บทที่869 ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน
ซือถูเย้นให้ใต้เท้าซุนขุนนางชั้นใหญ่ส่งสาส์นที่กราบทูลให้ฮ่องเต้
ใต้เท้าซุนไม่พอใจซือถูเย้นเป็นอย่างมาก เขาเป็นคนแรกที่เข้าไปเยี่ยมฮ่องเต้ และซือถูเย้นก็สามารถคาดเดาได้ เขารู้ว่าข้อบกพร่องของตนเองคืออะไร
เป็นไปตามคาด อ๋องเหลียงมาบอกซือถูเย้นในคืนนั้นว่า “เมื่อเข้าไปเขาก็เริ่มร้องไห้และกอดขาเสด็จพ่อ หลังจากร้องไห้เสร็จก็ด่าอ๋องซื้อเจิ้งด้วยความโกรธ พูดว่าเหตุใดเจ้าจึงกำเริบเสิบสาน เหตุใดจึงยึดกุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน เหตุใดจึงใส่ร้ายผู้ที่ซื่อสัตย์ เหตุใดจึงคุยโม้โอ้อวด ดำเนินนโยบายประกันสุขภาพอะไร เหตุใดจึงเพิกเฉยต่อการคัดค้านของขุนนางชั้นใหญ่ ช่างเสียสติจริงๆ”
อ๋องเหลียงเลียนแบบได้ทะลุปรุโปร่ง โดยเฉพาะคอนกอดขาของใต้เท้าซุนนั้นคล้ายคลึงมากเป็นพิเศษ
ซือถูเย้นหัวเราะเสียงดัง “เป็นเช่นนั้น?”
“ข้าเล่าโดยสรุป จะเล่าอย่างละเอียดในภายหลัง” อ๋องเหลียงก็หัวเราะจนน้ำตาไหล
หลีโม่หัวเราะพลางถามว่า “เจ้าก็อยู่ที่นั่นด้วยรึ?”
“ข้าไปด้วย แต่ข้าอยู่นอกม่าน พอเจ้าเข้าไป ข้าก็เปิดม่านแอบดู ไม่อย่างนั้นจะได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร? สุดยอด สุดยอดจริงๆ”
หลีโม่มองซือถูเย้น เขาดูเหมือนมีความสุข แต่ทว่า ตอนนี้เขารู้ที่จะปกปิด ความสุขนี้อาจจะมีความเศร้าปะปนอยู่มากมาย
“ได้ยินว่าเสด็จอาจองเจ้ากำลังเดินทางกลับ เสด็จอาของเจ้าไปครั้งนี้เป็นเวลา2เดือน ร้อนใจหรือไม่?” หลีโม่พูด
อ๋องอานชินไปครั้งนี้นอกจากจะเจรจาเรื่องงานแต่งงาน ยังต้องจัดการชีวิตของเจ้าเมืองที่นั่นด้วย มันเป็นเรื่องยากที่อยู่ในโลกของคนสองคนอย่างมีความสุข
เขาส่งจดหมายกลับมาบอกว่ายังคงอยู่ที่แคว้นต้าเหลียง จะกลับหลังปีใหม่
ทุกคนต่างเห็นอกเห็นใจเขา ยกเว้นอ๋องเหลียง
เมื่อได้ยินอ๋องเย่พูด อ๋องเหลียงที่ยืนพิงประตูอยู่ก็ถอนหายใจ พลางใช้นิ้วมือนับวันกลับของอ๋องอานชิน
อ๋องเหลียงยิ้มแล้วสะบัดมือ แล้วพูดด้วยสีหน้าเมินเฉย “ร้อนใจที่ไหน?ไม่ช้าก็เร็ว”
หลีโม่โล่งใจเป็นอย่างมาก “ถ้าเช่นนั้นก็ดี วันก่อนเขาให้คนมาบอกว่าเขาจะกลับช้าอีกหนึ่งเดือน ตอนนั้นข้ากลัวว่าเจ้าจะกังวล แต่เมื่อได้ยินเจ้าพูดเล่นนี้ ข้าก็โล่งใจ”
อ๋องเหลียงจ้องเขม็งจนลูกตาจะหลุดออกจากเบ้า “อะไรนะ? ต้องรออีกหนึ่งเดือน ไหนบอกว่าจะกลับหลังปีใหม่ แล้วทำไมต้องรออีกหนึ่งเดือน ตกลงต้องรอนานแค่ไหน? เขาอยู่ที่แคว้นต้าเหลียงทำ......”
หลีโม่ไม่ได้รอให้เขาคร่ำครวญจนเสร็จ ก็หัวเราะเสียงดังออกมา
อ๋องเหลียงมองไปที่หลีโม่อย่างไม่พอใจ “เจ้าไปเรียนรู้การโหวกเหวกโวยวายที่ตลาดมารึ?”
หลังจากที่ทั้งสามหัวเราะ ซือถูเย้นก็ถามว่า “ซูแปลกไปไหน?”
“ซูแปลก?” อ๋องเหลียวงง
“ซูชิง ช่วงนี้ทำตัวแปลกๆและตอนนี้ก็ไม่พบร่องรอย” ซือถูเย้นพูด เดิมทีวันนี้ต้องการให้เขาไปทำธุระ แต่กลับไม่มีใครพบเขา
“ซูชิง ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าไปไหน เหมือนว่าข้าจะไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้ว” อ๋องเหลียวพูด
ซือถูเย้นมองหลีโม่ด้วยความสงสัย “เป็นไปได้ไหมที่จะกลับฉื้อโจวกับหลิงลี่?”
“ไม่ใช่มั้ง?” อ๋องเหลียงชิงตอบก่อน
“พูดยาก ช่วงนี้เขาค่อนข้างแปลก ยามคุยเรื่องต่างๆด้วยกัน เจ้ามักจะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ชายคนนี้กลัวว่าจะเกิดความโลภเจ้าชู้หลายใจ”ซือถูเย้นพูด
อ๋องเหลียงไหล่ตก พลาง พูดด้วยเสียงขมขื่น “ ถ้าเช่นนั้นหรือข้าจะไปเป็นขอทานที่แคว้นต้าเหลียง”
เขาชะงัก “เสด็จอาเหตุใดเจ้าจึงไม่ต่อสู้เพื่อหลาน? พูดถึงสิ่งดีดีอีกหน่อย”
“ข้าพูดเต็มที่แล้วแต่เขาไม่ยอมอ่อนข้อ”
อ๋องเหลียงกระวนกระวาย “ เขาไม่ยอมอ่อนข้อ เจ้าก็ต้องทำจนเขายอมอ่อนข้อ เจ้าจะรีบกลับมาทำไม? หนึ่งเดือนไม่ได้ สองเดือนไม่สำเร็จ ก็ตามตื๊อเขาไปสองปี เขาก็จะเห็นความจริงใจของท่าน เขาต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน”
อ๋องอานชินจ้องมองด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดไร้สาระนั้น “ข้าไม่ได้หน้าด้านเท่าเจ้า”
“ความสุขของหลานสำคัญหรือว่าหน้าตาของท่านที่สำคัญ?” อ๋องเหลียงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่ได้ฝันถึงเลยด้วยซ้ำ
เดิมทีเขาคิดว่าหลิวเยว่ชอบเขา ซ่งรุ่ยหยางก็ชอบเขา อีเอ๋อร์ก็ชอบเขา ผ่านพ่อแม่ภรรยาแล้วก็ผ่านอี้เอ๋อร์ ใครจะไปคิดว่าเรื่องนี้จะไม่สำเร็จ
อีกทั้ง การแต่งงานครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายแล้ว ตอนนั้นซ่งรุ่ยหยางก็ยินดี จึงได้มีการพูดคุยเรื่องงานแต่งงาน
อย่างไร? ไม่เคยกราบทูลให้ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงทราบเลยรึ?
เขากังวลมาตลอดว่าเมื่อไหร่อ๋องอานชินจะกลับมา ทว่า กลับไม่เคยถามเรื่องงานแต่งงานว่าสำเร็จหรือไม่
“ หน้าของข้าสำคัญแน่นอน แต่เจ้าก็ไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป ตอนที่ข้าไป องค์รัชทายาทบอกว่าจะขอร้องฮ่องเต้ จงรอข่าวจากเขาเถอะ”
เดิมทีหลีโม่คิดว่าอ๋องอานชินแกล้งอ๋องเหลียง ครั้นเมื่อได้ยินเขาพูดกลับรู้สึกว่าไม่ใช่ อีกทั้งอ๋องอานชินผู้นี้เป็นคนตรงไปตรงมาไม่เคยพูดเล่น หัวใจของนางจึงจมดิ่งลงไป “ไม่เห็นด้วยจริงๆรึ?”
อ๋องอานชินพยักหน้า “ จริงๆก็ไม่ได้พูดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ความหมายที่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงพูดคือ อยากให้องค์หญิงอยู่ต่ออีก2ปี อี้เอ๋อร์เป็นหลานสาวของฮ่องเต้ นางถูกเรียกเข้าวังเกือบจะทุกวัน เมื่อตอนที่ข้าเข้าวังเพื่อเข้าพบฮ่องเต้ อี้เอ๋อร์ก็อยู่กับเขา นางก็พูดตรงไปตรงมา ทำให้ฮ่องเต้ไม่รู้เลยว่าตนเองมีความสุขเพียงใด ตอนนั้นในใจข้าคิดเรื่องไม่ดี เหตุใดฮ่องเต้จึงชอบนางมากถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่ปล่อยนางไป?และองค์หญิงอภิเษกสมรส ถ้าหากไม่ใช่ไม่มีทางเลือกเหตุใดจึงยินยอมที่จะแต่งงานกับแคว้นอื่น หรือว่าองค์หญิงได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...