บทที่ 90 บังคับกลับวัง
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเซียวโธ่ก็ผลักประตูเข้ามาเพื่อเปลี่ยนนางไปพัก แต่กลับพบว่านางได้นอนอยู่บนเตียง แถมยังหลับอย่างสบายอีกด้วย
นางนอนตะแคงทางซือถูเย้น แล้วเอามือแปะที่หน้าผากของเขา น่าจะเป็นการวัดไข้ให้เขา
ซือถูเย้นก็ยังไม่ได้นอน เขาไม่ขยับตัวอะไร เพียงแค่กรอกตาไปมาเพื่อบอกเซียวโธ่ห้ามส่งเสียง
เซียวโธ่ก็ดูจะตกใจอย่างมาก แต่เขาก็ยังถอยออกไปอย่างเบาๆ
พอกลับมาที่ห้องข้างๆเขาก็ไปปลุกซูชิงทันที ซูชิงตกใจกระโดดขึ้นมาทันที“มีอะไร?ไข้สูงอีกแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่”เซียวโธ่นั่งลงแล้วพูด:“แต่ว่า ข้าเห็นพวกเขานอนอยู่ด้วยกันสองคน”
ซูชิงได้ยินแล้วก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร พลันพลิกตัวแล้วพูดเสียงรำคาญ:“นอนอยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงตอนนี้ท่านอ๋องก็ไม่สามารถทำอะไรอยู่ดี”
เซียวโธ่ลากเขาขึ้นมา“แต่ว่าท่านอ๋องยังบอกให้ข้าห้ามเสียงดังด้วย”
ซูชิงดึงผ้าห่มมาห่ม และก็พูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว:“อย่างนั้นหรือ?คนจะนอน”
“แต่ว่าเจ้าเคยเห็นท่านอ๋องเป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงคนไหนมาก่อนมั้ยละ!”เซียวโธ่จิ้มที่หลังเขา“เจ้าคิดว่าไม่แปลกหรือ?”
“มีอะไรแปลก?ก็แค่นอนบนเตียงเดียวกันแค่นั้นหรือ?ข้ากับเจ้าเมื่อคืนก็ไม่ใช่ว่านอนอยู่ด้วยกันหรือ?”ที่จริงซูชิงง่วงนอนมาก เลยไม่ต้องการสนใจเขา
เซียวโธ่มองเขาแล้วก็พลันนอนลงไป ไม่วายดึงปกเสื้อเขาไว้แน่นพลันพูดขึ้น:“ก็เพราะว่าที่นี่มีสองห้อง นอนจากเจ้าจะยินยอมออกไปนอนข้างนอก”
“งั้นเจ้ารู้หรือยังละ?ถ้าท่านอ๋องไม่ออกไปนอนข้างนอก งั้นก็เป็นหลีโม่นอนข้างนอก ต่างก็ดูไม่เหมาะสมไม่ใช่หรือไง?”ซูชิงลากเสียงพูด
เซียวโธ่เอามือทาบที่หน้าอก“หรืออาจจะให้เราสองคนนอนข้างนอก แล้วให้หลีโม่มานอนที่นี่ ท่านอ๋องก็จะได้นอนที่นั่นไง”
เสียงกรนของซูชิงดังขึ้น แสดงว่าเขาได้หลับไปแล้ว
เซียวโธ่หลับตาลง แล้วก็ลุกขึ้นนั่งแล้วก็ดึงซูชิงอีกครั้ง“ไม่ได้ เจ้าว่าท่านอ๋องเริ่มมีใจให้หลีโม่แล้วหรือยัง?”
ซูชิงลูบตาตัวเองแล้วพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว“ใช่แล้วจะทำไม?”
เซียวโธ่เบิกตากว้าง“ใช่แล้วจะทำไมงั้นหรือ?ก็เสี้ยหลีโม่เคยถูกอ๋องเหลียงถอนหมั้นมา ชื่อเสียงของนางจึงไม่ดีไง”
“แล้วชื่อเสียงเจ้าดีมากงั้นหรือ?ปีนี้คนที่มีชื่อเสียงที่ดีมีแค่พวกเหล่าแม่ทัพหรือไง?งั้นเจ้าลองพูดมิว่า คนไหนที่มีชื่อเสียงดีแล้วก็มีคุณธรรมกันบ้าง?“ซูชิงอยากจะจัดการถีบเขาออกไปอย่างมาก จะมาพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ไปทำไม?
เซียวโธ่กระอักในคำพูดของเขาทันที ที่จริงก็ใช่ถ้าลองคิดดีๆ เสี้ยหลีโม่ก็ดูเหมาะสมกับท่านอ๋องอย่างมาก
ในบ้านชานเมืองแห่งนี้สงบอย่างมาก ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย
แต่ว่าภายในเมืองหลวงนั้นต่างพากันโกลาหลอย่างมาก
ร่างของอ๋องซื่อเจิ้งได้หายไป จนทำให้ขุนนางต่างๆพากันคิดไปต่างๆนานา และก็ทำให้คนในวังตกใจกันอย่างมาก
ในตำหนักโส้อาน มีเหล่าทหารมาคุกเขาที่หน้าตำหนักตั้งนานแล้ว เพื่อขอให้ฮองไทเฮาออกหน้าปกครอง
ตามจริงแล้วก็ไม่สามารถให้ฮองไทเฮาออกหน้ารับได้ ถึงแม้ว่ายุคนี้จะไม่มีการควบคุมจากวังหลัง แต่เมื่อก่อนหลงไทเฮาก็เคยรับราชการแทน การปกครองจากวังหลังก็เคยมีมาก่อนหน้านี้
แต่ว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการนั้นไม่ใช่ให้ฮองไทเฮาออกมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน แต่ะพวกเขาต้องการให้ฮองไทเฮาเลือกคนที่จะขึ้นมารับหน้าที่ต่อ
ดังนั้น มีบางคนก็เป็นคนของฝ่ายองค์รัชทายาท
ชายผู้หนึ่งสวมชุดขุนนางเต็มยศเดินเข้ามาในตำหนัก เขามีรูปร่างซูปผอม ตนเกือบเห็นกระดูก และมีดวงตาเล็กๆที่แววตาไม่แสดงอาการใดๆออกมา พร้อมกับหนวคเคราที่ยาวจนปิดปาก ราวกับว่าไม่เคยโกนออกเลย แต่ว่าความยาวสองข้างนั้นเท่ากัน ราวกับจงใจรักษาไว้แบบนั้น
เหลียงไถ้ฝู้เข้ามาข้างในตำหนัก แล้วเดินเข้ามาด้านหน้า เพื่อคารวะฮองไทเฮา:“ข้าน้อยขอคารวะฮองไทเฮา ขอให้ฮองไทเฮาอายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี“
“ลุกขึ้นเถอะใต้เท้าเหลียง“ฮองไทเฮายกมือขึ้น
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!“เหลียงไถ้ฝู้ลุกขึ้น แล้วก็หันไปทำความเคารพฮองเฮา ”ข้าน้อยคารวะฮองเฮา“
“ตามสบายเถอะใต้เท้าเหลียง“ฮองเฮาหันไปมองพ่อตัวเอง แต่กลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ฮองไทเฮาเชิญเขาไปนั่ง แล้วก็ถามขึ้นมาตรงๆ“วันนี้ใต้เท้าเหลียงพาขุนนางมาคุกเข่าที่หน้าตำหนักข้า เพื่อต้องการให้ข้าออกไปเป็นผู้สำเร็จราชการแทนอย่างนั้นหรือ?“
เหลียงไถ้ฝู้โค้งตัวแล้วพูดขึ้น:“ฮองไทเฮา ตอนนี้ฮ่องเต้ก็ทรงป่วยหนัก อ๋องซื่อเจิ้งที่สำเร็จราชการแทนก็มาตายไปอีก บ้านเมืองสำคัญมาก ไม่สามารถที่จะขาดคนดูแลได้พ่ะย่ะค่ะ“
“รอให้จัดการกับเรื่องอ๋องซื่อเจิ้งให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยว่ากันเถอะ“ฮองไทเฮาพูดขึ้น
ใต้เท้าเหลียงพูดขึ้น:“ฮองไทเฮา เรื่องสองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันนะพ่ะย่ะค่ะ“
ฮองไทเฮายกมือขึ้นมาลูบคิ้วที่แสดงถึงความเหนื่อยล้ามาก“อย่างนั้นหรือ?ตระกูลอายกับพวกเจ้าไม่เหมือนกัน ตระกูลอายไม่ใช่ตระกูลที่ดูแลบ้านเมือง ไม่มีความสามารถที่จะจัดการเรื่องที่ใหญ่โตสองเรื่องนี้ได้ ซ์อถูเย้นก็เป็นลูกชายของตระกูลนี้ ลูกข้าตายแล้ว แต่วกเจ้ากลับมาคารวะข้า แล้วก็พาคนมาบีบบังคับข้า แล้วข้าจะสามารถพูดอะไรได้อีก?“
เหลียงไถ้ฝู้ชะงักไปทันที พลันพูดขึ้น:“ฮองเฮา ท่านสงบสติไว้ก่อน ในเมื่อเกิดเรื่องโศกเศร้าแบบนี้ขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องจัดการกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้าก่อน เรื่องจะได้ค่อยๆคลี่คลาย“
ฮองไทเฮาเบิกตากว้างแล้วพูดเสียงแข็ง:“การตายของอ๋องซื่อเจิ้งสำหรับพวกเจ้าแล้วมันเป็นเรื่องเล็กใช่หรือไม่?แค่ให้เวลากับข้าเพียงแค่วันเดียวก็ไม่ได้เลยหรือ?พวกเจ้าตอนนี้รีบร้อนเรื่องอะไรกันแน่?ใครจะมาสำเร็จราชการแทน ใครจะดูแลบ้านเมือง มีแค่เจ้ากับข้าหารือกันแล้วก็ได้เลยอย่างนั้นหรือ?“
“ข้าน้อย..ข้าน้อยไม่ได้รีบร้อนพ่ะย่ะค่ะ“เหลียงไถ้ฝู่หมดคำที่จะเอามาพูดต่อ คิดไม่ถึงว่านางยิ่งนางไปจะยิ่งพูดยากกว่าเดิม และนี่ก็ยิ่งดูยากขึ้นมาก
เขาหันไปมองฮองเฮาแวบนึง ฮองฌอาจึงไปยกน้ำชามา แล้วพูดโน้มน้าว:“เสด็จแม่ ท่านพ่อของข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเพคะ เขาเป็นคนยังไงท่านก็น่าจะรู้ดี เขาเพื่อบ้านเมือง ทำเพื่อประชาชนมาครึ่งค่อนชีวิต จนท่านแม่ข้าบอกว่าเขาเป็นคนที่ไม่ใส่ใจครอบครัวตัวเองเลยสักนิด“
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...