บทที่ 626 ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์
แท้จริงแล้ว หากฮ่องเต้แห่งเป่ยม่อเก็บความหยิ่งผยองและด้านมืดของตัวเอง หลอกทางฉินโจวหน่อย วางแผนให้ดีอีกสักนิด หากเพียงทำอย่างนั้น เขาก็คงสามารถครองบัลลังก์ได้อยู่ต่อไป
แต่น่าเสียดาย เขามองฉินโจวผิดไปจริงๆ คิดว่าที่ฉินโจวก้มหัวปฏิบัติตามเขาได้มาหลายปีเป็นนิสัยของนางจริงๆ ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าที่นางทำไปเช่นนั้นเบื้องหลัง กำลังล่อเหยื่อให้ติดกับ
กลยุทธ์ฮ่องเต้เป่ยม่อใช้คนโดยไม่สงสัย หากคลางแคลงใจจะไม่ใช้นั้น กับฉินโจวแล้วพลิกผันไปเสียสิ้น
เขาแตะถูกฟางเส้นสุดท้ายของฉินโจว
เขาตลอดมาไม่เคยสังเกตฉันโจวจริงๆ เลย คิดว่านางเหมือนตนเอง เพื่อขยายอาณาเขตออกไป สามารถละทิ้งทุกสิ่งไปได้ รวมถึงชีวิตประชาชน
เสียงเล่าลือในเมืองหลวงถึงวันที่สิบห้านี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงไป
อ๋องเจิ้นโก๋กลายเป็นตัวละครหลักในข่าวต่างๆ
เรื่องที่เขาโหดร้ายทารุณต่อประชาชนในที่สุดก็ถูกเปิดเผย ทั้งยังบอกอีกว่าเรื่องที่ฮ่องเต้ทำร้ายประชาชน เป็นความตั้งใจของเขา
เป็นดังนั้น ฮ่องเต้และอ๋องเจิ้นโก๋กลายเป็นผู้ร้าย บรรดาขุนนางทั้งหลายและประชาชนต่างรอวันล้างแค้น ทำลายความมืดมนทิ้งไป
เมื่อวันล้างแค้นมาถึง พลบค่ำคืนวันที่สิบหกเดือนเจ็ด ตระกูลฉินกลับมา ล้อมรอบกำแพงเมืองไว้อย่างแน่นหนา อ๋องฉู่โยว่และฉินโจวนำทัพเข้าวังหลวง
ค่ำคืนนั้น หลีโม่และซือถูเย้นอยู่ตรงลานบ้านดื่มชา เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของแคว้นเป่ยม่อ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา พวกเขาเพียงรอให้ท่านอ๋องฉู่โยว่ขึ้นครองราชย์ แล้วหลังจากนั้น พวกเขาก็จะเป็นข้าราชบริพารให้กับทั้งเป่ยม่อและต้าโจว นำบันทึกสัญญาสงบศึกร้อยปีของทั้งสองแคว้น และกลับไปเป็นวีรบุรุษแห่งต้าโจว
เสียงอาวุธสู้รบปะทะกันและเสียงกลองสงครามดังออกมาจากด้านนอก ไม่ถึงสองชั่วยาม ก็ได้ยินเสียงตีระฆังจากพระราชวัง ประกาศชัยชนะของฉินโจวและอ๋องฉู่โยว่
ไม่เอ่ยถึงหลีโม่ แม้กระทั่งกับซือถูเย้นเองยังนับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เข้ายึดอำนาจได้รวดเร็วที่สุด ทั้งที่ฉินโจวต้องต่อกรด้วยคือศัตรูทั้งสองฝ่าย
“ฉินโจวชนะแล้ว” หลีโม่เอ่ย
ในมือซือถูเย้นหมุนแก้วไปมา สายตาที่มองตามแก้วไปนั้นส่องประกายสั่นไหว “สู้ศึกกับฉินโจว ต่างไม่มีจุดจบที่ดี”
นี่คือเหตุผลที่เขาพยายามวางแผนเพื่อที่จะไม่ต้องสู้กับแคว้นเป่ยม่อโดยตรง
ข่าวคราวดังมาให้ยินทุกขณะ
เริ่มแรก คืออ๋องเจิ้นโก๋ประหารฮ่องเต้เป่ยม่อ วางแผนข้นครองราชย์
อีกครั้งคือ ฉินโจวและท่านอ๋องฉู่โยว่นำทัพเข้าวังหลวงคุมตัวอ๋องเจิ้นโก๋ นำพระศพของฮ่องเต้เป่ยม่อมาได้ ... รักษาพระศพให้ครบสมบูรณ์นับเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง
จากนั้น ฉาวฮองเฮาได้รับบาดเจ็บจากศึกความวุ่นวายในวัง ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย อ๋องฉู่โยว่ช่วยแม่บุญธรรม และโดนทำร้ายโดยคนของอ๋องเจิ้นโก๋ นับเป็นความกตัญญูยิ่ง
หลังจากนั้น ฉาวฮองเฮาเรียญเชิญราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อน แท้จริงแล้วเมื่ออ๋องฉู่โยว่กำเนิดฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีความปีติเป็นอันมาก หมอดูพยากรณ์ว่า บุตรองค์นี้ในภายภาคหน้าจะมีบุญญาธิการยิ่ง จึงทิ้งพระราชโองการเอาไว้ หากภายภาคหน้าแคว้นเป่ยม่อเกิดเหตุเภพภัยอันใด ให้เชิญอ๋องฉู่โยว่ขึ้นเป็นรัชทายาท
ราชโองการฉบับนี้มีคนเชื่อจำนวนมาก แต่ว่า ตราลักจกรและลายมือพระหัตถ์ของฮ่องเต้องค์อยู่ที่ใด ต่างไม่มีใครกล้าตั้งข้อสงสัย?
ฉินโจวถึงกับออกมากล่าวด้วยตนเองว่าหากผู้ใดสงสัยก็ให้ไปสอบถามกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนด้วยตนเอง
ดังนั้น ผู้ที่สงสัยต่างแสดงว่าความสัมพันธ์ของตนกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนจบสิ้นไปแล้ว ไม่ขอพบเจอกันอีกแม้เป็นหรือตาย
เมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องทุกอย่างจึงสำเร็จอย่างสมบูรณ์ อ๋องฉู่โยว่ขึ้นเป็นฮ่องเต้
อ๋องเจิ้นโก๋ก็ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงอะไร ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนใบหน้าของฮ่องเต้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระบายความโกรธ ทั้งยังพูดถึงเหตุผลอีกร้อยพันประการ ก็ไม่ต่างอะไรกับการชื่นชมตัวเองของฮ่องเต้ จะอย่างไรทุกคนก็เป็นโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เจ้ารูปลักษณ์ไม่เท่าข้า ความสามารถไม่เท่าข้า แม้แต่ตอนเด็กจะจับไก่ เจ้ายังไม่ว่องไวเท่าข้าเลย
ฮ่องเต้โกรธแค้นจนกระอักเลือด เงยหน้ามองฟ้าพลางทอดถอนใจ รำพึงว่าแม้เคยคิดว่าจะมีคนก่อกบฏแต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขา และยังบอกอีกว่าฉินโจวจะนำคนมาปกป้องเขา
อ๋องเจิ้นโก๋จึงเอ่ยถึงคนสนับสนุนเขาเบื้องหลัง ก็คือเจ้าเด็กฉินโจวนั่นให้ข้ามาฆ่าเจ้า น้องชายเจ้ายึดอำนาจเจ้าแล้ว เจ้าจะยอมหรือไม่?
ฟังมาว่าฮ่องเต้พลันล้มลงบนพื้น ผรุสวาทฉินโจวว่าไม่มีวิสัยทัศน์ ข้าเป็นฮ่องเต้แต่เจ้ากลับไม่ร่วมมือข้า แต่กลับร่วมมือกับไอ้ระยำนี่
แน่นอนว่า กับคำว่าระยำนี้อ๋องเจิ้นโก๋ จึงเอ่ยข้อเสนอเปิดใจกับพี่ชายตนเอง ยื่นข้อเสนอให้ฮ่องเต้สองข้อ
ข้อเสนอแรก เจ้าเขียนประกาศสละตำแหน่ง ข้าจะรักษาศพเจ้าไว้ให้สมบูรณ์
ข้อเสนอที่สอง ข้ารักษาศพเจ้าไว้ให้สมบูรณ์ เจ้าเขียนประกาศสละตำแหน่ง
ฮ่องเต้เข้าใกล้ความตายเข้าทุกที แต่จะอย่างไรก็ไม่ยินยอมเขียนประกาศสละตำแหน่ง อ๋องเจิ้นโก๋หยิบดาบขึ้นหวังจะข่มขู่ ฮ่องเต้องค์นี้ที่สุดก็แข็งใจ ตั้งลำคอตรงพุ่งตัวไปยังคบดาบ ประหารชีวิตตัวเอง
อ๋องเจิ้นโก๋ปวดใจจนน้ำตาอาบลงข้างแก้ม ร่ำไห้เสียใจที่พี่ชายตนเองไม่มีน้ำใจ เจ้าต้องตายอยู่แล้ว ก็ยังไม่มอบบัลลังก์ให้ข้า นี่ไม่เหมือนกับนิสัยแต่เดิมของเจ้าเลย เมื่อครั้งยังเด็ก อะไรก็ตามที่เจ้าไม่อยากได้แล้ว เจ้าก็จะให้ข้าน้องชายเจ้าเสมอ ในครั้งนี้เจ้าไม่มอบให้ข้า เป็นคนทำไมจึงเสมอต้นเสมอปลายเลย
ดังนั้น เขาจึงคำนับด้วยพิธีปฏิบัติชั้นสูงด้วยความเจ็บปวดใจ คมดาบกระบี่ที่แกว่งไกว กลับฟาดฟันร่างพระศพขาดสะบั้น
เขาทำการล้างเข่ข้าสังหารคนในพระราชวัง หากแม้นเป็นบ่าวใช้ผู้ซื่อสัตย์ต่อฮ่องเต้ ก็ถูกเขารับใช้ด้วยคมดาบเสียสิ้น วังหลวงเจิ่งนองไปด้วยธารเลือด
ฉาวฮองเฮาคิดจะปลอมตัวเป็นนางสนมหนีออกไป ทว่าใบหน้านางหากยอมแต่งคล้ายแม่นมอาจจะยังพอปิดบังได้บ้าง กลับไม่ยอมจะต้องแต่งเป็นสาวใช้ นั่นจึงดึงดูดสายตาผู้คนได้
อ๋องเจิ้นโก๋จะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นก็ยังได้ แต่กลับยื่นมือเดียวก็จับกุมได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...