พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 671

บทที่ 671 มีญาณรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า

สีหน้าอ๋องลั่วชินเปลี่ยนเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที มองดูเทียนจีจื่ออย่างอึ้งๆ แววตาโกรธจัด “เจ้าอย่าพูดเหลวไหล”

เทียนจีจื่อถอนหายใจเบาๆ “แบบนั้น ท่านอ๋องคิดว่าทำไมพระฉายาถึงผูกคอฆ่าตัวตาย? และลูกในท้องก็กว่าจะได้มาอย่างยากลำบาก คนอื่นพูดว่า เป็นแม่คนจะต้องเข้มแข็ง นางเจอเรื่องอะไร ถึงทำให้นางคิดแต่จะฆ่าตัวเองอย่างไม่สนใจอะไรเลย? ท่านอ๋อง พระชายาเจอเรื่องอะไรกันแน่? ท่านไม่กล้าถาม ไม่กล้าเดา ไม่กลัวว่าพระชายาจะนอนตายตาไม่หลับหรือ?”

อ๋องลั่วชินกระโดดลุกขึ้นมาทันที แล้วถีบโต๊ะชาด้านข้าง โต๊ะชาโดนถีบจนคว่ำ ถ้วยชาตกแตกกระจายเต็มพื้นเสียงดัง

“เหลวไหล เจ้าพูดเหลวไหล” เขาตะคอกพูดขึ้นเสียงดังเหมือนสัตว์ดุร้าย ชี้หน้าเทียนจีจื่อ แล้วพูดว่า “เมื่อกี้อานหรานพูดอะไรกับเจ้ากันแน่? หรือว่าแม้แต่เจ้าก็เข้าข้างนาง? เข้าข้างฉินโจวฉู่โยว่คนเนรคุณสองคนนั้น?”

เทียนจีจื่อยังคงไม่ขยับ มองดูอ๋องลั่วชินที่แทบเป็นบ้านอยู่อย่างนิ่งๆ แววตาฉายแววสงสารอย่างพูดไม่ออก

ไม่นาน เขาล่วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “นี่เป็นจดหมายที่ทางเมืองหลวงส่งมา”

อ๋องลั่วชินคว้าแย้งไป ด้วยความตื่นเต้น บนหน้าผากมีเส้นเลือดสีเขียวนูนขึ้น เขาดูเสร็จ แล้วก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ฉินโจวติดคุกแล้ว? น่าขำฉินโจวติดคุกได้อย่างไร? นี่เป็นแผนชั่วร้าย จดหมายฉบับนี้ อานหรานให้เจ้าใช่ไหม?”

เทียนจีจื่อส่ายหัว เก็บจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา เอาไฟแช็กออกมาพับแล้วเผาทิ้ง พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “สองปีมานี้ ที่จริงกระหม่อมจะสั่งคนเฝ้าจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง สืบเรื่องราวในเมืองหลวง ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าไปภายในเมืองหลวงได้ แต่ก็สามารถรู้เรื่องเล็กๆใหญ่ๆภายในเมืองหลวง”

“เจ้าสั่งคนไปสืบเรื่องในเมืองหลวง? ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้?” อ๋องลั่วชินเบิกตาโต ความโกรธยังคงปะทุอย่างรุนแรง

“เพราะ” เทียนจีจื่อยืนขึ้น ค่อยๆยกโต๊ะชาขึ้นมา “กระหม่อมแค่อยากหาสถานที่ดีๆ เพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่อยากให้มีการศึกมารุกล้ำ กระหม่อมไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับฮ่องเต้ เพราะฉะนั้น กระหม่อมไม่ได้เชื่อใจฮ่องเต้เหมือนอย่างท่านอ๋อง ข่าวในเมืองหลวง ที่จริงได้มีการส่งมาทุกๆสองเดือน ในจดหมายนี้ ท่านอ๋องสามารถเห็นถึงสถานการณ์ในเมืองหลวงตอนนี้ ไม่เหมือนกับในจดหมายที่ฮ่องเต้ส่งมา ระยะห่างกันมา ในจดหมายบอกว่า ฮ่องเต้มีรับสั่งให้เผาภูเขาหางหมาป่า ทำร้ายผู้ประสบภัย ใช้กองทหารโย่วอี้ของตัวเองทำให้ฉินโจวยกทัพไปตีต้าโจว ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ฮ่องเต้เชื่อไหม?”

“ข้าไม่เชื่อสักคำ ฮ่องเต้ไม่ใช่คนแบบนั้น เขาดีกับประชาชนมาก อย่างน้อย อย่างน้อยหลายปีมานี้ ก็ไม่เคยเก็บเงินภาษีของหนานจุ้น” อ๋องลั่วชินพูดอย่างโกรธเคือง

เทียนจีจื่อพูดว่า “กระหม่อมรู้ว่าท่านอ๋องไม่เชื่อ ดังนั้นหากไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร กระหม่อมก็ไม่อยากที่จะพูดอะไรมาก หลายปีมานี้ เงินที่ท่านอ๋องส่งไปให้ราชสำนักนั้น เป็นจำนวนมากกว่าภาษีอยู่แล้ว ฮ่องเต้ยังจะต้องเก็บภาษีทำไมอีก?”

สายตาอ๋องลั่วชินโหดเหี้ยมมาก มองดูเทียนจีจื่ออย่างกับอยากจะฆ่าคน

เทียนจีจื่อไม่เกรงกลัวเลย มองดูเขาด้วยสายตาเรียบเฉย แล้วพูดต่อว่า “หากท่านอ๋องยังยอมเชื่อกระหม่อม ก็ไปหาองค์หญิง ถามให้รู้เรื่องว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากองค์หญิงถูกหลอกมา นางก็ยิ่งควรที่จะฉลาดหน่อย ไม่ใช่เข้าประตูมาแล้วก็บอกจุดประสงค์ที่มาแบบนี้ หรือนางจะไม่รู้ว่าจะเป็นการทำให้ท่านอ๋องอคติ? แต่สถานการณ์คับขัน องค์หญิงก็ไม่อยากที่จะอ้อมค้อม สุดท้ายนางไม่ได้เลือกที่จะพูดเรื่องพระชายาให้ชัดเจน คงเป็นเพราะเกลียดอย่างมาก”

พูดเสร็จ เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยกมือประสาน “ท่านอ๋องลองครุ่นคิดให้ดี กระหม่อมขอตัวก่อน”

“เดี๋ยวก่อน” อ๋องลั่วชินร้องห้าม “จดหมายฉบับนั้น ไม่ใช่อานหรานส่งมาจริงๆหรือ?”

เทียนจีจื่อพูดว่า “องค์หญิงคุยกับกระหม่อมไม่ถึงสามคำ และก็อยู่ห่างกันขนาดนั้น บ่าวใช้ในจวนเป็นพยานให้ได้”

พูดเสร็จ เขาก็หันตัวเดินจากไป

อ๋องลั่วชินจับที่วางแขนบนเก้าอี้ไว้ ค่อยๆนั่งลง ร่างกายสั่นเทา

ในจดหมายนั่นบอกว่า ฮ่องเต้ตั้งใจกักขังผู้ประสบภัยไว้ในเมืองอาน ให้พวกเราตายกันไปเอง ทั้งหิวตาย ทั้งป่วยตาย และตามฆ่าเซี่ยหลีโม่ที่มาเพื่อช่วยเหลือเป่ยม่อ แม้กระทั่งจุดไฟเผาภูเขาหางหมาป่า ฆ่าคนไปหลายพันชีวิต แม้แต่เจ้าเมืองโหรวเหยาที่มาจากต้าโจว ก็ตายอยู่ในกองไฟ

หากทุกอย่างนี้เป็นความจริง แบบนั้น การตายของพระชายา มีความจริงเป็นอื่นไหม?

เขาอยากที่จะวิ่งไปถามอานหรานอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่กล้า เขาแทบจะเดาได้ว่าความจริงต้องเป็นไปอย่างโหดเหี้ยม

ไม่ เป็นไปไม่ได้ เสด็จพี่ส่งจดหมายมา บัลลังก์ถูกแย้งไป ประชาชนถูกฆ่า ตอนนี้เขาปลอบเป็นคนอื่นอยู่ในวัง เอาตัวรอดไปวันๆ เป็นห่วงก็แต่ประชาชนของเป่ยม่อ ให้เขารอฟังคำสั่ง นำทัพไปยึดวังคืน

เทียนจีจื่อถอนหายใจ “ท่านอ๋องจงรักภักดีต่อฮ่องเต้มาก แต่วันเดือนปีผ่านไปแล้ว เพียงแต่ ฮ่องเต้คิดกับท่านอ๋องล่ะ? เฮ้อ เรื่องในเมืองหลวงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากเขายอมที่จะครุ่นคิด ยอมที่จะเข้าใจ ก็จะต้องรู้ แต่เขาไม่กล้า เขากลัวเมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย เขาก็จะไม่มีทางกลับใจแล้ว นอกจากพระชายา ชั่วชีวิตนี้คนที่เขาให้ความสำคัญที่สุด ก็คือฮ่องเต้แล้ว”

ซุนหยางพยักหัว “กระหม่อมเข้าใจท่านอ๋อง ท่านอ๋องมีบุญคุณต่อกระหม่อมอย่างมาก หากมีคนมาบอกกระหม่อมว่า ท่านอ๋องคิดชั่วกับกระหม่อม ใส่ร้ายกระหม่อม ต่อให้ตายกระหม่อมก็ไม่เชื่อ”

“ใช่ เมื่อก่อนเคยได้ยินคนแก่พูดว่า หลังจากที่พระชายาสิ้นแล้ว ท่านอ๋องหดหู่ทุกข์ใจมาก คิดแต่จะฆ่าตัวตาย เป็นเพราะฮ่องเต้เป็นห่วงเขามาตลอด ถึงขั้นหาเวลาออกมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเขา เขาถึงค่อยสามารถเดินออกมาได้ ฮ่องเต้เคยเป็นเหมือนดั่งคนช่วยชีวิตเขา มีความสำคัญมากในใจเขา คำพูดของเราเพียงไม่กี่คำจะสามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้อย่างไร?”

“งั้นจะให้องค์หญิงไปจริงๆหรือ?” ซุนหยางค่อนข้างลำบากใจ “ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้หรอกใช้ท่านอ๋อง ให้ท่านอ๋องสนับสนุนเสบียงอาหาร สนับสนุนกองกำลังทหาร หากทำไม่ดี ท่านอ๋องอาจจะสูญสิ้นแม้กระทั่งชีวิต ฉินโจวคนนั้นไม่ใช่คนที่จะสามารถรับมือได้ง่ายๆ”

“ตอนนี้ฉินโจวถูกเหลาไท่ไท่ของเขาวางเล่ห์กลจนตกคุกแล้ว แต่ เรื่องนี้น่าจะมีผลอย่างไม่คาดคิด”

“ท่านรู้ได้อย่างไร?” ซุนหยางถามอย่างแปลกใจ

เทียนจีจื่อหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย”

ซุนหยางพูดอย่างหงุดหงิดว่า “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วยังจะมีอะไรเปิดเผยไม่ได้? เมื่อองค์หญิงไปแล้วคงไม่มีใครสามารถพูดโน้มน้าวท่านอ๋องได้อีก”

เทียนจีจื่อหัวเราะ “องค์หญิงอุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล นางจะยอมไปง่ายๆแบบนี้เหรอ? นางมาพร้อมภารกิจ หากทำไม่สำเร็จ นางจะยอมรามือง่ายๆหรือ? องค์หญิงของเราคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา หากนางโกรธขึ้นมา เกรงว่าท่านอ๋องก็ยังเกรงใจ และตอนนี้ที่จริงท่านอ๋องเองก็เชื่อแล้วบางส่วน เพียงแต่เขาทดถอย หลอกตัวเองอยู่ก็เท่านั้น”

“อ่อ?” ”ซุนหยางค่อนข้างรอค่อย

“รอไปเถอะ ครั้งนี้ท่านอ๋องจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ” เทียนจีจื่อพูดพร้อมหัวเราะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม