พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 622

บทที่ 622 ต้องให้หลีโม่ชี้แนะ

ฉินโจววางถ้วยยาลง พยุงนางขึ้นด้วยความระมัดระวัง ดันหมอนนุ่มปักลวดลายดอกบีโกเนียสวยงามไว้ข้างหลังนาง ส่วนตัวเขานั่งลงข้างเตียง

นางถือชายเสื้อเอาไว้ ถือถ้วยยาขึ้น ใช้ช้อนคนยาในถ้วยหลายครั้ง ไอร้อนลอยตัวขึ้น ค่อยๆ ลอยผ่านหน้านางขึ้นด้านบน นางดูช่างอ่อนไหวราวสายน้ำ เป็นสายความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

นางเป่าลมเบาๆ แล้วจึงป้อนยาเต็มช้อนไปใกล้ริมฝีปากหลีโม่ “น่าจะไม่ร้อนแล้ว กินสิ”

หลีโม่เริ่มรู้สึกเกรงใจ จะลำบากแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่มาป้อนยาให้นางได้อย่างไร?แต่ตัวนางเองก็ไม่สะดวกจริงๆ จึงทำได้เพียงอ้าปาก

เมื่อได้เห็นท่าทีของฉินโจวแล้ว พลันมองออกว่าไม่คุ้นเคยกับการดูแลใคร งานละเอียดอ่อนอย่างนี้จึงทำได้ทุลักทุเลยิ่งนัก ยาร่วงลงบนผ้าห่มไปหลายหยด เขารีบเช็ดทำความสะอาด แต่กลับยิ่งโคลงยาในถ้วยทำให้ยิ่งหกลงบนผ้ามากขึ้นไปอีก

หลีโม่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก “ให้ข้าทำเองจะดีกว่า!”

ฉินโจวทอดถอนหายใจ ยังคงยื่นช้อนออกไป “เจ้าเพียงอ้าปากก็พอแล้ว”

หลีโม่เห็นสายตาของนางเริ่มกระตุกด้วยความโกรธ จึงทำได้เพียงพยายามรับการดูแลของนางอย่างเต็มที่

ในที่สุดก็กินยาจนหมดด้วยความยากลำบาก ฉินโจวและหลีโม่ต่างถอนหายใจโล่งอกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

เมื่อฉินโจววางถ้วยลง ก็หยิบถุงผลไม้อบออกมา “แซ่แซ่” ถุงเปิดออกตรงหน้าหลีโม่ “กินซะ”

หลีโม่ถึงกับประหลาดใจ เจ้าฉินโจวนี่ก็รู้จักดูแลคนอื่นเหมือนกันหรือนี่

หลีโม่เลือกผลไม้ชิ้นนึงใส่ปาก จริงๆ แล้วนางเองก็ไม่ได้ชอบกินอะไรหวานๆ เปรี้ยวๆ อย่างนี้หรอก เพียงแต่ไม่อยากทำลายความตั้งใจของเขา

“หลิงลี่บอกว่าเจ้ามีเรื่องจะพูดกับข้า!” พอฉินโจวเห็นนางกินแล้ว จึงเก็บถุงไว้ข้างเตียงวางซ้อนไว้อย่างนั้น

หลีโม่ยุ่งอยู่กับการคายเมล็ด ฉินโจวตั้งใจยื่นมือออกไป แล้วเขาก็จ้องอยู่อย่างนั้น จึงค่อยๆ ดึงมือกลับไปอย่างเขินๆ และหยิบผ้าเช็ดหน้าที่วางอยู่ด้านข้างยื่นมาให้หลีโม่แทน คิ้วของหลีโม่เลิกขึ้นเล็กน้อย หากไม่ได้ดูผิด บนผ้ายังมีน้ำมูกของหลิ่วหลิ่วติดอยู่

แต่เพราะฉินโจวยังคงจ้องมองมา นางจึงต้องรับไปอย่างเสียไม่ได้ พับมุมด้านข้างคายเมล็ดไว้บนผ้า แต่เมล็ดนั้นกลับร่วงหล่นลงอีก

ฉินโจวขมวดคิ้วเข้ม “มือยังเจ็บอยู่หรือ?”

เขาหยิบผ้าขึ้นเช็ดตรงริมฝีปากหลีโม่ “ตรงนี้ยังมียาติดอยู่”

หลีโม่ตะโกนขึ้นในใจ ไอ้เจ้าบ้าเอ้ย!

ไม่ดูความสะอาดสักหน่อยเหรอ?

“เป็นอะไร?งงอะไรกัน?” ฉินโจวก้มเก็บเมล็ดนั้นแล้วโยนลงไปในตะกร้า พลางเก็บผ้าเช็ดปากนั้นไว้ในชายเสื้อตัวเอง “พูดมา มีเรื่องอะไรกัน?”

หลีโม่กลับรู้สึกร่างกายไม่ค่อยสบาย หยิบผ้าเช็ดนั่นทิ้งออกไปด้วยมืออันสั่นเทา “ผ้านั่นหลิ่วหลิ่วเพิ่งใช้เช็ดน้ำมูกไป”

“...”

คิ้วเรียวงามของฉินโจวขมวดขึ้น พลันเอ่ยขึ้นอย่างเก้อเขิน “เจ้าหลิ่วหลิ่วนี่ ไม่มีความเรียบร้อยเอาเสียเลย”

ไม่ใช่แค่ไม่เรียบร้อย?เรียกได้ว่าสกปรกเลยทีเดียว... ช่างมันเถอะ

“ต่อไปก็ไม่ต้องให้นางมาบ่อยๆ” คิ้วของฉินโจวที่กองอยู่ก็ยังไม่คลายออก หน้าผากหดตัวจดเป็นรอยสามขีด ท่าทางดูรังเกียจยิ่งนัก

“...”

หลีโม่เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “ข้าเรียกเจ้ามา เพราะมีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

“เจ้าพูดมาได้เลย!” ฉินโจวรีบรับคำ ดูเหมือนเขาเองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับหลีโม่อยู่เช่นกัน

หลีโม่ดึงผ้าห่มขึ้น เอ่ยปากอย่างช้าๆ “ตระกูลฉินของเจ้าอยู่ที่แคว้นเป่ยม่อ แม้จะเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากฮ่องเต้มาโดยตลอด หากเจ้าจะก่อกบฏก็ต้องมีเหตุผลที่ดี ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้คนตราหน้าได้ว่าเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณบรรพบุรุษ ดังนั้น ข้าอยากจะถามเจ้า ในใจเจ้าคิดจะทำอย่างไร?

“แทบไม่มีพิธีรีตอง”

“เคยเอ่ยหรือพูดถึงการเมืองบ้างหรือไม่?”

“ก็ไม่เคย”

หลีโม่พยักหน้า “ใช่แล้ว ที่นางทำอย่างนี้ในหลายปีมานี้ ไม่เป็นอะไรไปมากกว่าความต้องการจะทำลายความสัมพันธ์ที่มีกับราชวงศ์และพระราชวงศ์ แม้แต่ทรัพย์สินของนาง นางก็จะไม่รับไว้เป็นอันขาด รู้ไหมว่าเพราะอะไร?”

ฉินโจวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที ทั้งยังประหลาดใจมากด้วย ราวกับเขาได้รับรู้สิ่งสำคัญบางอย่าง “เป็นเพราะอะไร?”

“นั่นเพราะ นางไม่เห็นด้วยกับการกระทำทั้งหมดของฮ่องเต้เป่ยม่อ นางยังเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ไกล นางรู้ดีว่าการปกครองแบบทรราชเช่นนี้ ท่ายที่จุดจะนำมาซึ่งการลุกฮือของประชาชน นางจึงวางมือทำตัวให้ใสสะอาด เพื่อตัวเอง และเป็นสิ่งที่จะทำให้กับประชาชนได้”

“การล้างตัวนี้ เป็นการตอบแทนประชาชนและตัวเองได้อย่างไร?” ฉินโจวยังไม่เข้าใจความคิดแบบอ้อมค้อมแบบนี้

หลีโม่จึงอดทนอธิบายให้เขาฟัง “หากนางยอมรับทรัพย์สินมรดกจากพระราชวงศ์ ก็ต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่ของการเป็นองค์หญิง ในภายภาคหน้าหากทหารยึดจนถึงกำแพงเมืองแล้ว นางก็อาจไม่สนใจได้ เพราะแม้นางจะเกิดในตระกูลพระราชวงศ์ แต่กลับไม่เคยเสพสุขในลาภยศทรัพย์สินของประชาชนเลย เท่าที่ข้ารู้ นางยังคงได้รับทรัพย์สินตามตำแหน่งของนางในราชวงศ์ แต่นางได้นำเงินทั้งหมดไปใช้กับราษฎร์ทั้งสิ้น นางใช้ความพยายามทั้งหมด เพื่อตอบแทนผู้อื่นแทนราชวงศ์นี้ ถึงจุดนี้ เจ้าไปถามกาวเฟิ่งเทียนได้ เขารู้เรื่องนี้ทั้งหมดเป็นอย่างดี ในเรื่องความรับผิดชอบต่อประชาชน หากนางช่วยเหลือฮ่องเต้เป่ยม่อ ก็นับว่าเป็นการทำผิดต่อประชาชน อย่างน้อย ข้าคิดว่านางน่าจะมีความคิดเช่นนี้”

หลีโม่ได้พยายามอธิบายความคิดอ่านขององค์หญิงอานโดยง่ายที่สุดแล้ว

ฉินโจวก็นับว่าเข้าใจมาได้แล้ว หากได้รับการยอมรับจากเชื้อพระวงศ์เอง ตัวเขาก็รู้สึกกล้าหาญขึ้นมาอีกมากนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม