พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 67

บทที่ 67 สังหารอาฟา

ถ้อยวาจานี้เสี้ยเฉิงเสี้ยงสดับฟังเข้าไปในโสตหู มีความบาดหูอย่างบรรยายไม่ถูก

หมุยเฟยเห็นว่านางไม่ได้ตอบคำถาม จึงตรัสถามต่อไป “เมื่อครู่เจ้าว่าเกิดเหตุสุดวิสัย เกิดเหตุอันใดขึ้นกันหรือ”

หลีโม่หันหน้ามา มองยังหมุยเฟย “ตอนที่หลีโม่จะไปถวายคำนับแด่ฮองไทเฮานั้น จรผ่านตำหนักของอี๋เฟยเหนียงเหนียง เห็นเรื่องราวอะไรบางอย่าง พระนางสนใจจะรับทราบหรือไม่”

สีพักตร์หมุยเฟยหมองหม่น กายใจยังแทบจะลำบากเล็กน้อย “เรื่องราวอะไร”

หลีโม่ยิ้มขึ้นมา ยิ้มอย่างประหลาดสุดฤทธิ์ “พระนาง หลีโม่สามารถบอกท่านได้เท่านั้น”

หมุยเฟยนิ่งงันสักพัก “เจ้าเข้ามา”

หลีโม่เดินเข้าไปทีละก้าว เดินมายังเบื้องหน้าของหมุยเฟย จากนั้นจึงยอบกายลงข้างกรรณของนาง “ข้าเห็นองค์รัชทายาทออกมาจากห้องบรรทมของอี๋เฟยที่ตำหนักอี๋หลาน จากนั้น ข้าทูลต่ออี๋เฟยว่า เป็นหมุยเฟยเหนียงเหนียงให้ข้ามาเจ้าค่ะ”

ท่าทีของหมุยเฟยแปรเปลี่ยน “เจ้าว่าอะไรนะ”

หลีโม่ยิ้มยิงฟัน รอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัว “ข้าว่า หมุยเฟยเหนียงเหนียงจงใจให้ข้าเข้าไปในชั่วยามนี้โดยเฉพาะเจ้าค่ะ”

หมุยเฟยตรัสพลางกัดฟันกรอด “เจ้า...”

ในทั้งวังหลวงมีเพียงนางผู้เดียวที่รู้เรื่องราวของอี๋เฟย แต่ว่า นางเองก็กล่าวไม่ได้ ยามนี้ฝ่าบาทประชวรหนัก เรื่องดังกล่าวต่อให้โวยวายใหญ่โต ฮองเฮาเองก็จะระงับเอาไว้ นางจึงทำได้เพียงถูกปิดปากสนิท

อี๋เฟยเองก็รู้ว่านางไม่อาจปากโป้ง เพียงแต่เอื้อนวาจาตักเตือนนางไม่กี่ประโยคเท่านั้น

แต่ว่า วันนี้แม้นอี๋เฟยคิดว่าเป็นนางที่สั่งให้เสี้ยหลีโม่ซึ่งเป็นคนนอกไปสอดแนม อี๋เฟยจะคิดเช่นไร

บัดนั้นหนังศีรษะของหมุยเฟยพลันแข็งไปหมด

เสี้ยเฉิงเสี้ยงเห็นหลีโม่พูดข้างพระกรรณของหมุยเฟยหลายประโยค สีพักตร์ของหมุยเฟยเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจึงลุกขึ้นมา “พระนาง เป็นอะไรไป”

หลีโม่หันหน้ากลับอย่างรวดเร็วมองเสี้ยเฉิงเสี้ยงด้วยสายแข็งกร้าว “บิดาสนใจใคร่รู่ต่อเรื่องของบรรดาสาวๆ ด้วยหรือ”

เสี้ยเฉิงเสี้ยงกล่าวเสียงกร้าว “ตอนนี้เจ้าวางท่าทีอันใด มีใครที่พูดจากับผู้อาวุโสเยี่ยงนี้เหมือนกับเจ้าหรือไม่”

หลีโม่ยิ้มเย็นชา “มีบิดาที่ปฏิบัติต่อลูกสาวตนเองเยี่ยงท่านหรือเปล่า? เราๆ อย่าได้แสร้งทำเป็นสันติกันเลย เรื่องมาถึงปัจจุบันก็ไม่มีอะไรต้องเสแสร้งแล้ว ข้าจะพูดอยู่ที่นี่เสีย ท่านอยากให้ข้าตาย ข้าเองก็มิอาจปล่อยให้ท่านผ่านไปง่ายๆ หรอก”

เสี้ยเฉิงเสี้ยงคิดไม่ถึงว่าท่าทีของนางจะแข็งทื่อดุจเหล็กกล้าเช่นนี้ จึงกล่าวอย่างเยือกเย็น “นับแต่เจ้าถอนงานแต่งนำความอัปยศมาให้ข้าในวันนั้น ก็ควรจะรู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับโทษทัณฑ์อย่างไรบ้าง พยายามจะทำลายข้าให้สิ้น เจ้าเองก็ไม่อาจมีจุดจบที่สวยงามเช่นกัน”

“ข้ายังมีหนทางเส้นหนึ่งให้เดินก็แล้วกัน ข้าไม่อาจไร้ยี่หระต่อทุกสิ่งปานนั้น ท่านผลักข้าไปสู่จุดจบ ข้าก็จะกอดท่านไปตายด้วยกัน และจะไม่ปล่อยให้ท่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนโลกใบนี้โดยเด็ดขาด”

เสี้ยเฉิงเสี้ยงโกรธจนเบิกตากว้างตลอด ส่วนหน้าอกถูกเพลิงโทสะสุมสาดเสียจนแทบจะหายใจไม่ออก

หมุยเฟยได้ฟังบทสนทนาระหว่างสองบุตรีบิดา ในใจก็พลันสะพรึง นี่เหมือนลูกสาวกับบิดาที่ใดกัน เป็นเพียงคู่แค้นชิงชังก็เท่านั้น

เป็นอีกครั้งที่นางรู้สึกว่าตนเองโง่เขลาที่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้ นึกได้ถึงตรงนี้ นางก็ตะโกนขึ้น “รีบออกไปดู หาเสี้ยฮ่าวหรานเจอหรือไม่”

นางคิดว่าตนเองไม่สามารถยั่วยุเสี้ยหลีโม่ได้ โดยเฉพาะปัจจุบันสถานการณ์ในวังหลวงของนางยังคลุมเครือเช่นนี้ ไม่ต้องพูดมากความ ก็สามารถเดินออกมาจากกลางตำหนักของอี๋เฟยได้ คนตั้งมากมายขวางกั้น ยังล้วนไม่อาจสังหารนางได้เลย

อี๋เฟยส่งคนตั้งมากมายขนาดนี้ไปสังหารนาง มีความเป็นไปได้ว่าจะแตกตื่นถึงตำหนักซีเวย ทั้งรู้ว่าเสี้ยหลีโม่จะต้องค้นพบเรื่องราวของรัชทายาทและอี๋เฟยเป็นแน่ ปัจจุบันเสี้ยหลีโม่ผลักทุกอย่างมาไว้ที่หัวของนางเอง นอกจากนี้ตนเองและตระกูลเสี้ยก็มีความสัมพันธ์ฉันท์ญาติพี่น้อง อี๋เฟยจะต้องมีความคิดอะไรบางอย่างเป็นแน่

หลีโม่ได้ยินคำว่าเสี้ยฮ่าวหราน ดวงใจก็พลันกลับมาปวดร้าวเป็นเสี่ยงๆ นางถอยหลังหนึ่งก้าว ถอนสายบัวต่อหมุยเฟย “หม่อมฉันทูลลา”

เสี้ยเฉิงเสี้ยงเอื้อมมือมาขวางนางเอาไว้ นึกถึงความเย่อหยิ่งและจองหองของนาง หัวใจก็พลันโกรธ เงื้อมือขึ้นและฟาดฝ่ามือลงไปหนึ่งฉาด

หลีโม่กำข้อมือของเขาไว้ ยับยั้งดุจเหล็กหนาทำเอาเสี้ยเฉิงเสี้ยงไร้หนทางขยับ เสี้ยเฉิงเสี้ยงตกใจ “เจ้า...”

อาฟาตายลงไปเช่นนี้แล บนร่างกายไม่มีบาดแผลใดๆ หมุยเฟยรับสั่งให้หมอหลวงเข้ามา หมอหลวงเองก็ไร้ปัญญาตรวจหาสาเหตุการตายของอาฟา บอกว่าหัวใจของเขาหยุดเต้นกะทันหัน

หมุยเฟยไตร่สวนแล้วระลอกหนึ่ง มีคนพบเห็นเสี้ยหลีโม่และอาฟาเสวนากันสักพัก อาฟาก็ทรุดลงไปเสียแล้ว

“เสวนา? การเสวนาของพวกเขาแฝงเจตนาร้ายหรือไม่” หมุยเฟยตรัสถาม

ผู้คนในวังต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขณะนั้นเสี้ยหลีโม่พูดคุยกับอาฟาด้วยรอยยิ้ม ส่วนทั้งสองคนพูดอะไรกันนั้น พวกเราไม่ได้ยิน

หมุยเฟยสะพรึงจับใจ ตรัสกับเสี้ยเฉิงเสี้ยง “ตัวข้าขอเตือนเจ้าอย่าได้ต่อต้านนาง นางมิใช่เสี้ยหลีโม่คนก่อนอีกต่อไปแล้ว”

เสี้ยเฉิงเสี้ยงกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ท่านยังคิดว่านางสามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอยจริงๆ หรือ นางไม่เป็นวรยุทธ์สักน้อย องครักษ์ผู้นี้ของท่าน กลัวแต่ว่าเป็นโรคแฝงอะไรสักอย่างกระมัง แต่ว่าเป็นแค่ข้าทาสคนหนึ่งเท่านั้น ตายก็ตายไปเสีย มีอะไรให้ต้องเอะอะโวยวายกันเชียว”

หมุยเฟยส่ายหน้าพลางกล่าว “ตอนนี้เจ้ามันบ้าระห่ำไปแล้ว ตัวข้าเองก็ไม่พูดพล่ามกับเจ้าให้มากความ เจ้าจัดการด้วยตนเองเถิด จากนี้ไม่ว่าจะมีเรื่องหรือไม่ก็ไม่ต้องเข้าวังมาหาตัวข้า เรื่องราวของจวนเฉิงเสี้ยงของพวกเรา ตัวข้าเองก็จะไม่ข้องเกี่ยวอีก”

การตายโดยไร้สาเหตุของอาฟา ทำให้หมุยเฟยตกใจพรั่นพรึง นางรู้ว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เป็นเสี้ยเฉิงเสี้ยงเองที่ไม่ชัดเจน หรือเขาอาจจะบ้าดีเดือดไปแล้วจริงๆ จึงมองไม่เห็นถึงความพิศวงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

เสี้ยเฉิงเสี้ยงผิดหวังต่อหมุยเฟยเป็นยิ่งยวด เขากล่าวพลางยิ้มเย็น “พระนางปอดแหกเยี่ยงนี้ จะเป็นเท้าหน้าให้องค์ชายสามได้อย่างไร”

“ตัวข้า ปัจจุบันนี้เพียงแค่ร้องขอเจ้าให้สงบก่อน ส่วนในชะตาชีวิตของเจ้ามีเคราะห์ดีมากน้อยเท่าใด ก็เกินกำลังของตัวข้าจะจัดการแล้ว” หมุยเฟยตรัส

เสี้ยเฉิงเสี้ยงกล่าวด้วยความถากถาง “ขอเพียงแค่พระนางอย่าได้เสียใจภายหลัง”

กล่าวเสร็จ ก็ลืมเลือนเสี้ยฮ่าวหรานไปสิ้น ตนเองก็ออกจากวังไปแล้ว

หมุยเฟยตึงเครียดภายใต้ความสะพรึงกลัว ก็จำเสี้ยฮ่าวหรานไม่ได้เช่นกัน

เสี้ยฮ่าวหรานผู้น่าสงสาร ก็ถูกผู้คนลืมเลือนด้วยประการฉะนี้แล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม