย่างรังเกียจว่าเจ้าพวกโรคระบาดอย่าเข้ามาใกล้”

ซือถูเย้นมองไป แล้วเห็นชาวบ้านที่ถูกรังแกยืนอยู่ที่ข้างๆจริงๆ

ซือถูเย้นรู้จักเขา เพราะว่าหลังจากที่เขาเข้ามาที่หมู่บ้านมู่จ้าย ชาวบ้านคนนี้เป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือเขา และกระตือรือร้นมาก ครั้งนี้เขามารับของเพื่อเอาไปแจก เพราะเกิดจากนิสัย เพราะว่าหลังจากแผ่นดินไหว เขาก็ช่วยเหลือทุกคนมาโดยตลอด

ชาวบ้านคนนี้ ชื่อหลี่ฝู

เมื่อผู้คนได้ยินว่าคนที่อ๋องเจิ้งโก๋พามาไม่ชอบทุกคน ก็ต่างพากันหยุดมือ แล้วโกรธเป็นอย่างมาก

อ๋องเจิ้งโก๋โกรธมาก แล้วมีคำสั่งว่า “คนรับใช้ ลากตัวลงไป แล้วโบยสามสิบที เพื่อเป็นตัวอย่างผู้ที่กระทำผิด”

องครักษ์คนนั้นคุกเข่าลง ไม่ได้ขอให้ยกโทษให้ แต่กราบเพื่อยอมรับผิด “ท่านอ๋อง ข้ามีความผิดและจะขอรับโทษ”

ซือถูเย้นเห็นเขาถูกลากออกไป แล้วถูกนำไปโบยที่เขตตะวันตก

โบยสามสิบที แต่แค่ใช้ไม้ที่ถูกทิ้งที่นี่โบย การโบยสามสิบทีนี้มันไม่เจ็บเลย แต่ว่า มันกลับสามารถแสดงให้เห็นว่าอ๋องเจิ้งโก๋นั้นรู้ว่าอะไรควรลงโทษ หรือให้รางวัล และเป็นคนที่รักผู้คน

ซือถูเย้นแค่หันหน้าไปอย่างประชดประชัน การแสดงครั้งนี้ ใช้ทั้งเมตตาและความน่าเกรงขามพร้อมกัน ความเมตตาใช้กับผู้คน ความน่าเกรงขามก็ทำให้ผู้คนดูเช่นกัน เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่า ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะมีคำรับสั่งให้ความสำคัญกับหมู่บ้านมู่จ้าย แต่ว่า พวกเขาก็ต้องรู้จักตำแหน่งของตัวเอง อำนาจของฮ่องเต้ยั่วยุไม่ได้ ซือถูเย้นก็แค่เป็นอ๋องซื่อเจิ้งของแคว้นต้าโจวเท่านั้น คนที่ถืออำนาจการฆ่าอยู่จริงๆ คือฮ่องเต้ของเป่ยม่อ หรือว่าเขาที่เป็นอ๋องเจิ้งโก๋

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม