พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 95

ตอนที่ 95 ยุ่งเรื่องคนอื่น

หลี่ซื่อหันไปมองเสี้ยฉวนที่ดูยโส โอหัง แล้วก็ค่อยหันออกไปมองที่ผ้าม่านแล้วพูดขึ้น:“เสี้ยฉวน ก่อนที่ข้าจะแต่งเข้ามาอยู่ในจวนเสี้ยนั้น มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ข้าได้ศึกษาเกี่ยวกับการดูดวง ในโลกใบนี้มีหลากหลายสรรพสิ่งมีหลากหลายเรื่อง ที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด เจ้ารู้หรือไม่ตอนที่ข้ามองหน้าเจ้านั้นข้าเห็นอะไร?“

เสี้ยฉวนหัวเราะออกมา:“ฮูหยินมองเห็นอะไรหรือ?“

หลี่ซื่อปล่อยมือจากผ้าม่าน แล้วมองหน้าเขา“บนคิ้วของเจ้านั้นเต้มไปด้วยความเสื่อมโทรม ราศีเริ่มจะหมด แล้วเป็นการบ่งบอกถึงชีวิตบั้นปลายของเจ้า“

เสี้ยฉวนหัวเราะออกมาอย่างดัง“คิดไม่ถึงว่าฮูหยินก็เป็นหมอดูได้ด้วย“

เขาขับรถม้าไปทางตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง

สองวันนี้อ๋องอานชินเอาแต่นั่งอยู่ที่ตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง แล้วก็ได้ยินคนมารายงานว่า หลี่ซื่อมาขอเข้าพบ เขาจึงรีบลุกขึ้นทันที แล้วก็พลันนั่งลงไปอีกรอบ แล้วสูดลมหายใจเข้าออกพลางพูดขึ้น“ให้นางเข้ามา“

เขาพายามควบคุมสติให้นิ่งเอาไว้ แล้วก็มองเห็นร่างที่เดินออกมาจากเงาต้นไม้ ที่สวมชุดสีครามและเดินออกมาจากต้นหลิวราวกับว่าเป็นสีเดียวกัน ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงอาการใดๆ รวมถึงสายตาก็ไม่ได้ดูต่างจากหลายปีก่อนเลย

ใจของเขาอยู่ดีๆก็เจ็บปวดขึ้นมา

เขาจำเรื่องราวหลายปีก่อนได้ดี มีครั้งนึงที่เขาไปเรียนที่บ้านตระกูลอาย หลี่ซื่อกำลังนั่งวาดรูปอยู่ที่ศาลาเล็กท่ามกลางฝนตกปรอยๆ นางวาดรูปแม่น้ำสองฝั่ง และกำลังกัดหัวพู่กันอยู่ เขามองไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ พลันขมวดคิ้วมองภาพหมอกควันที่สองฝั่งแม่น้ำในรูปอย่างสงสัย เขาจึงเดินเข้าไปหานางแล้วพูดขึ้น:“ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก ถ้าเอาไว้แค่ชื่นชมก็ได้ ช่างวาดได้สมจริงมาก ถ้ามองดูแล้วเหมือนกับว่าภาพนั้นมีชีวิต แต่กลับมีความรู้สึกว่างเปล่า“

นางเงยหน้าของเขาอย่างแปลกใจ แล้วพลันยิ้มออกมา และก็เก็บรูปใบนั้นทันที

รอยยิ้มนั้นช่างทำให้คนหลงใหลได้มากจริงๆ

ดังนั้นเขาจึงมองนางตอนที่นางกำลังดูวิวทิวทัศน์ ในสายตานางก็ดูแปลกไป เขาก็เลยเอาแต่มองนาง จนนางกลายเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของเขา

ตอนนี้ชุดที่นางสวมใส่นั้นก็ดูสวยงามอย่างมาก เพียงแต่สายตาของนางนั้นกลับไม่มีความงดงามเหมือนแต่ก่อนแล้ว

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอดีตอยู่นั้น หลี่ซื่อก็ได้เดินมาตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว พลันโค้งตัวทำความเคารพ“ถวายบังคมท่านอ๋อง“

“ไม่ได้เจอกันนานเลย เจ้าสบายดีมั้ย?“เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าเป็นปกติมากที่สุดแล้ว ถ้าหากว่าสายตาไม่เอาแต่มองซ้ายขวา การเจอกันครั้งนี้ก็ควรจะเป็นการเจอกันที่ดี

“สบายดีเพคะ“ หลี่ซื่อพูดขึ้น

เสี้ยฉวนก็เดินตามนางเข้ามา แล้วยืนอยู่ด้านข้าง แล้วก็เอาแต่จ้องมองนางและอ๋องอานชิน

“เชิญนั่ง!“อ๋องอานชินพูดขึ้น

หลี่ซื่อจึงเดินเข้ามาแล้วนั่งลง พลันเอามือสองข้างมากุมไว้ด้านหน้า ช่างดูเป็นหญฺงที่เพรียบพร้อมยิ่งนัก ไม่เหมือนกับหญิงธรรมดาทั่วไป

“วันนี้ที่ข้ามานั้น คือต้องการจะมาขอโทษแทนเฉิงเสี้ยง เรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาได้ทำการบุ่มบ่ามกับท่านอ๋อง และขอสำนึกผิดต่อท่าน “หลี่ซื่อพูดขึ้นมาอย่างนิ่มนวล

อ๋องอานชินก็ตอบรับตามมารยาท“ฝากไปบอกเขาด้วย ไม่จำเป็นต้องขอโทษข้าหรอก“

เขาไม่ได้บอกว่าให้อภัยหรือไม่ เพียงแต่บอกว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ

หลี่ซื่อก็ตอบรับ“เพคะ“

นางเองก็ไม่ได้ขอบคุณอะไร เหมือนกับว่าแค่ต้องการมาขอโทษเท่านั้น

แล้วนางก็พลันเงยขึ้นหันมองออกไปรอบนอก เห็นเหล่าคนใช้กับทหารวิ่งกันจ้าละหวั่น จึงถามขึ้น:“หลีโม่อยู่มั้ย?“

“หลีโม่ออกไปแล้ว“อ๋องอานชินไม่กล้าพูดความจริงออกมา กลัวว่านางจะหนักใจ

หลี่ซื่อหันกลับมาจ้องเขา“หลีโม่ เป็นลูกสาวของข้าหลี่ซ่วยหยุ่น“

อ๋องอานชิน พลันยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น“ข้ารู้“

หลี่ซื่อจึงพูดตอบรับ แล้วก็มีคนเข้ามารินน้ำชาให้ นางจึงรับถ้วยน้ำชามา แล้วพลันพูดขึ้นโดยไม่คิดอะไร“ในบรรดาเชื้อพระวงศ์ คนที่ข้าชื่นชมที่สุดก็คือ องค์รัชทายาท“

อ๋องอานชินเหลือบมองนางแล้วหัวเราะ แต่กลับทำให้เสี้ยฉวนแปลกใจอย่างมาก หลังจากนั้นอ๋องอานชินก็พูดขึ้น:“ใช่ ที่จริงองค์รัชทายาทก็เป็นคนที่น่าชื่นชมอย่างมาก“

คำพูดนี้ทำให้คนที่ฟังอยู่นั้นไม่รู้สึกว่าเป็นการพูดประชด แต่เป็นการพูดชื่นชมจากใจจริง

หลี่ซื่อจึงลุกขึ้น“ท่านอ๋องมีเรื่องต้องจัดการมากมาย ข้าไม่รบกวนเวลาท่านแล้ว ข้าขอตัวเพคะ“

เสี้ยฉวนชะงักไปทันที “ฮูหยินจะกลับแล้วหรือขอรับ?กว่าจะมาถึงนี่ได้ไม่อยู่คุยกับท่านอ๋องสักหน่อยหรือ?“

“เจ้าลองชิมอีกที ถ้าเจ้าทนได้ ข้าก็จะกิน“ซือถูเย้นดันช้อนในมือนางออก

หลีโม่จึงก้มลงกลืนลงไปคำนึง หลังจากนั้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น แล้วก็ทำเสียงกระแทก พร้อมกับสีหน้าธรรมดา:“ไม่ขม อีกอย่างข้าใส่หญ้าหวานลงไป มีรสชาติหวานนิดๆ“

ซือถูเย้นพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตำหนิ“หรือว่าเป็นเพราะลิ้นของข้าที่ไม่ดี?“

เขารับถ้วยยาไปแล้วก็กินเข้าไป รู้สึกขมจนเข็ดฟัน

หลี่โม่รีบรับถ้วยยาแล้วเดินออกไปที่เรือนครัว เพื่อบ้วนปาก

ใส่รากบัวลงไปเยอะขนาดนั้น จะไม่ขมได้อย่างไร?ขมจะตาย!ขมจนลิ้นเกือบชา

หลังจากที่นางออกไป ชายทั้งสามคนก็พากันพูดถึงเรื่องที่แม่ของนางเลือกคนผิด

ซูชิงพูดขึ้น:“ที่จริงดูหน้าตาคุณหนูใหญ่ของตระกูลเสี้ยแล้ว ไม่เหมือนกับเสี้ยห้วยจุนเลยสักนิด ช่างน่าแปลกจริงๆอย่างกับว่านางเก็บมาเลี้ยง “

เซียวโธ่ได้ยินซูชิงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็พลันพูดขึ้น:“วันนั้นที่เจ้านอนพักด้วยกันกับเสี้ยหลี่โม่ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนั้น?ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไปชื่อเสียงของเจ้าต้องเสียหายจนหมด“

พอหลีโม่ได้ยินเซียวโธ่พูดแบบนี้ ก็รู้สึกทั้งอยากหัวเราะทั้งอยากร้องไห้ เป็นชื่อเสียงของนางหรือของเขากันแน่ที่จะเสียหาย?

หลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงของซือถูเย้นพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงธรรมดา“เซียวโธ่ เมื่อก่อนคุณหนูตระกูลเฉินคนที่เจ้าพูดถึง เจ้าไปเจอนางหรือยัง?“

“ทำไมเจ้าชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนัก?“เซียวโธ่พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

ซือถูเย้นพลันพูดขึ้น:“อะไรนะ?แล้ว?แล้วเจ้าตอนนี้ไม่ใช่ยุ่งเรื่องของคนอื่นหรือ?“

ซูชิงหัวเราะออกมาอย่างดัง

หลีโม่ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้ด้านนอกได้ยินพวกเขาสามคนคุยกันเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจ ความรู้สึกนี้ช่างสบายใจจริงๆ

เพียงแต่ว่า ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสี มองเห็นความมืดที่กำลังเข้ามา และค่อยๆกลืนกินแสงสว่างหายไป หลีโม่รู้ดีว่า หลังจากที่ซือถูเย้นหายดีแล้ว ทุกคนในเมืองหลวง ก็จะสามารถแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ปัญหาครั้งนี้นั้น เริ่มใกล้เข้ามาแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม