ฉันวางมือถือลงแล้วทำงานต่อ จนออกเวร เขาก็ยังไม่อ่าน ไม่ตอบไลน์... ตอนนี้ฉันได้แต่ยืนเล่นมือถือรอไคล์มารับ ใจก็อยากโทรบอกไทม์ก่อน แต่พอจะกดโทรหาเขา ไคล์ก็ดันมาพอดี
เปิดประตูขึ้นไปนั่ง รถไคล์ก็หอมเหมือนเดิม... แถมเขายังยิ้มน่ารักให้ฉันอีก นี่เขาไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ
“ร้านเดิมโอเคไหม”
“โอเค… ร้านเดิมอร่อยดี เอ่อ… ไคล์ น้ำปั่นมีเรื่องจะคุยด้วย” เขายกมือห้ามฉันทันที
“ถึงร้านก่อนละกัน” เอิ่ม… นี่ฉันรีบไปใช่ไหม
ฉันนั่งเงียบตลอดทาง... ไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกหวั่นใจแปลก ๆ กลัวไทม์รู้... แล้วเขางอนฉันหนักไปอีก ฉันจึงตัดสินใจไลน์บอกเขาก่อนเพื่อตัดปัญหา
-LINE-
ฉัน: ไทม์... ฉันออกไปกินราเมงกับเพื่อนนะ วันนี้จะเคลียร์ทุกอย่างให้จบ
ฉันส่งไปสักพัก เขาก็ไม่อ่านไลน์ฉันเลย เอาเถอะ ถือว่าฉันบอกแล้ว อย่ามาว่ากันทีหลังแล้วกัน
และฉันก็มาถึงร้านราเมง รสชาติราเมง บรรยากาศทุก ๆ อย่างมันเหมือนเดิม ยกเว้นความรู้สึกฉัน ที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับคนตรงหน้าเลย ห่วงแต่คนในไลน์ ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะตอบ...
จนไคล์มองหน้าฉัน แล้วยิ้มกว้างออกมา
“ไง มีอะไรจะคุยครับ” ฉันรีบกลืนเส้นที่เคี้ยวลงคอ ก่อนที่จะจ้องหน้าเขาแล้วฝืนยิ้มไปให้
“เมื่อวานไคล์ เห็นคนที่ไปกับน้ำปั่นมั้ย” ไคล์หุบยิ้มทันที แล้วก้มหน้ากินราเมงต่อ
“อืม เพื่อนน้ำปั่นเหรอ” เขาถามฉันแต่ตามองถ้วยราเมง
“ปะ… ป่าว น้ำปั่นจะหมั้นกับเขาพรุ่งนี้”
‘เคร้ง’ ช้อนพลาสติกหล่นลงถ้วยราเมง จนน้ำซุปกระเด็นมาโดนเสื้อฉัน
“ขอโทษ ๆ” ไคล์ดึงทิชชูเอื้อมมาเช็ดให้ แต่ฉันรีบจับมือเขาไว้ก่อน
นั่นมันนมกูนะเว้ย!
เมื่อทุกอย่างหยุดชะงัก เขาก็มองรอยบนเสื้อสลับกับหน้าฉัน ก่อนที่จะค่อย ๆ ถอยกลับ ไปนั่งที่เดิมปกติ
“เอ่อ โทษที แสดงว่าไคล์ จีบน้ำปั่นไม่ได้แล้วใช่ไหม” ไคล์พูดเบา ๆ ทำฉันที่ก้มเช็ดเสื้อตัวเองอยู่ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาทันที
“เอ่อ… น้ำปั่นรู้สึกดีกับไคล์นะ ไคล์น่ารักดี แต่เราน่าจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า ถ้าเราคบกัน แล้วเลิกกันไป… บางทีความรู้สึกดี ๆ ที่มี มันจะไม่เหลือเลย และเพื่อนก็ไม่มีวันเลิกราถูกมั้ย”
เขามองฉันนิ่ง ๆ แล้วพยักหน้าเบา ๆ
“อืม นี่ล่ะชีวิตนักบิน เป็นแบบนี้ทุกที...” ฉันเม้มปากแน่น เหมือนน้ำตาจะไหล แต่ก็ไม่ไหล เหมือนจะยิ้มไปกับเขา แต่ก็ฝืนยิ้มไม่ได้
และฉันก็เอื้อมไปจับมือไคล์แน่น
“ไคล์… เราเพิ่งคุยกันเอง อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วมองหน้าฉัน
“เกี่ยวไหมว่าเพิ่งคุย มันอยู่ที่ใจต่างหาก ถ้าใช่… ก็คือใช่ น้ำปั่น… อย่าบอกปลายฟ้านะ ว่าไคล์พูดแบบนี้ เพราะที่ผ่านมา ไคล์ไม่เคยบอกว่าใครใช่ บอกตามตรงว่าแอบอาย ที่คิดจะจริงจังกับใครแล้วแห้วเลย”
ฉันบีบมือไคล์แน่น... จนเขาใช้มืออีกข้างกุมมือฉันไว้
“ยินดีด้วย ถ้าจีบไม่ได้ก็เป็นเพื่อนกัน ผู้ชายคนนั้นไคล์ก็พอรู้จักเขา ไทม์ อนันธารา ปลายฟ้าเคยเล่าให้ฟังบ่อย”
ฉันยิ้มให้เขาเบา ๆ ก่อนที่จะดึงมือตัวเองออกมาแล้วรินน้ำให้เขา
“ขอบคุณนะที่เข้าใจ ตอนแรก… น้ำปั่นไม่กล้าบอกไคล์เลย ปลายฟ้ายิ่งแปลก ๆ กับน้ำปั่นด้วยช่วงนี้ ยังไม่ได้เคลียร์กับมันเลย”
ไคล์ตกใจมองหน้าฉันทันที
“จริงเหรอ ปลายฟ้าก็แปลก ๆ กับไคล์เหมือนกัน เวลาไคล์ถามถึงน้ำปั่น ชอบชวนคุยเรื่องอื่น”
มันคงจะเป็นคนกลางที่อึดอัดมาก ไคล์ไทม์ มันสนิททั้งคู่ แถมฉันก็เพื่อนสนิทมันอีก เฮ้อ...
“คนกลางมั้ง ไว้ค่อยไปง้อ... กินราเมงเสร็จ ไคล์ไปไหนต่อเหรอ” ไคล์วางตะเกียบลง แล้วยื่นทิชชูให้ฉันเช็ดปาก
นี่กูซกมกอีกแล้วเหรอวะ?
“ไปดูช้อปที่ห้าง ZER ได้ข่าวว่าเป็นห้างเพื่อนน้ำปั่นด้วยนิ” เออใช่ เขาเป็นทั้งนักธุรกิจทั้งนักบิน!
“ใช่ ๆ ห้างเพื่อนน้ำปั่นเอง งั้นขอติดรถไปด้วยนะ”
ดีเลย… ฉันตั้งใจจะไปดูแหวนหมั้นให้ไทม์พอดี เย็น ๆ รถเยอะแบบนี้ ฉันขี้เกียจขับรถด้วย
พอฉันกับไคล์กินราเมงเสร็จ เราก็ขับรถออกมาเลย ระหว่างทางฉันก็เปิดไลน์ดู เขายังไม่อ่านเหมือนเดิม มันนานเกินไปแล้วนะ หรือจะลองโทรหาดี
Calling | TIME
ไม่รับ! เป็นอะไรวะ! นิ้วไซส์อะไรก็ไม่รู้ จะซื้อถูกไหมเนี่ย! ฉันจึงตัดสินใจโทรหาปลายฟ้า สองคนนี้โตด้วยกันมา มันน่าจะเดาได้
Calling | Plaifah
นานมากกว่าปลายฟ้าจะรับสายฉัน
(มีอะไร) นี่ก็อีกคน เย็นชากูจัง
“อยู่ไหน ว่างไหม...”
(คอนโด ว่าง… มีอะไร? กูไม่รับปรึกษาเรื่องผู้ชายนะ โดยเฉพาะผู้ชายสองคนที่เป็นน้องกู) ฉันสตั้นไปห้าวิ จนไคล์หันมามอง
(พี่น้ำปั่น... มาโรงพยาบาลได้ไหมคะ ตอนนี้พี่ไทม์แย่แล้วค่ะ!)
มือที่จับมือถือกำแน่น พร้อม ๆ กับแหวนที่หลุดมือ… หล่นลงไปที่ตู้กระจก
ตอนนี้ขาสองข้างเหมือนจะยืนไม่ไหว มันอ่อนแรง จนฉันทรุดลงไปนั่งกับพื้น
เขาเป็นอะไร? ฉันนั่งนิ่งกับพื้นที่เย็นเฉียบ จนผู้หญิงร่างเล็กผมยาว เดินเข้ามาพยุงฉันยืนขึ้น จนสติที่หลุด มันกลับคืนมา ปลายฟ้า
“ทะ… ทิชา เขาเป็นอะไร” ฉันรีบถามปลายสายทันทีเมื่อนึกได้ แต่ทว่า สายถูกตัดไปแล้ว
“มึงเป็นอะไร? ใครเป็นอะไรวะ” และปลายฟ้าก็บีบไหล่ฉัน จนฉันหันไปมองมันทั้งน้ำตา
“ฮือ ๆ มึง… ไทม์เป็นอะไรมึงรูัไหม ช่วยพากูไปโรงพยาบาลหน่อย นะ นะ” ปลายฟ้าตกใจเบิกตากว้าง
“เฮ้ย! ไทม์เป็นไรวะ เออ ๆ ไป ๆ” ฉันกับปลายฟัากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ลานจอดรถ... ระหว่างทางฉันก็โทรหาทิชาไปด้วย แต่ทิชาไม่รับโทรศัพท์ฉันเลย
บ้าเอ้ย... ทำไมเป็นแบบนี้ น้ำตาไหลไม่หยุดเลย ฉันมองอะไรไม่เห็นแล้ว น้ำตามันไหลออกมาเต็มไปหมด เขาเป็นอะไร… ไม่เป็นอะไรได้ไหม ไม่เอา ฉันไม่ยอมนะ พรุ่งนี้หมั้นกันแล้ว แถมยังงอนกันอยู่ด้วย ให้เราดีกันก่อนไม่ได้รึไง
“มึงใจเย็น ๆ หยุดร้องก่อน” ฉันวางมือถือลงบนตักแล้วเอามือปิดหน้าร้องไห้โฮ จนปลายฟ้าหันมามอง และจับมือฉันแน่น
“ฮือ ๆ มึงกูหยุดร้องไม่ได้ กูเป็นห่วงเขา! ฮือ ๆ ทำไมกูติดต่อใครไม่ได้เลยวะ ทำไม!”
ฉันร้องไห้โฮเหมือนคนบ้า อยากรู้ ก็รู้ไม่ได้ ได้แต่รอให้รถปลายฟ้าขับมาถึงโรงพยาบาล และฉันก็รีบเปิดประตูวิ่งลงไปทันที
แล้วเขาอยู่ไหน! โรงพยาบาลของบ้านฉันแท้ ๆ ทำไมฉันทำอะไรไม่ถูกเลยวะ!
“พี่น้ำปั่น!”
“ทิชา!” แล้วทิชาก็วิ่งน้ำตาอาบแก้มมาหา ก่อนที่จะดึงมือฉันไปที่ห้องพักฟื้นห้องนึง โดยไม่พูดอะไรสักคำ
พอเปิดประตูเข้าไป ทุกคนก็หันควับมามองฉันทันที... ก่อนที่ฉันจะเห็นเขานอนหลับนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง และหน้าซีดมาก
“ฮือ ๆ ๆ ไม่เอา… พี่ไม่อยากเห็น เขาเป็นอะไร ทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลย!” ฉันรีบหันหลังกลับ ไม่อยากเห็นเขาในสภาพนี้ ฉันรับไม่ได้ เหมือนหัวใจมันหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม
จนทิชาขยับมากอดแขนฉันแน่น
“ทำใจดี ๆ นะคะพี่น้ำปั่น”
“ทิชา... กะเกิดอะไรขึ้น” และปลายฟ้าก็เปิดประตูเข้ามาเบิกตากว้าง
“เกิดอะไรขึ้นคะแม่เมย์พ่อที ไทม์เป็นอะไร” ปลายฟ้าเดินตรงผ่านฉันเข้าไป ฉันไม่กล้าหันมองตาม ได้แต่ยืนฟังเสียงปลายฟ้าที่ถามพ่อแม่เขา
“...”
ทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลยวะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลาด2