ความจำของจ้านเป่ยเซียวนั้นไม่แย่ เมื่อเฟิ่งชิงหัวพูดถึงคำว่า “ความชอบ” เดิมทีอารมณ์ที่สงบลงก็แทบจะพุ่งออกมาจากความโกรธเพราะนาง
“เฟิ่งชิงหัว เจ้าขอโทษจากใจจริงรึ!”
จ้านเป่ยเซียวอยากจะจ้องจนใบหน้าของนางทะลุ เห็นเพียงว่าเฟิ่งชิงหัวเอียงศีรษะและนั่งยอง ๆอยู่ที่นั่นอย่างเชื่อฟัง สายตาไร้เดียงสางุนงงสงสัย
จ้านเป่ยเซียวควบคุมความอยากที่จะสะบัดชายเสื้อและจากไป ยกมือขึ้นเพื่อดีดหน้าผากที่สะอาดเพียงที่เดียวของเฟิ่งชิงหัวแรงๆ “ใครบอกเจ้าว่าข้าชอบหน้าตาที่น่าเกลียดเช่นนี้”
เฟิ่งชิงหัวเม้มปาก “เจ้าพูดเองนี่ ข้าไม่ได้เด่มั่ว ๆนะ”
“เมื่อไรกัน?”
“หลายครั้งแล้วที่เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ชอบคนหน้าตาดี เมื่อวานในวัง เจ้าบอกองค์หญิงเหออานโดยเฉพาะว่าเจ้าชอบคนหน้าตาน่าเกลียด ข้าทำในสิ่งที่เจ้าชอบไง” เฟิ่งชิงหัวขมวดคิ้วและกล่าวเสียงอ่อน
จู่ๆ จ้านเป่ยเซียวก็รู้สึกราวกับว่าเขายกหินขึ้นและกระแทกเท้าตัวเอง
สีหน้าหลังหน้ากากอธิบายไม่ออก
เขาจะทำอย่างไรเมื่อพบกับผู้หญิงที่เข้าใจอะไรยากเช่นนี้?
“เจ้าเลยทำให้ตัวเจ้ากลายเป็นเช่นนี้? เพียงเพื่อให้ข้ามีอารมณ์ดี?”
“อื้อ จริงใจพอใช่ไหมล่ะ?” เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างภาคภูมิใจ
“เจ้าจำคำพูดมากมายที่ข้าพูดไม่ได้ แต่กลับจำประโยคนี้ได้อย่างเดียว?” จ้านเป่ยเซียวเย้ยหยันเสียงเย็น
“ไม่ คำพูดมากมายที่เจ้าพูดนั้น ข้าจำมันไว้ในใจแล้ว” เฟิ่งชิงหัวเริ่มเลียนแบบน้ำเสียงขององค์หญิงซีหลันอีกครั้ง นุ่มนวลและอ่อนหวานมากนัก
สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวยังคงเย็นชา แต่หัวใจของเขาก็อ่อนลงเพราะคำพูดของนาง
ถ้านางจำคำพูดของเขาไว้ในใจได้ นางจะลืมเขาได้อย่างไร?
มีความสุขในใจ แต่สีหน้าของข้ายังคงเย็นชา “นี่คือคำขอโทษรึ?”
เฟิ่งชิงหัวรู้ทันทีว่าคนๆนี้กำลังจะเริ่มจะเอาเปรียบแล้ว ซึ่งหมายความว่าเขาไม่โมโหแล้ว และที่เหลือก็คือความหยิ่ง
เฟิ่งชิงหัวรีบคว้ามือของเขา เงยหน้าขึ้นและเกลี้ยกล่อมเบา “ท่านอ๋องเพคะ ท่านบอกข้ามา ท่านต้องการอะไรถึงจะหายโกรธเพคะ”
จ้านเป่ยเซียวขยับปาก แต่เขาไม่ได้พูดอะไรและหันหน้าไปอีกด้าน
เฟิ่งชิงหัวส่ายหัว “พูดเลย ข้าจะทำตามแน่นอน”
“จริงรึ?” จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้วถาม
“อืม อืม”
จ้านเป่ยเซียวกระแอมเบา ๆ และพูดว่า “เรียกพี่เซียวให้ข้าฟังรอบหนึ่ง”
หลังจากพูดจบแล้ว จ้านเป่ยเซียวก็หันหน้าไปด้านข้าง ไม่ค่อยกล้ามองเฟิ่งชิงหัว ติ่งหูของเขาแดงเล็กน้อย และเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะวางท่าทางเย็นชา
เมื่อคืนนี้ นางยังติดค้างเขาอยู่ และเขาจำมาทั้งคืน
แต่เขาจำถึงใจแต่อีกคนกลับลืมเรื่องหลังเมาไปเสียสนิท
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็เท่ากับท้องฟ้าพังทลายและกระแสน้ำบนภูเขาปะทุ
เฟิ่งชิงหัวพูดติดอ่าง “เจ้าพูดอะไรนะ?”
อะไรเนี้ยะ ช่างเป็นชื่อที่ขนลุกและปัญญาอ่อนเช่นนี้ จ้านเป่ยเซียวคิดขึ้นมาได้อย่างไร
นางตัดสินผิดไปหรือเปล่า จ้านเป่ยเซียวจะไม่โกรธได้อย่างไร ถ้าเขาไม่โกรธ เขาจะคิดเรื่องยากๆเพื่อให้นางลำบากใจได้อย่างไร?
นางยอมถูกทุบตีจนตายดีกว่าอับอายเช่นนี้ น่าอับอายเกินไปแล้ว
ถ้าผู้คนรู้ว่านาง เฟิ่งชิงหัวกำลังจับมือผู้ชายคนหนึ่งและเรียกว่าพี่ชาย ภาพนั้นคงจะสวยงามมาก
ชื่อเสียงของนางถูกทำลาย เหมือนกับการเสียชื่อนับพันปี
“เมื่อไหร่จะพอ รอเจ้าดื่มเหล้าอีกสักหน่อย?” จ้านเป่ยเซียวเย้ยหยัน
เฟิ่งชิงหัวหายใจเข้าลึก ๆ ยืนขึ้น มองเข้าไปในดวงตาของจ้านเป่ยเซียวและเรียกเบา ๆ ว่า “พี่เซียว”
หลังจากเรียกแล้ว เฟิ่งชิงหัวก็สะบัดขนลุกบนร่างของนางทันที แต่นางไม่รู้ว่าจ้านเป่ยเซียวรู้สึกอ่อนยวบไปทั่วร่าง
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ควรทำอะไรก็ไปทำ ควรทานก็ทาน ควรก็นอน” เฟิ่งชิงหัวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับสะบัดชายเสื้อขณะที่พูด ราวกับว่านางกำลังเคืองใครอยู่
จ้านเป่ยเซียวเดินตามนางไปอย่างสบาย ๆ ช้า ๆ ลงไปด้านล่างภูเขา
กลับมาที่เรือน หลิวหยิ่งเห็นว่าทั้งสองแยกจากกันแล้ว นายท่านดูอารมณ์ดี เมื่อรู้ว่าทั้งสองคืนดีกันแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นายท่าน อาหารพร้อมแล้ว ท่านต้องการทานหรือไม่?” หลิวหยิ่งกล่าว มองไปที่นายท่านก่อน จากนั้นดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของเฟิ่งชิงหัวและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อขึ้นทันที
“พระชายา ท่าน...” สีหน้าของหลิวหยิ่งอธิบายไม่ถูก
เฟิ่งชิงหัวใช้มือเช็ดใบหน้า อยากจะเช็ดสีแดงบนใบหน้าออก แต่ก่อนหน้านี้นางทาสีแดงมากเกินไป และมันก็เลอะมือไปหมด ใบหน้าของนางถูกถูจนไม่น่ามอง
“ข้าเป็นอะไรไป? เจ้าไม่เคยเห็นศิลปะการแสดงเหรอ มันหายากมากนะ ข้าไม่ทานข้าวแล้ว ข้าจะไปนอน!” เฟิ่งชิงหัวพูดแล้ววิ่งหนีด้วยความโกรธ
หลิวหยิ่งมองไปที่นายท่านของนาง “นายท่าน พระชายา...”
“เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” จ้านเป่ยเซียวกล่วเสียงเย็น
หลิวหยิ่งรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าถามคำถามใด ๆ อีก แต่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย อาจเป็นเพราะรสนิยมแปลกๆของนายท่าน?
เฟิ่งชิงหัวกลับไปที่ห้องของตน ทำความสะอาดตนเองก็ไปที่ห้องท่านแม่ของนาง ซึ่งนางอยู่มาทั้งวัน และขอให้ม่านเฉ่ายกอาหารไปทานที่ห้อง
ในตอนเย็น จ้านเป่ยเซียวเข้ามาและเห็นเฟิ่งชิงหัวกำลังรออยู่หน้าเตียง เดินไปดึงมือของหญิงวัยกลางคนขึ้นเพื่อส่งพลังภายในเข้าไป
เฟิ่งชิงหัวยื่นมือห้ามเขา “เจ้าทำอะไร อยากตายรึ! เจ้าไม่รู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเจ้า? เจ้านึกว่าร่างกายของเจ้าทำด้วยเหล็กหรือไง?”
“พลังกำลังภายในเล็กน้อยแค่นี้ไม่เป็นไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...