พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 67

ด้ายสีเงินในมือของเฟิ่งชิงหัว ตรงปลายมีลูกบอลขนาดเล็กผูกอยู่ เมื่อใช้แรงสะบัดออกไป ลูกพัดเล็กนั้นก็พัดพาเอาลมปะทะเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มที่สวมชุดคลุม

คนผู้นั้นขยับตัวหลีกอย่างรวดเร็ว ชุดคลุมที่สวมอยู่บนศีรษะร่วงลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือด เมื่ออยู่ภายใต้ห้องขังที่มืดสลัว ก็ยิ่งทำให้ดูแปลกประหลาดมากขึ้น

คนผู้นั้นพลิกดาบที่อยู่ในมือ แล้วพุ่งตรงเข้าใส่เฟิ่งชิงหัว การเคลื่อนไหวดุดัน โชคยังดีที่เฟิ่งชิงหัวหลบได้ทัน ดาบเล่นนั้นจึงฟันเข้าที่ชุดของนางเท่านั้น

“ทำไมท่านถึงได้ใจร้ายกับผู้หญิงเช่นนี้ ช่างทำให้ข้ารู้สึกปวดใจจริง ๆ” เฟิ่งชิงหัวกำลังหัวเราะ เพียงแต่การหัวเราะนั้นไม่มีความจริงใจเลยสักนิด

หากตอนนี้มีคนที่รู้จักนางอยู่ด้วย จะต้องรู้อย่างแน่นอนว่า ตอนนี้เฟิ่งชิงหัวกำลังโมโหแล้วจริง ๆ

ในชั่วพริบตา รัศมีทั่วทั้งร่างของเฟิ่งชิงหัวก็เปลี่ยนไปในทันที ผมถูกดึงอย่างบ้าคลั่ง การเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจดอกไม้ที่ปลิวไสว ด้ายเงินที่อยู่ในมือดูราวกับกลายเป็นเข็มนับพันเล่ม พุ่งตรงเข้าใส่ชายหนุ่ม

เสียงทิ่มแทงดังขึ้นหลายครั้ง ชุดคลุมที่เมื่อครู่ยังปกคลุมชายหนุ่มเอาไว้อย่างมิดชิด บัดนี้ถูกเฟิ่งชิงหัวกรีดออกเป็นเสี่ยง ๆ เผยให้เห็นรูปร่างกำยำของชายหนุ่ม รวมไปถึงรอยสักสีดำทั่วทั้งร่าง

ตอนที่เฟิ่งชิงหัวเตรียมตัวจะมองใบหน้าของคนผู้นั้นให้ชัดเจน ก็ได้ยินเสียงขลุ่ยที่ดังเร่งเร้ามาจากด้านนอก ทั้งสั้นและรวดเร็ว

เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ คนผู้นั้นก็ถอนตัวจากการต่อสู้ และเหาะหนีไปทันที เฟิ่งชิงหัวเองก็รีบตามไปติด ๆ

เมื่อตามออกจากกรมคลังไป เฟิ่งชิงหัวก็ถูกคนใช้ก้อนหินเคาะที่ศีรษะในทันที นางหันหลังกลับไปด้วยความโกรธ แต่กลับพบกับจ้านเป่ยเซียวที่นั่งทรุดตัวอยู่ตรงกำแพง

“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ?” เฟิ่งชิงหัวมีปฏิกิริยาตอบกลับโดยการดึงมือของจ้านเป่ยเซียวมา เพื่อที่จะตรวจดูชีพจรให้กับเขา แต่ชายหนุ่มกลับดึงมือกลับ

“ไม่ต้องให้เจ้าช่วย”

เดิมทีเฟิ่งชิงหัวคิดจะแสดงอารมณ์โกรธ แต่เมื่อเห็นสภาพของเขาที่ใช้กำลังภายในไปจนหมดสิ้น จึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้ : “ท่านทนไหวไหม ? ข้าจะให้คนส่งท่านกลับจวน”

จ้านเป่ยเซียวเข้าใจความหมายในน้ำเสียงของเฟิ่งชิงหัว จึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เจ้าจะตามคนผู้นั้นไปหรือ ?”

“อืม”

“ไม่ได้” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างดุดัน

เฟิ่งชิงหัวประหลาดใจ : “ทำไมล่ะ ?”

“สรุปว่าเจ้าประคองข้ากลับไปก่อน เรื่องในคืนนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเข้าไปยุ่ง พรุ่งนี้ข้าจะเขียนฎีกาขึ้นถวาย เพื่อส่งคนออกตามหา”

เฟิ่งชิงหัวนึกถึงเสียงขลุ่ยที่ดังเข้ามาจากด้านนอกเมื่อครู่ แต่ตอนที่นางตามออกมากลับถูกจ้านเป่ยเซียวขวางเอาไว้ ทำให้สายตาที่แฝงไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย ตกไปอยู่บนตัวชายหนุ่มในทันที

“เสียงขลุ่ยเมื่อครู่ ท่านได้ยินหรือไม่ ?”

“เสียงขลุ่ยอะไร ?”

“ท่านไม่ได้ยินหรือ ?”

“ไม่ได้ยิน”

เมื่อเฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้น ความสงสัยในใจก็ยิ่งมีมากขึ้น เสียงขลุ่ยนั่นแม้กระทั่งนางอยู่ด้านในยังได้ยิน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่จ้านเป่ยเซียวจะไม่ได้ยิน ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาหูหนวก ก็อาจเป็นเพราะมีใจคิดปกป้องอีกฝ่าย

“ท่านขวางข้าไม่ให้ข้าไป และไม่ได้ยินเสียงขลุ่ย หรือว่าการแสดงในคืนนี้ ท่านเป็นผู้กำกับ ?” เฟิ่งชิงหัวถามอย่างตรงไปตรงมา

จ้านเป่ยเซียวหันมองเฟิ่งชิงหัวด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองคนเสียสติ : “หรือเจ้ายังคิดจะพูดอีกว่า คนที่ชอบพออยู่กับซุนผิงก็คือข้า ?”

“คงไม่ถึงขนาดนั้น ท่านคงไม่ไร้ซึ่งมโนธรรมถึงขนาดกล้าลงมือกับผู้หญิงของพ่อตนเองหรอก”

ขมับของจ้านเป่ยเซียวเต้นตุบ ๆ : “ถึงตอนนี้เจ้าคิดจะตามก็ตามไม่ทันหรอก ในเมื่อคนยังอยู่ในมือของเรา เช่นนั้นพวกเขาย่อมต้องมาอีกแน่นอน เจ้าประคองข้ากลับไปก่อนเถอะ”

เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้ว : “ก็ไม่แน่หรอกนะ ข้าแอบโรยผงยาสูตรเฉพาะของข้าลงไปบนตัวของคนผู้นั้น เขาไม่มีทางล้างออกได้ในเวลาอันสั้นนี้แน่ หากข้าตามกลิ่นไปจะต้องหาเจออย่างแน่นอน”

เฟิ่งชิงหัวเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็ไม่เอะอะโวยวาย รีบดึงขาของเขาขึ้นมาทันที มือขาวนวลสัมผัสเข้ากับผิวหนังสีม่วงคล้ำ ยิ่งเผยให้เห็นถึงความน่ากลัวของขาข้างนั้น

“อย่า......แตะต้อง......” จ้านเป่ยเซียวพูดขึ้นด้วยความยากลำบาก

เฟิ่งชิงหัวชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมองจ้านเป่ยเซียวแล้วพูดว่า : “ไม่อยากเจ็บก็ปิดตาซะ”

“เจ้าล้อเล่น อะไรเนี่ย” จ้านเป่ยเซียวพูดขึ้นอย่างอิดโรย จากนั้นตาทั้งสองข้างของเขาก็ถูกผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งพันปิดเอาไว้ บนผ้าเช็ดหน้าฉาบไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ

ยังไม่ทันที่จ้านเป่ยเซียวจะรู้ตัว เขาก็ถูกเฟิ่งชิงหัวสกัดจุดเอาไว้แล้ว

“หากอยากตายท่านก็คลายจุด” เฟิ่งชิงหัวข่มขู่

มีหรือที่จ้านเป่ยเซียวจะเกรงกลัวคำขู่ของผู้อื่น ไม่ได้ยินดังนั้นเขาก็คิดจะเคลื่อนไหวกำลังภายใน แต่ทว่า เขากลับรู้สึกว่าที่ใต้ฝ่าเท้าของตนเอง เกิดความรู้สึกอุ่นขึ้นมา

ความอบอุ่นนั้นเป็นเหมือนลูกไฟดวงเล็ก ๆ ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละจุดสองจุด จากนั้นจึงค่อย ๆ แผ่ออกเป็นพื้นที่เล็ก ๆ

ขาของเขา ตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่เคยรับรู้ถึงความร้อนมาก่อน มีเพียงแค่ความหนาวเย็นจับขั้วกระดูกเท่านั้น

ว่ากันว่าความหนาวเย็นมาจากฝ่าเท้า ตอนนี้ความอบอุ่นนั้นได้แผ่ซ่านจากฝ่าเท้าขึ้นมาจนถึงน่อง แล้วค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นด้านบน จ้านเป่ยเซียวรู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งร่างกายกำลังถูกแผดเผา ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จ้านเป่ยเซียวที่ยังมึนงงอยู่เล็กน้อย จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตนเองลอยขึ้นจากพื้นดิน ที่ขาและเท้า มีมือของคนคนหนึ่งกำลังกอดเขาอยู่

“จ้านเป่ยเซียว ท่านคือผู้ชายคนแรกที่ข้าอุ้มด้วยท่าเจ้าหญิงเลยนะ หากท่านกล้าตกลงไปละก็ ข้าจะไม่สนใจท่านแน่” เสียงของเฟิ่งชิงหัวที่ฟังดูเหมือนจนใจแต่ก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ ดังผ่านข้างหูของชายหนุ่มมา

เสียงดัง “บูม” ใบหน้าซีดเผือดของจ้านเป่ยเซียวปรากฏสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แทบอยากจะหมดสติไปเสียเดี๋ยวนี้

ผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนนี้ ช่างใจกล้าจริง ๆ !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว