ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ และปาดน้ำตาอีกครั้ง พอ หวาน พอ พอได้แล้ว! จะร้องไห้พร่ำเพ้อไม่ได้!
“มึง โอเคนะ” เมื่อเห็นฉันท่าทางแปลก ๆ แตงโมเริ่มถามขึ้น
“โอเค กูปกติยัง”
ฉันหลับตา เช็ดน้ำตาออกให้หมด จนเพื่อน ๆ เริ่มมีอาการงง
“อะไรของมึงหวาน... เป็นอะไร” ณีเวียจับไหล่ ให้ฉันหันไปหา
“กูหยุดร้องแล้วไง กูพอใจแล้ว”
ฉันหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาให้ทุกคน
“แปลกคน อะไรเมื่อกี้ร้องไห้ฟูมฟาย”
ฉันไม่อยากนึกถึงมัน สงสารตัวเอง เอาจริง ๆ
“ก็ปล่อยมันให้หมด ไม่ต้องค้างคา พอแล้ว กูไปหาอาจารย์ดีกว่า”
ฉันดึงมือเพื่อนทั้งสองเข้าไปในอาคาร ทุกคนยังมีน้ำตานองหน้า เว้นฉันที่เช็ดมันออกหมดแล้ว น้ำตาเมื่อกี้ ถือว่าเป็นค่าโง่แล้วกัน ณีเวียและแตงโมมองฉันเป็นระยะ ระหว่างที่ฉันคุยกับอาจารย์ ในห้อง ทุกคนเป็นห่วงฉันมาก
เมื่อฉันคุยกับอาจารย์เสร็จ ฉันก็ถูกดุมาตามเคย ฉันเดินคอตกออกมาหาเพื่อน ณีเวียยื่นโทรศัพท์ให้ฉันเห็นพี่ทีโทรมาหลายสาย และ หมอนาย
“พี่ทีโทรมาแต่กูไม่ได้รับจะเอาไง”
“ไม่ไง เหมือนเดิมสถานะเดิมพี่น้อง กับพี่ทีสถานะนี้กูสบายใจสุดแล้วเอาจริง ๆ” ณีเวียพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปพร้อมกับฉันและแตงโม
“มึงไม่โกรธพี่ทีเหรอ” ฉันส่ายหน้า
“ไม่แล้วจริง ๆ นะ” ฉันหันไปยิ้มกว้าง ทุกคนพยักหน้า แต่สายตายังเป็นกังวล เพื่อนสองคนตอนนี้เครียดกว่าฉันอีก
“มึงไปไหนต่อหวาน” แตงโมถามขึ้น สายตายังเป็นห่วงฉันอยู่ จ้องฉันอยู่อย่างงั้น
“ไปโรงบาล นัดกับหมอนายไว้” ทุกคนเดินมากับฉันที่รถ ณีเวียอาสาขับให้ ทุกคนไม่อยากปล่อยฉันไว้คนเดียว ฉันเลยต้องพาพวกนางมาด้วย
ฉันมาถึงโรงพยาบาลก็ไปหาหมอนายที่ห้องตามเดิม ก่อนที่ฉันจะเคาะประตู หมอนายก็เดินมาข้างหลังสะก่อน
“อ่าวตัวแสบ พาใครมาวันนี้” หมอนายหันไปยิ้มให้เพื่อน ๆ ฉัน แน่นอน ทุกคนตกใจ มองตาไม่กระพริบ ไงล่ะ อึ้งล่ะสิ ไม่แพ้แฟนพวกหล่อนนะจ้ะ
“อ่อ เพื่อนค่ะ ณีเวียและแตงโม” แตงโมและณีเวียยัง จ้องหมอนายไม่หยุด อยากถ่ายรูปไปให้แฟนพวกมันดูชะมัด
“อ่อ สวัสดีครับ”
“ค่ะ แหะ ๆ กูรอข้างนอกนะ” แตงโมรีบดึงณีเวียไปนั่ง
“ตัวแสบมีอะไรจะคุย ทำไมตาบวม ภูมิแพ้รึเปล่า” หมอนายเปิดประตูให้ฉันเข้าไปข้างใน ก่อนจะยืนจ้องตาฉัน
“ตอนแรกมี... ตอนนี้ไม่มีแล้ว ฮ่า ๆ” ฉันพยายามหัวเราะออกมา
“ทำไมน้ำตาซึม หวานมีอะไรรึเปล่า ร้องไห้เหรอ นี่ไม่ได้ทำร้ายตัวเอง
อีกนะ” ฉันส่ายหน้า รีบเช็ดน้ำตา ก่อนจะส่งยิ้มไป
“หมอเอ่อ... คือเขาทำผู้หญิงท้อง” หมอนายตกใจ
“หวานโอเคใช่มั้ยหวาน” ฉันพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะโผไปกอดเขา ฉันซบหน้าลงที่อกหมอ พยายามกดน้ำตาไว้ ไม่อยากร้องไห้ออกมาอีก
มือนุ่มเอื้อมมาลูบผมฉันเบา ๆ
“ร้องให้พอ และไม่ต้องร้องอีกแล้ว ปล่อยวาง ทำให้ตัวเองดีขึ้นดีกว่า
เรายังต้องเจอคนอีกเยอะนะหวาน แล้วเรายังต้องเจอปัญหาอีกเยอะในอนาคต
ไม่ต้องเอามาคิดอีกแล้ว เก็บสมองไว้คิดเรื่องอื่นนะ” ฉันพยักหน้าที่อกเขา
ฉันพละกอดออกมาจ้องหน้าหมอนาย
“หมอ... หมออย่าเพิ่งจีบหวานนะ” หมอนายมองหน้าฉันไม่ละสายตา
ตาชั้นเดียวคู่นั้นมีแววตาสงสัย
“ทำไมล่ะ”
“หวานยังไม่อยากมีแฟน เข็ด” หมอนายหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้ว
ยีหัวฉัน
“ได้เลยตัวแสบ พักไว้ก่อนก็ได้ อยากมีแฟนเมื่อไหร่บอกนะ ถ้าว่าง
จะเป็นให้”
ฉันยิ้มให้เขา มือนุ่ม ๆ นั้นยีผมฉันอยู่ เฮ้อ... เขาไม่ใช่หมอสูตินารีเลย
เขามันจิตแพทย์ชัด ๆ หมอยกนาฬิกาขึ้นมาดู ก่อนจะเดินนำฉันไปที่ประตู
“ไปทำงานเหรอคะ หวานกลับก่อนก็ได้”
“เปล่า ไปกินเหล้าไปมั้ย” หะ หมอไปกินเหล้า?
“กินเป็นเหรอคะ” ฉันถามอย่างสงสัย ดูเขาไม่น่าจะประสีประสา
(หวาน ไม่รู้ใช่ลูกพี่ไหม พี่กำลังจะไปปรึกษาหมอเรื่องตรวจ DNA ถ้าไม่ใช่ลูกพี่ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ)
ฉันกลอกตามองบน ถอนหายใจรัว ๆ
“เนี่ย... หมอนายก็อยู่ พี่ทีอยากตรวจ DNA ก็ถามเขาดู ฟรี ๆ เขาบอกไม่คิดค่าปรึกษา ฮ่า ๆ ส่วนเรื่องคบกันเหมือนเดิม พี่ทีรู้อะไรไหมหวานกลับไปคบกับพี่สองวัน หวานเหมือนไม่ใช่คนเดิม หวานไม่เชื่อใจพี่ หวานรู้สึกแปลก ๆ หวานว่า สำหรับเรา เราเป็นพี่น้องกันดีที่สุดแล้ว”
(หวาน...)
“นี่ ๆ ไม่ต้องร้อง หวานอยู่นี่เหมือนเดิมไม่ได้ไปไหน จะใช่ลูกพี่หรือไม่ใช่ หวานก็เป็นกำลังใจให้พี่นะ” ณีเวีย และแตงโมมองฉัน ตาไม่กระพริบ
(หวานไม่โกรธพี่ใช่มั้ย ไม่เกลียดพี่ใช่มั้ย พี่จะพิสูจน์ความจริงเอง)
“ถ้าไม่สบายใจก็ตรวจ แล้วแต่พี่เลย อย่าคิดมาก ๆ มีความสุขกับทุกวัน เผื่อสมองไว้คิดเรื่องอื่นในอนาคตบ้าง “
(หวาน...)
“ค่า พี่ทีหวานชินชาหมดแล้ว พอแล้วเนอะ เป็นพี่ชายน้องสาวกันดีที่สุด จะได้อยู่กันยาว ๆ ฮ่า ๆ นี่พี่ที เป็นพี่น้องกันไม่มีวันเลิกรานะจะบอกให้ ฮ่า ๆ”
แตงโมหยิบถั่วเข้าปาก สายตาจ้องฉันอยู่อย่างงั้น
(อืม ขอบคุณที่ไม่โกรธพี่ หวานคบกับหมอคนนั้นใช่มั้ย) พี่ทีถามฉันเรื่อง
นี้อีกแล้ว
“โอ้ย... ไม่ค่า เข็ดไปอีกนาน พอ ๆ ก่อน แค่นี้นะคะ บาย”
ฉันยื่นมือถือคืนแตงโม
‘แปะ แปะแปะ’ สองคนนั้นตบมือให้ฉันรัว
“อะไรดลใจ ให้เปลี่ยนไปขนาดนี้ เมื่อเช้าเป็นอีกคน กลางวันเป็นอีกคน เย็นเป็นอีกคน ปกติต้องโวย ตบบ้านแตกนิ” ก็จริงเหมือนณีเวียพูด ฉันไม่รู้สึกปรี๊ดแตกแบบนั้นแล้ว
“ไม่อยากคิด ปวดหัว สงสารตัวเอง เผื่อสมองไปคิดเรื่องอื่นบ้าง ใช่ไหมคุณหมอนาย... เขาพยักหน้ารัว ๆ
“ไม่ได้บ้าใช่ไหม” แตงโม
“ไม่ บ้าอะไร เนี่ย ๆ จิตแพทย์ส่วนตัว ฮ่า ๆ”
ทุกคนหัวเราะกันลั่นโต๊ะ หมอนายผู้เส้นตื้นก็ด้วย พอฉันลดสถานะพี่ที
ลงมา ฉันสบายใจมาก ฉันไม่ต้องคาดหวัง ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น เนี่ยแค่นี้
ก็มีความสุขแล้ว ความรู้สึกที่มีให้กันที่ผ่านมา เปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกดี ๆ แบบพี่น้องเก๋ ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลาด