พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 82

บทที่ 82 พี่น้องขี้อิฉา

เซียวโธ่ยังไม่ได้คิดถึงจุดนี้ พอถูกอ๋องอานชินเตือนก็พลันนึกได้ทันที “ใช่ คนผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน”

“ข้าสงสัยว่าเขาจะไปลงมือกับกุ้ยไท่เฟยตั้งแต่แรกแล้ว ไม่อย่างนั้นกุ้ยไท่เฟยไม่เชื่อคำพูดเขาขนาดนี้หรอก แล้วก็หลีโม่ที่เมื่อกี้ฝังเข็มให้อาเย้นแล้ว แต่ไม่น่าไปผลักกุ้ยไท่เฟยเลย แต่นี่แสดงให้เห็นว่าต้องมีอะไรบางอย่าง ข้าจะไปที่ตำหนัก แล้วหาโอกาสไปหาหลีโม่ เพื่อถามเจตนาของนางที่ทำลงไป”

เซียวโธ่นึกถึงตอนที่หลีโม่ผลักกุ้ยไท่เฟย แล้วก็แสดงความยกย่องพลันพูดขึ้น”พูดจริงๆนะ ขนาดข้าเองยังไม่กล้าที่จะล่วงเกินกุ้ยไท่เฟยเลย นางช่างมีจิตใจกล้าหาญยิ่งนัก”

“ข้าเชื่อว่าที่นางทำลงไปต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน”อ๋องอานชินเชื่อใจหลีโม่โดยที่ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรเลย เพราะว่านางเป็นลูกสาวของหลี่ซ่วยหยุ่น

“ไม่พูดก็ไม่ได้เซี่ยหลีโม่ผู้นี้ ทำให้ข้าอึ้งทึ้งจริงๆ”เซียวโธ่พูดขึ้น

อ๋องอานชินพูดขึ้นมาอย่างสีหน้าไร้อารมณ์:”หลีโม่ต่างหากที่ทำให้เจ้ามองนางดีขึ้น ไม่ใช่เซี่ยหลีโม่”

เซียวโธ่ชะงัก”ใช่ เซี่ยหลีโม่”

“หลีโม่!”

เซียวโธ่ขมวดคิ้วแน่น”เอาอะไรมาแยกกัน?”

อ๋องอานชินบิดตัวกลับทันที “ลองคิดดูดีๆว่าไม่เหมือนกันตรงไหน”

เซียวโธ่มองแผ่นหลังของเขาอย่างสงสัย ต้องขอโทษสำหรับจิตใจที่มีแต่การสู้รบของเขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย จนเขาเองไม่สามารถแยกความแตกต่างออกได้ เซี่ยหลีโม่กับหลีโม่ที่เขาพูดออกมาก็ไม่ใช่คนๆเดียวกันหรืออย่างไร?

ซือถูเย้นถูกนำตัวกลับมาที่ตำหนัก กุ้ยไท่เฟยก็พลันส่งคนไปเชิญหมอหลวงมาทันที

ถึงนางจะเป็นกุ้ยไท่เฟย ถึงจะบอกว่านางอยู่ในตำหนักอ๋องแต่ว่าฐานะของนางนั้นไม่จำเป็นต้องขออนุญาตฮองเฮา นางก็สามารถที่จะเชิญหมอหลวงออกมาได้เลย

นี่ก็หมายความว่า อาการบาดเจ็บของซือถูเย้นก็พลันถูกเปิดเผยขึ้นมาทันที

นางพยายามใช้ความสงบสยบความหวาดกลัวทุกอย่าง

ซือถูเย้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ไม่ได้สนว่าเกิดจากอะไร แต่ว่าตอนนี้เขามีฐานะเป็นถึง คนที่ปกครองประเทศ เขาได้รับบาดเจ็บแบบนี้จึงทำให้ไม่สามารถที่จะจัดการเรื่องงานได้ แต่ประเทศหนึ่งไม่สามารถที่จะไม่มีคนปกครองแม้แต่วันเดียว เรื่องภายในราชสักนักยังสามารถให้จูงซูเสิ่งกับซ่างซูเสิ่งในวังช่วยจัดการได้ แต่ว่าเรื่องการทหารนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวกับการทูตก็จำเป็นที่จะต้องให้ตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง

ถึงตอนนี้ การเขียนร่างคำสั่งของฮ่องเต้ก็ตกเป็นของพ่อของฮองเฮาคือ เหลียงไถ้ฝู้เป็นคนดูแล และตอนนี่เขาก็เป็นคนที่คุมอำนาจทางการเมืองอยู่คนเดียว ขนาดเรื่องการควบคุมประตูเมืองของเซี่ยเสี้ยงเสี้ยก็ยังเป็นเขาที่คอยจัดการทุกอย่าง พูดอะไรก็ต้องได้ดูสีหน้าของเขาก่อน

เหลียงไถ้ฝู้ของกรมร่างกฎหมายกับใต้เท้าชุยของฝ่ายการปกครองนั้นไม่ถูกกันมานานหลายสิบปีแล้ว เหลี่ยงไถ้ฝู้เกลียดชังและเคียดแค้นเขาจนเข้ากระดูกดำ

เพราะว่าใต้เท้าชุยนั้นปกครองถึงหกฝ่าย และทั้งหกฝ่ายนั้นถ้าแบ่งแยกออกมาเป็นฝ่ายๆ ก็เป็นองค์กรย่อยๆในการปกครองแคว้น และก็ขึ้นตรงกับฮ่องเต้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่านทางฝ่ายของเขาและเซี่ยเสี้ยงเสี้ยเลย

สิ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ ใต้เท้าชุยคนนี้ ตอนนั้นก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่เคยติดตามหลี่ซือมาก่อน

เขาก็เป็นนักวรรณกรรมอีกหนึ่งที่ไม่ชอบความอ่อนแอและแข็งแกร่งเกินไป ไม่มีสิ่งที่ชอบ แต่สิ่งที่เขารักมาก็คือการวาดรูปและการแต่งกลอน ตอนที่เขาตามจีบหลี่ซือไม่ได้นั้น เขาก็พลันไปแต่งงานกับหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งก็คือลูกสาวคนโตของจิ้งโก่วเหา มีชื่อว่า เซียวเซียว และก็เป็นพี่สาวของเซียวโธ่

เซียวเซียวกับหลี่ซือนั้นมีลักษณะที่ต่างกันอย่างมาก เป็นหญิงที่มีความสามารถด้านการต่อสู้ และค่อนข้างไม่มีมารยาท แต่เป็นคนที่ใจเย็น และเป็นเพื่อนสนิทกับซือถูจิ้ง

วันนี้อ๋องซื่อเจิ้งได้รับบาดเจ็บ บุคคลสามกลุ่มนี้ก็ค่อยเปิดเผยธาตุแท้ออกมา

และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เหลี่ยงไถ้ฝู้ยังไงก็อยู่ข้างองค์รัชทายาท แต่เซี่ยเสี้ยงเสี้ยเพราะถูกเหลียงไถ้ฝู้คอยควบคุมอยู่ ก็เลยต้องอยู่ฝ่ายขององค์รัชทายาทเหมือนกัน

ซือถูจิ้งกับอ๋องอานชินพยายามขอเข้าพบเสี้ยหลีโม่ แต่ว่ากุ้ยไท่เฟยรับสั่งเอาไว้ ว่าใครที่พยายามอยากจะพบกับเสี้ยหลีโม่นั้น นางก็จะไปจัดการกับเสี้ยหลีโม่ทันที

นอกจากอ๋องอานชินกับซือถูจิ้งที่เป็นกังวลหลีโม่แล้วก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่ต้องการจะช่วยนางออกมา คนๆนั้นก็คือฮองเฮา

ฮองเฮาเองก็ไม่สามารถออกรับหน้าได้ ถึงนางจะสามารถรับสั่งกับคนในวังหลังได้ แต่สำหรับกุ้ยไท่เฟยแล้วนางไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ดังนั้นนางก็เลยขอเข้าพบฮองไทเฮา

ฮองไทเฮาจึงได้รับสั่งให้กุ้ยไท่เฟยเข้าพบ แต่ว่ากุ้ยไท่เฟยบอกว่าร่างกายไม่ค่อยสบาย ก็เลยปฏิเสธที่จะเข้าพบ

พอฮองไทเฮารู้ว่านางไม่มา ก็พลันไปหานางด้วยตัวเองที่ตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง และก็จะได้ดูอาการของซือถูเย้นด้วยเลย

พอฮองไทเฮาเห็นอาการของซือถูเย้นที่ดูยากที่จะรักษาแล้ว ก็ตกใจอย่างมาก แล้วพลันหันไปต่อว่ากุ้ยไท่เฟย“อาการหนักขนาดนี้แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมให้หลีโม่มารักษาอาการให้เขา?เจ้าก็เคยเห็นความสามารถของนางที่เคยรักษาอาการของอาซินที่ป่วยหนักขนาดนั้น นางยังสามารถรักษาให้เขาหายได้แล้วนิ”

กุ้ยไท่เฟยไม่มีปฏิกิริยาอะไรพลันพูดขึ้น:“ก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ยังไงข้าก็ไม่ยอมให้นางรักษาอาเย้นอย่างแน่นอน ข้าเคยถามคนของจวนเฉิงเสี้ยง นางไม่เคยเรียนเรื่องการรักษามาเลยด้วยซ้ำ”

“ไม่เคยเรียนมางั้นหรือ?คนในจวนสามารถเชื่อถือได้แค่ไหนกัน?คนอย่างเสี้ยเฉิงเสี้ยงกับหลิงหลงฮูหยินอะไรนั่นพูดจากลับกลอก เชื่ออะไรไม่ได้เลย แม้แต่คำเดียว ”ฮองไทเฮาพูดออกมาอย่างเสียดสี

กุ้ยไท่เฟยจึงพูดขึ้นเสียงแข็ง:“อย่างนั้นหรือ?งั้นท่านพี่ช่วยบอกข้าที คนอย่างเสี้ยหลีโม่ที่ไม่ออกไปไหนเลยที่คอยเอาแต่อยู่ในตำหนัก จะไปเรียนการรักษาคนมาจากที่ไหน?หรือว่าท่านพี่เชื่อว่านางได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์งั้นหรือ?ช่างน่าขันนัก!”

ปกติแล้วกุ้ยไท้เฟยเคารพและให้เกียรติฮองไทเฮามาโดยตลอด แต่สำหรับอารมณ์ในตอนนี้ที่นางแสดงออกมานั้น นางไม่เคยแสดงออกมาให้เห็นก่อนหน้านี้เลย ฮองไทเฮาจ้องมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา อย่างกับว่านางเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ฮองไทเฮาก็ยังพยายามพูดกับนางอย่างอ่อนโยนและพยายามเกลี้ยกล่อมนาง:“แต่ว่าไม่ว่ายัง เรื่องที่นางมีความสามารถทางด้านการรักษานั้น ถึงจะไม่มีใครรับประกันได้ แต่ว่าหมอหลวงเองก็หมดหนทางแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังจะพยายามดันทุรังต่อไปอีกละ?”

กุ้ยไท่เฟยลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“ท่านพี่ อาเย้นเป็นลูกชายของข้า ถึงเขาจะเรียกท่านว่า เสด็จแม่ แต่ก็ไม่มีใครที่จะรักและห่วงใยเขาได้เท่าข้าที่เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขามา และก็ยิ่งหวังว่าเขาจะสามารถมีชีวิตรอดไปได้ เรื่องนี้ท่านก็น่าจะเข้าใจดี ไม่อย่างนั้นทำไมท่นถึงไม่ให้นางเข้าวังไปรักษาลูกชายของท่านละ?เขาเองก็นอนป่วยมาเป็นเวลานานแล้ว ท่านก็บอกให้นางไปรักษาสิเพคะ ถ้าหากว่าท่านทำได้ ข้าเองก็จะยอมให้นางมารักษาอาการของอาเย้นเอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม