ตอนที่ 37ในเหล้ามีพิษ
ในตอนนี้ เสียนเฟยได้ยิ้มขึ้นพูดว่า “ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงมีรับสั่งมิใช่หรือว่าวันนี้ใครได้ที่หนึ่ง ก็จะให้ได้สมความปรารถนา ตอนนี้ยวี่โหร่วกับคุณหนูหลินจือท่านนี้คว้าที่หนึ่งมาได้ ฝ่าบาทคงไม่ได้ลืมเสียแล้วหรอกนะเพคะ”
“ข้าไม่ลืมแน่นอน เพียงแต่….ที่หนึ่งกลับมีถึงสองคน แต่ให้สมความปรารถนาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้าสองคนปรึกษากันให้ดีก่อนแล้วค่อยมาบอกข้า”
จางยวี่โหร่วรีบพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยไม่มีความปรารถนาสิ่งใด จึงอยากให้พระองค์ทรงมอบรางวัลให้กับน้องหลินรับแทนเพคะ”
ที่แท้นี่ก็คือโอกาสที่นางได้เคยบอกกับหลินจือ จางยวี่โหร่วย่อมต้องไม่แย่งเอาหน้าจากนางแน่ ครั้งนี้ นางตั้งใจทำให้หลินจือโดดเด่นขึ้นมา ให้ทุกคนลืมสนใจที่ชื่อเสียงของนาง ให้สนใจแต่ความเปล่งประกายที่ออกมาจากตัวนาง จนกลายเป็นที่หมายปองของบรรดาลูกท่านหลานนางเหล่านั้น
ตอนนี้ดูแล้ว แผนทุกอย่างสำเร็จด้วยดี
“ข้าน้อย….ข้าน้อยก็ไม่ได้ปรารถนาสิ่งใดเพคะ แค่การที่ฝ่าบาททรงอนุญาตให้ข้าน้อยได้ศึกษาในสมาคมกาพย์กลอนขององค์ชายรอง ก็ถือเป็นเกียรติอย่างหาที่สุดมิได้แล้ว แค่นี้ข้าน้อยก็พอใจแล้ว ไม่ปรารถนาสิ่งใดอีกเพคะ”
โอกาสดีเช่นนี้ นางจะปล่อยไปง่ายดายแบบนี้หรือ?
นี่เป็นคำสัญญาหนักแน่นของฮ่องเต้ ขอเพียงนางเอ่ยความปรารถนาออกมา แม้ปรารถนาจะเป็นพระชายาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร นางรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพลาดเกียรติยศครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตนี้ไป
จางยวี่โหร่วนั้นช่างเถอะ ชีวิตของนางตอนนี้ก็เป็นที่อิจฉาริษยาของคนทั่วไปอยู่แล้ว แต่หลินจือกลับปล่อยโอกาสดีๆไปแบบนี้ถือว่าทำพลาดอย่างจัง
แต่พอเห็นท่าทางของนางยืนกรานเช่นนั้น คงไม่ได้พูดเล่นอย่างแน่นอน
เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้เจอคนปฏิเสธที่จะรับรางวัล หากเป็นคนอื่นล่ะก็คงจะใช้โอกาสนี้คิดของรางวัลอยู่เป็นแน่ ผู้หญิงคนนี้ช่างหาได้ยากยิ่งนัก
ในตอนนั้นเอง องค์ชายรองเป่ยจื่อหัวจึงได้ลุกขึ้นยืน ประสานมือขึ้นพูดว่า “ตามความเห็นของลูก คุณหนูหลินคงยังไม่มีความปรารถนาสิ่งใดในตอนนี้ สู้ให้เวลานางสักนิด หากวันหลังเกิดนึกออกได้แล้ว ฝ่าบาทค่อยทรงให้ตามความปรารถนาของนางในตอนนั้นก็ยังได้ แบบนี้เป็นยังไงพะยะค่ะ?”
หลินจือเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสายตาของเป่ยจื่อหัวกำลังมองมาที่นาง พร้อมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน นางก้มหน้าลงด้วยความเขินอายทันที ไม่กล้ามองเขาตรงๆ
“ดี งั้นเอาตามนี้”
ถึงยังไงตอนนี้ฮ่องเต้กำลังมีพระอารมณ์ดี พูดอะไรออกมาก็ดีหมด
ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นแบบนี้ไปก่อน ทุกคนเข้าประจำที่นั่งของตัวเองแล้ว ตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลางานเลี้ยงเสร็จสิ้น
แต่แผนบางแผน ถ้าไม่ดำเนินการตอนนี้ เกรงจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
ในตอนนี้เอง เป่ยจื่อห้าวกับลี่เฟยได้สบตากัน แผนการลับๆทั้งหมดได้เริ่มขึ้นแล้ว
ลี่เฟยลุกขึ้นยืนยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “วันนี้ เป็นวันเกิดของน้องเสียนเฟย พระสนมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานนัก วันนี้พวกเรามาอยู่รวมกันที่นี่เพื่อร่วมอวยพร หม่อมฉันได้ยินว่า น้องเสียนเฟยชำนาญในการหมักเหล้า ยิ่งฮ่องเต้ด้วยแล้วโปรดการเสวยเหล้ากุ้ยฮัวที่น้องเสียนเฟยหมักขึ้นเอง วันนี้ขอให้พวกเราได้อาศัยพระบารมีของฝ่าบาท ได้ลิ้มลองรสชาติของเหล้าที่นางหมักบ้างได้หรือไม่?”
ฝีมือการหมักเหล้าของเสียนเฟยนั้นนับว่ายอดเยี่ยม เป็นเรื่องที่คนในวังรู้กันดี โดยเฉพาะเหล้ากุ้ยฮัว ทุกครั้งที่ฮ่องเต้เสด็จไปหานางต้องดื่มไปเสียหลายถ้วย
ไท่จื่อเป่ยจื่อเฉินก็กำลังยกถ้วยเหล้าขึ้น ในตอนนี้เองจางยวี่โหร่วลุกขึ้นยืนทันทีแล้วร้องตะโกนขึ้นว่า “ช้าก่อน !”
นางคิดจะทำอะไร? โดยเฉพาะลี่เฟย ยิ่งในเวลานี้ในใจนางทั้งร้อนใจทั้งโมโห ไท่จื่อกำลังจะดื่มเหล้าถ้วยนั้นลงไปแล้วแท้ๆ แต่จู่ๆนางกลับทำให้ต้องหยุดชะงัก
ทุกคนต่างถูกนางเบี่ยงเบนความสนใจไป แม้แต่เป่ยจื่อเฉินก็ยังต้องตกใจเล็กน้อย แล้วจึงหันหน้ามองไปทางนาง
จางยวี่โหร่วลุกขึ้นยืน ถือถ้วยเหล้าเดินเข้าไปหาฮ่องเต้ทูลว่า “ข้าน้อยจู่ๆเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กล่าวคำอวยพรเลยสักคำ รู้สึกตัวเองทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงอยากถือโอกาสนี้อวยพรให้ฝ่าบาทกับพระสนมเสียนเฟยครองรักกันมั่นคง มีองค์ชายน้อยหลายองค์มาให้พวกเรานะเพคะ”
ที่แท้ก็อย่างนี้เอง ความผูกพันธ์ระหว่างนางกับเสียนเฟยทุกคนต่างทราบกันดี แม้จะดูประจบไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร ถึงคนอื่นอยากประจบประแจงแบบนี้บ้างก็ทำไม่ได้
หลังจากจางยวี่โหร่วพูดจบแล้ว จึงหันหลังจะเดินกลับ ขณะที่กำลังเดินผ่านไท่จื่อ ทันใดนั้นก็ร้อง”ไอ้ย่ะ”ด้วยความตกใจ เพราะไปเหยียบโดนกระโปรงตัวเองเข้า”โดยไม่ตั้งใจ” จากนั้นตัวนางก็ล้มไปทางที่เป่ยจื่อเฉินยืนอยู่ ในจังหวะที่โดนตัวเขานั้น ก็เผลอไปปัดโดนถ้วยเหล้าบนโต๊ะโดยที่”ไม่ได้ตั้งใจ”อีก
จางยวี่โหร่วรีบลุกขึ้นยืนแสดงอาการตกใจและรู้สึกผิดอย่างมาก แล้วพูดขึ้นอย่างหวาดกลัวว่า “ขอโทษขอโทษเพคะ เป็นเพราะข้าไม่ระวังไปชนโดนไท่จื่อเข้า ขอไท่จื่อโปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย”
เป่ยจื่อเฉินเป็นคนใจอ่อนมาแต่ไหรแต่ จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ถ้าพูดขอโทษก็ถือว่าจบแล้ว
แต่ฉากนี้คนอื่นมองเห็นเป็นอีกอย่าง แค่เรื่องความสัมพันธ์ของนางกับองค์ชายสามและชิงผินอ๋องยังไม่กระจ่างก็ยุ่งพอแล้ว นี่คิดจะดึงเอาไท่จื่อมาเกี่ยวข้องอีกคนหรือ?
ดวงตาของหันยี่ฉีฉายแววแห่งความอันตราย มองเข้าไปในแววตาของจางยวี่โหร่วแล้วก็เห็นแต่ความเยือกเย็นซ่อนในดวงตา อย่านึกว่าเขาจะดูไม่ออก เมื่อกี้เห็นชัดเจนว่านางจงใจแกล้งล้มไปทางนั้น ผู้หญิงหลายใจอย่างนาง มีชู้คนเดียวยังไม่พอ นี่ยังจะเพิ่มชู้ให้เขาอีกคนหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
เรื่องนี้ยังไม่จบเลยค่ะ ทำไมสถานะเสร็จสิ้น ไม่อัพแล้วหรอ...