ปีนี้ฉินหมิงอายุได้ยี่สิบหกปี เขาขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเขยที่มีชื่อเสียงเลวร้ายที่สุดในเมืองเจียงเฉิงหลังจากแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาได้สามปี ในสามปีมานี้เขาก็ไม่ต่างจากเป็นทาสของตระกูลหม่าเลยสักนิด ทั้งหาบน้ำล้างเท้า ไม่มีศักดิ์ศรีเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อคืนในที่สุดเขาก็ระเบิดออกมา!
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ตลอดทั้งวันเขาทำงานเหมือนวัวเหมือนควายในบริษัทของตระกูลหม่า เงินเดือนของเขาก็ถูกนำไปให้กับหม่าลู่ภรรยาของเขา ที่เขาไม่อาจแตะเนื้อต้องตัวเธอได้
เมื่อเขากลับบ้านตอนเย็น เขายังต้องซักผ้า ถูพื้น ทำอาหาร ฯลฯ เขาทำงานบ้านทั้งหมดโดยไม่ปริปากบ่น
เดิมทีเขาคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้ภรรยาของเขาประทับใจและทำให้เธอรักเขาไปชั่วชีวิต แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาจากภรรยาของเขากลับเป็นของขวัญชิ้นใหญ่!
เด็ก!
ใช่แล้ว!
ฟังไม่ผิดหรอก ภรรยาที่เขาไม่กล้าแตะต้องมาตลอดสามปีกำลังตั้งท้อง!
และเขาจะได้เป็นพ่อคนแล้ว!
ช่างน่ายินดีจริง ๆ!
“ฉินหมิง ให้แกซักเสื้อผ้าให้สะอาดยังทำไม่ได้เลย ให้ถูพื้นให้สะอาดก็ทำไม่ได้!”
“คนไร้ประโยชน์อย่างแกจะทำอะไรได้อีก!”
“บ้านเราเลี้ยงแกไว้จะมีประโยชน์อะไร? เลี้ยงสุนัขก็ยังดีกว่าแกซะอีกมั้ง!”
…
เสียงด่าทอรุนแรงดังขึ้นเรื่อย ๆ แม่ยายหลี่เหอหลานชี้หน้าฉินหมิงแล้วตะโกนด่าออกมา
ฉินหมิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยที่แดงก่ำเพราะความโกรธ
"แม่!"
ฉินหมิงกัดฟันทนข่มเสียงของเขาลง
“อย่าเรียกฉันว่าแม่นะ เศษสวะอย่างแกไม่คู่ควรจะเรียกฉันแบบนั้น!”
ท่าทีที่หลี่เหอหลานแสดงออกเปี่ยมไปด้วยการดูถูก และรังเกียจเหยียดหยาม
ฉินหมิงเงียบ และไม่กล้าที่จะโต้เถียง
เมื่อสามปีที่แล้ว นายท่านแห่งตระกูลหม่าล้มป่วยกะทันหัน และเขาได้บังเอิญเจอเข้า
เขาแบกนายท่านหม่าขึ้นหลัง พาวิ่งไปสามสี่กิโล และส่งนายท่านหม่าไปโรงพยาบาลได้ทันท่วงที จึงสามารถช่วยชีวิตนายท่านหม่าไว้ได้
หลังจากนั้นนายท่านหม่ายืนกรานว่าจะให้แต่งงานกับหลานสาวของเขา หม่าลู่ ซึ่งอาจทำไปเพื่อตอบแทนบุญคุณของเขา แม้ว่าทุกคนในครอบครัวจะคัดค้านก็ตาม
จากนั้นเป็นต้นมา เขาได้เข้ามาในตระกูลหม่าเป็นลูกเขยอยู่สามปี
สามปี!
สามปี!
เกรงว่าหินเย็น ๆ ก้อนหนึ่งคงทำให้ฉินหมิงอบอุ่นได้มากกว่ากระมั้ง?
เขาเหน็บหนาวหัวใจกับการถูกดูถูกเหยียดหยามของสองแม่ลูกคู่นี้เหลือเกิน!
อาจเป็นเพียงเพราะเขาเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีความสามารถหรือชาติตระกูล ครอบครัวของหม่าลู่จึงดูถูกเขาไม่เหลืออะไรดี
ไม่ว่าเขาจะทำได้ดีแค่ไหน ครอบครัวของหม่าลู่ก็มักจะจับผิดเขาเสมอ ไม่ทุบตีก็ด่าว่าเขาอยู่ทุกครั้งไป
ในตระกูลหม่าคนเดียวที่ดีต่อเขาคือ นายท่านหม่า
เมื่อก่อนนายท่านหม่าปกป้องเขา หลี่เหอหลานแม่ยายของเขาก็พอเก็บอาการได้บ้างเล็กน้อย
แต่หลังจากนายท่านหม่าเสียชีวิตด้วยอาการป่วยเมื่อเดือนที่แล้ว ครอบครัวของหลี่เหอหลานก็เริ่มแข็งกร้าวมากขึ้น และต้องการจะไล่เขาออกไป
เขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่สุดในบ้าน และชีวิตของเขาแย่ยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก...
ประตูเปิดออก หม่าลู่ที่แต่งตัวทันสมัยตามแฟชั่นและมีกลิ่นแอลกอฮอล์เดินเข้ามา เธอสวมถุงน่องสีดำเดินมาอยู่ต่อหน้าผู้คน บวกกับหน้าแดงจากการมึนเมาที่ทำให้ผู้ชายหน้าไหนคงไม่มีใครต้านทานความเย้ายวนใจเช่นนี้ได้
เธอ!
เธอกลับมาแล้ว
“เห็นหน้าเจ้าขี้แพ้นี่แล้วรู้สึกขยะแขยง!”
หม่าลู่ลูบท้องของเธออย่างภาคภูมิใจ และเริ่มกังวลว่าเมื่อท้องของเธอขยายใหญ่ขึ้น พวกนางจิ้งจอกคนอื่นก็จะแอบเข้ามาหาคุณซุน หลี่เหอหลานแม่ยายเข้ามาช่วยพยุงหม่าลู่เข้าไปในห้อง และพูดประชดฉินหมิงว่า
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก? ทำไม อยากอยู่รับบทเป็นพ่อคนรึไง?”
ทันใดนั้น ความอัปยศอดสู ความโกรธ และอารมณ์อื่น ๆ หลั่งไหลเข้ามาในใจของฉินหมิง เขาเป็นเหมือนสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ถูกขับออกจากบ้านอย่างโหดร้าย ทุกสิ่งที่เขามีที่บ้านเป็นเวลาสามปี แม้แต่บัตรประจำตัวประชาชนก็ถูกโยนลงถังขยะ ในขณะนี้สิ่งที่หนักอึ้งที่สุดในใจของฉินหมิงก็คือ ความสิ้นหวัง
เขาไม่มีที่อยู่
หลังจากทำงานมาสามปี เขามอบค่าแรงทั้งหมดให้กับแม่ยาย และคนอื่น ๆ ไม่ให้เงินเขาเลยสักแดง ในตอนนี้เขากลายเป็นสุนัขจรจัด หนำซ้ำยังไม่มีบ้านแล้วจริง ๆ
ฉินหมิงเดินเตร็ดเตร่ไปตามทางที่ไปสุสาน สภาพอากาศที่หนาวเย็นและมืดหม่นก็เข้ามาปกคลุมเขาไว้
เขายืนอยู่หน้าหลุมศพอย่างอ้างว้าง เขาลืมตามองภาพตรงหน้า แต่ไม่สามารถหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
เขาไม่รู้ว่าจะโกรธ สิ้นหวัง หรือผิดหวังดี
เขายืนอยู่หน้าหลุมศพอย่างเงียบ ๆ นี่เป็นหลุมศพของนายท่านหม่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมามีเพียงนายท่านหม่าเท่านั้นที่คอยปกป้องและดูแลเขา ตอนนี้เขาถูกไล่ออกมาแล้ว เขาอยากจะมาไหว้หลุมศพนายท่านหม่าอีกสักครั้งหนึ่ง
แม้จะพูดว่าเขามาไหว้ แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่มีเงินสักบาทกับตัวเลย เขาซื้อกระดาษเงินกระดาษทองที่ถูกที่สุดยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“คุณปู่ ขอบคุณมากที่ดูแลผมมาตลอดสามปี…”
“พรุ่งนี้ผมจะหย่ากับหม่าลู่แล้ว…”
“ผมทำให้คุณปู่ผิดหวังแล้ว...”
ยามค่ำคืน ขอบตาของฉินหมิงแดงก่ำ เขาคุกเข่าลงไหว้หลุมศพนายท่านหม่าหลายครั้งติดต่อกัน ในใจรู้สึกขมขื่นและโศกเศร้าอย่างอธิบายไม่ได้
หลังจากไหว้หลุมศพเสร็จแล้ว
ฉินหมิงหยิบจี้หยกออกมาแล้วถือมันไว้ในมือ เขานั่งบนพื้นพิงหลังกับหลุมศพอย่างเหม่อลอย สายตาของเขาว่างเปล่าและหมองหม่น ราวกับกำลังเลียบาดแผลในใจของเขาตามลำพัง
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ราวกับบางสิ่งสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวและความอัปยศอดสูในใจ จี้หยกเรียบ ๆ บนหน้าอกของเขาเกิดแสงสว่างวาบสีขาวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
รออ่านอยู่นะครับ กำลังสนุกเลย เมื่อไหร่ 454 จะมาครับ หายไปนานเลยครับ...
ตอนที่ 451 หายครับ...
ตอนที่ 451 หายครับ...
ตอนที่ 451 ละ...
พระเอกน่ารำคาญ...
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...