ตอนที่ 655 กลับแคว้นเป่ยม่อ
มีเพียงสิ่งหนึ่ง ถ้าเหลียงสู้หลินเชื่อใจได้ เช่นนั้น ฮ่องเต้ก็จะต้องทำอะไรกับเสี้ยฮ่าวหรานสักอย่าง
ส่วนที่คืนนี้หลิงลี่ลอบเข้าวังไปดู เขาก็รีบให้คนตามออกมา ภายในต้องมีความลบอะไรอยู่แน่ๆ เพราะเขากลัวคนรู้ความลับของตนเอง
มันคืออะไรกันแน่?
นางไม่อาจให้น้องชายตนมีอันตราย
แต่ว่า นางก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
“อย่าเพิ่งทำอะไร เข้าวังไปถวายพระพรปกติ สองวันนี้ ข้าจะไปตำหนักซีเวย ดูว่าจะพบท่านแม่ได้ไหม” หลีโม่คิดแล้วพูดออกมา
ถึงจะอันตราย แต่นางก็เลือกที่จะเชื่อเหลียงสู้หลินสักครั้ง เขาบอกว่าน้องชายตนเองยังจะไม่เป็นอะไร ถ้าฝั่งนางบอกความต้องการมากเกินไป ก็จะทำให้เขาลำบาก
หลีโม่คิดจนหัวยุ่ง ซือถูเย้นเองก็ไม่ต่างกัน
บางที ทางฉินโจวก็ไม่น่าจะสบายใจ
ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับแคว้นเป่ยม่อ ก็ให้คนไปส่งข่าวให้เซียวเซียว บอกว่าเขาห้ามถอยทัพ แล้วยังต้องเข้าไปอยู่จุดยุทธศาสตร์ให้ได้
แล้วเขาก็ยังให้คนส่งสารด่วนไปให้อ๋องเย่ ให้เขาบุกตีเซียนเปยอีกครั้ง ต้องชนะเท่านั้น ห้ามแพ้ หลังจากตีเซียนเปย เอาให้เอาทหารเดินทางน้ำมาป้องกันอ๋องลั่วชินที่แคว้นเป่ยม่อ เพื่อตัดทางหนีของฉู่จิ้ง ตัดทางกำลังเสริม
เซียวเซียวนึกว่าจะสามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว ไม่คิดว่าซือถูเย้นจะให้เข้ากลับทางเดิม แล้วอาจจะเกิดสงครามอีก เขาโกรธมาก เพราะเขาอยากจะกลับไปเจอซือถูจิ้ง
แม่ทัพที่โมโห ทหารที่โมโห ทำให้กองทัพรีบเดินจนเท้าของทหารด้านเป็นตาปลา ถึงสถานที่ตั้งค่ายก่อนกำหนดเวลามาก
เซียวเซียวแบ่งกำลังทหารไปช่วยอ๋องอานชินและเซียวเฮาเย่ เขาคิดว่าสงครามต้องเกิดแน่ แต่ยังอีกหลายวัน เพราะว่า ฉู่จิ้งยังไม่ปลดฉินโจว
ตัดมาทางเมืองหลวงแคว้นเป่ยม่อ
ฉินโจวถูกขังคุกเพราะว่าถูกข้อหาลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ คดีนี้ส่งให้สิงปู้ดูแล ตัวเขาก็เลยถูกขังตัวอยู่ที่คุกของสิงปู้
คุกของสิงปู้นั้นแน่หนามาก ถ้าจะหนีออกไป มันไม่มีทางเด็ดขาด
ซือถูเย้นคิดว่าหลังจากกลับแคว้นเป่ยม่อ จะไปพักที่ที่พัก พอพบอ๋องฉี อ๋องฉีก็ทำอะไรไม่ได้ “มีทั้งพยานบุคคล วัตถุพยาน อีกอย่าง พยานบุคคลยังเป็นย่าของอ๋องอิงจุ้น อีก คำพูดของนางมีน้ำหนักมาก”
ซือถูเย้นถาม “ฝั่งฮ่องเต้ มีอะไรบ้างไหม?”
อ๋องฉีกล่าว “น่าแปลก หลายวันนี้ ฮ่องเต้ไม่ได้พบข้า ไม่เท่านั้น ว่าราชกิจตอนเช้าก็ไม่เข้า หลิวกงกงบอกว่า ฮ่องเต้เสียใจที่ฮองเฮาถูกลอบทำร้าย เลยล้มป่วย อีกย่าง ฮ่องเต้กำชับสิงปู้ ว่าจะต้องสืบให้ชัดเจน เพื่อเอาโทษแมทัพฉิน”
“หลิวกงกง?” ซือถูเย้นหยีตา หลิวซี? ฉู่จิ้ง?
“ใช่แล้ว วันที่เกิดเรื่อง ฮ่องเต้เรียกพบข้า ให้ข้าหาวิธีช่วยฉินโจว แต่ตอนนี้ มีขุนนางเริ่มจัดแจง บอกว่าอยากจะปลดฉินโจวออกจากทหาร เพียงแต่รอคำสั่งจากฮ่องเต้”
“จะปลดฉินโจวไม่ได้นะ ตอนนี้นางเป็นแม่ทัพใหญ่ ถ้าไม่มียศทหาร อำนาจทหารก็จะตกไป” ซือถูเย้นกล่าว
“ข้าก็รู้ แต่ว่า ยังไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะสั่งการตอนไหน ตอนนี้ข้าไม่มีวิธีพบฮ่องเต้” อ๋องฉีก็กังวล
ซือถูเย้นได้ยินที่อ๋องฉีพูด ก็พอเดาได้ว่าฮ่องเต้ถูกบังคับ ฉู่จิ้งสำเร็จราชการแทนหลายปี พอฮ่องเต้คนใหม่ขึ้นมา แต่ก็ยังมีคนของเขาคงเหลืออยู่ ดังนั้นในวังก็ยังมีคนของฉู่จิ้งมากมาย ใครจะรู้
ด้านนอกยังมีเหลาไท่ไท่จัดการให้เขา เหลาไท่ไท่คนนี้ เป็นคนไม่ธรรมดา
แต่หวังว่า ฮ่องเต้จะทนได้
ฉินโจวเป็นอ๋องอิงจุ้นและเป็นแม่ทัพใหญ่ ในมือมีกำลังทหาร ทุกคนล้วนจับตามอง ดังนั้น สิงปู้ไม่อาจจะลงโทษมั่วซั่ว ถ้าไม่สรุปคดี ฮ่องเต้ก็ยังไม่สั่งการ
ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือหาทางทำให้ฉินโจวไม่มีความผิด แล้วไม่ให้สิงปู้ทำคดีนี้ฝ่ายเดียว
ซือถูเย้นตอบ “ช่างเถอะ ยากที่จะมีคนเข้าใจ ถึงจะไม่ได้เรื่องบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย”
“อืม ครั้งนี้พวกเรากลับมา ไปหากาวเฟิ่งเทียนหน่อยไหม? พวกเราเคลื่อนไหวในแคว้นเป่ยม่อไม่ใช่เรื่องง่าย” เซียวโธ่ถาม
ซือถูเย้นเอามือมาจับบ่าเขา “ไม่รีบร้อน”
ซูชิงก็มองสถานการณ์ออก “ท่านอ๋องกำลังสงสัยกาวเฟิ่งเทียนหรือ?”
สายตาของอ๋องเย่ก็ไม่ธรรมดา เขาบอกว่ากาวเฟิ่งเทียนนั้นเชื่อถือได้ มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ว่า ถึงแม้กาวเฟิ่งเทียนจะเชื่อถือได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนข้างกายของเขาจะเชื่อถือได้ พวกเราลองคิดดู ตั้งแต่ที่พวกเราเข้าเขตแคว้นเป่ยม่อมาครั้งแรก พอได้พบกาวเฟิ่งเทียน คนของเขาก็มาอยู่กับพวกเรา แม้แต่ในหมู่บ้านมู่จ้าย เขาก็จัดคนมาอยู่กับพวกเรา เขาเองอยากจะช่วยพวกเรา แต่มีคนบางกลุ่มอาศัยสถานการณ์นี้กระทำไม่ดี
“เช่นนั้น คนที่เราจะใช้งานได้ที่นี่มีไม่มากแล้ว” เซียวโธ่กล่าว
“ยังมีองค์หญิงอาน” ซือถูเย้นกล่าว
เซียวโธ่สะบัดมือ แล้วทำหน้าแหย “พวกคนแก่และคนใช้ในจวนองค์หญิงอะหรือ? อย่านับเลย”
“เจ้านี่นะ อย่าดูถูกพวกนางนะ องค์หญิงอานเป็นคนมองการไกล ไม่ต้องพูดถึงทหารลับของนาง เพียงเส้นสายที่นางติดต่อด้วยเทียบกับอ๋องฉีและอ๋องเจิ้นโก๋ได้เลย”
ซือถูเย้นพูดถึงอ๋องเจิ้นโก๋ ก็หัวเราะขึ้น “บางที พวกเราไปหาอ๋องเจิ้นโก๋คนนี้ดีไหม?”
“เจ้าจัดการให้เขาไปอยู่ที่ไหน?” ซูชิงถาม
“ข้าไม่ได้จัดการ แต่ให้กาวเฟิ่งเทียนจัดการให้เขา”
“กาวเฟิ่งเทียนจะไม่ให้ลูกน้องจัดการแทนหรือ?” ซูชิงถามอย่างกังวล ในเมื่อสงสัยคนของกาวเฟิ่งเทียน ถ้าพวกเขาเข้าไปแทรก กลัวว่าอ๋องเจิ้นโก๋ก็จะไม่รอด
“ไม่หรอก ข้าระแวงคนข้างกายของเขามานานแล้ว ดังนั้น ก็เลยกำชับกาวเฟิ่งเทียน ให้เขาจัดการด้วยตนเอง แล้วไม่ให้พูดถึงตัวตนของเขา กาวเฟิ่งเทียนเองก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะอ๋องเจิ้นโก๋ก็เป็นอ๋องกบฏคนหนึ่ง ถ้ามีคนรู้ เขาแย่แน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...