พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ นิยาย บท 43

ตอนที่43 มอบใจแก่เปิ่นหวังเถอะ

เมื่อครู่ที่เกิดเหตุการณ์แทรกขึ้นมา จางยวี่โหร่วกลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก

ตอนนี้นางกลับกังวลเล็กน้อยเรื่องบาดแผลของหันยี่ฉี นางรีบถวายพันแผลให้พระองค์ท่านในห้องทรงพระอักษร

บาดแผลสองแห่งลึกมาก ผิวหนังเปิดออกด้านนอก เลือดสดหยดติ๋ง มองไปปราดเดียวล้วนทำให้ผู้คนรู้สึกสะดุ้งโหยง

คิดถึงเมื่อสักพักกระบี่ด้ามนั้นกำลังมุ่งแทงมาที่นางเอง เขาไม่สนใจอันตรายกอดนางปกป้องไว้ในอ้อมอก ต้านกระบี่ด้วยมือเปล่า จากนั้นจึงได้บาดเจ็บกลายเป็นแบบนี้ เขาช่วยชีวิตนางไว้แล้ว นางควรจะซาบซึ้งใจยิ่งนัก

ดูนางยุ่งเพื่อเขาเอง วิ่งเข้าวิ่งออก ทั้งยกน้ำ ทั้งหายา ฉีกผ้าพันแผล ทุกสิ่งทุกอย่างทำอย่างชำนิชำนาญ ก็ได้พันแผลให้พระองค์ท่านเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็วแล้ว

เขาก้มศีรษะดูคราหนึ่ง ผ้าที่พันแผลไว้นั่นเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ความแน่นหลวมเหมาะเจาะพอดิบพอดี ดูเหมือนกับเรื่องนี้ได้ทำจนคล่องมือมาก ๆ ตั้งนานมาแล้ว กลับทำให้เขารู้สึกนอกเหนือความคาดหมายไปบ้าง

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าคุณหนูใหญ่ตระกูลจางที่ได้รับการถนอมเลี้ยงดูฟูมฟักแต่น้อยจนเติบใหญ่กลับจะทำสิ่งเหล่านี้เป็น ดูไปแล้วเปิ่นหวังได้อภิเษกสมรสพระชายาที่เป็นยอดนักปราชญ์ผู้มากด้วยความสามารถจริง ๆ เช่นนี้พระองค์หนึ่งแล้ว”

จางยวี่โหร่วอดไม่ได้ค้อนเขาไปขวับหนึ่ง “เจ้าไม่หัวเราะเยาะข้าจะตายหรือ?”

เป็นเพียงการพันแผลใส่ยาเท่านั้น ถึงกับทรงตรัสชมจนเกินเลยขนาดนั้น แต่ที่พระองค์ท่านทรงตรัสเช่นนี้ กลับช่วยคลี่คลายบรรเทาบรรยากาศอันตึงเครียดหนักมากเมื่อครู่ไปได้ไม่น้อย ในที่สุด เส้นประสาทของนางที่ขมวดตึงแน่นเมื่อครู่ก็ได้ผ่อนคลายลงมาแล้ว

“เห็นได้ชัดว่าเปิ่นหวังกำลังสรรเสริญชื่นชมพระชายาที่รักซึ่งทรงเอาพระทัยใส่อย่างชาญฉลาด ไหนเลยได้กลายเป็นหัวเราะเยาะไปได้น่ะ ช่างทำให้เราผู้เป็นพระสวามีน่าเศร้าจริง ๆ แต่ในเมื่อพระชายาที่รักเปี่ยมคุณธรรมมีความสามารถฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้ ถ้างั้นวันข้างหน้า เรื่องการพันแผลเปลี่ยนใส่ยาบาดแผลของเปิ่นหวังนี้ ก็มอบไว้ให้พระชายาที่รักทั้งหมดแล้ว”

“อาศัยอะไร?” จางยวี่โหร่วถามกลับอย่างไม่ได้ครุ่นคิด วันนี้นางมาครั้งนี้ แม้จะบอกว่ามีความต้องการจะขอให้เขาช่วย แต่ไม่ถึงกับลดตัวลงเป็นคนรับใช้ของเขาโดยตรงน่ะ

“อย่าลืมว่าเปิ่นหวังเพื่อช่วยพระชายาที่รักจึงได้รับบาดเจ็บ หรือว่าเจ้าไม่รู้สึกว่าควรรับผิดชอบสักนิดบ้างหรอกหรือ?”

แม้ว่าวาจาได้กล่าวเช่นนี้ไม่ผิด แต่ว่าจางยวี่โหร่วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปบ้างตั้งแต่ต้นจนจบ

“คนที่แทงทำร้ายพระองค์ท่านเป็นคนในพระตำหนักของพระองค์ท่านเอง เป็นพระองค์ท่านเองทรงสั่งสอนไม่เข้มงวดเกี่ยวอะไรกับหม่อมฉัน ต่อให้ต้องรับผิดชอบก็ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับหม่อมฉันน่ะ นอกจากนี้ พระองค์ท่านทรงเป็นชิงผินอ๋องแท้ ๆ ท่านอ๋องเทพแห่งสงครามมีชัยไปทุกแห่ง วิทยายุทธ์ย่อมยอดเยี่ยมเป็นธรรมดา ถ้าผู้หญิงเล็ก ๆคนหนึ่งยังสามารถแทงพระองค์ท่านบาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย ถ้างั้นพระองค์ท่านจะทรงนำทัพเหล่าทหารไปสู้รบศัตรูในสนามรบได้อย่างไรอ่า”

ใช่ ก็เป็นเช่นนี้ นางยังไม่ได้โง่งมขนาดนั้น คิดจะใช้ความรู้สึกสำนึกผิดและความใจอ่อนของนางก็ม้วนนางเข้าไป ไม่ง่ายดายปานนั้น

คิดอีกครั้ง เขาไม่ได้ตั้งใจให้ได้รับบาดเจ็บ นี่ไม่ใช่เป็นแผน “กลอุบายทำร้ายตนเอง” ของเขาน่ะ? แต่ดูเหมือนก็ไม่มีความจำเป็น ทำเช่นนี้ไม่ได้มีผลดีอะไรต่อเขาน่ะ?

นังหนูนี้ยังไม่ยอมเสียเปรียบแม้สักครึ่งจริง ๆ ผู้ชายอดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมา กล่าวเช่นนี้ กลับเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เปรียบอะไรจากนางอีกแล้ว?

ผิด! นางอย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงสุนัขจิ้งจอกน้อยที่เจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง แต่ว่าได้มาเจอเขาสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ นั่นก็ได้แต่ยอมจำนนแต่โดยดีเท่านั้น

“แค๊ก...” เขากุมหน้าอกไว้ ทำท่าเจ็บปวดออกมา แม้แต่ลมปราณในการเจรจาก็เริ่มสับสนไปหมดแล้ว

“พระองค์ท่าน...พระองค์ท่านเป็นอะไรไปแล้วเพค่ะ?” เมื่อครู่ยังดี ๆ อยู่มิใช่หรือ ทำไมจู่ ๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ ไม่ควรที่พระองค์ท่านทรงคิดเล่นตลกกับนางอีกน่ะ

ในเวลานี้ เขากลับไอเลือดออกมาคำโตหนึ่งคำทันที มือสั่นอย่างรุนแรง แม้แต่ถ้วยชาบนโต๊ะก็ถูกเขาผลักตกไปบนพื้นหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ

ราวกับไม่ใช่กำลังเล่นตลก จางยวี่โหร่วคิดถึงข่าวลือว่าร่างเขาป่วยด้วยโรคภัย ไม่ใช่ว่าพอดีทันกับเวลาที่โรคกำเริบขึ้นมาแล้วน่ะ

เขาจับมือนางไว้ทันที อุณหภูมิที่เยือกแข็งนั้นทำให้ใจนางสั่นสะท้านคราหนึ่ง

“เปิ่นหวังไม่ได้หลอกเจ้า เมื่อเช้านี้ขณะตื่นขึ้นมาก็รู้สึกร่างกายมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เดิมคิดจะโคจรลมปราณปรับลมหายใจดี ๆ สักพัก แต่ได้รู้ว่าเจ้ามานี่มีเรื่องเร่งด่วนขอเข้าพบ เย่นอิ่งทำการตามอำเภอใจมากไปแล้วจริง ๆ กลับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ เปิ่นหวังต้องลงโทษหล่อนให้สาหัสแน่นอน แล้วก็รับประกันว่าต้องไม่ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บอีก”

ถ้าหากกล่าวเช่นนี้ นางใช้ความนึกคิดของคนถ่อยมาวัดใจของวิญญูชนแล้วจริง ๆ เขาไม่สบายยังฝืนแข็งใจพบนาง ในช่วงเวลาที่อันตรายเช่นนั้นยังช่วยชีวิตนางแล้ว ตลอดที่ผ่านมาจางยวี่โหร่วเป็นคนที่มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ ในใจย่อมมีทัศนคติต่อเขาเปลี่ยนไปบ้างแล้ว แม้แต่ใจที่ระมัดระวังสุดโต่งดั้งเดิมนั้น ก็ได้ผ่อนคลายลงมาแล้ว

“ขอโทษ หม่อมฉันไม่รู้เรื่องเหล่านี้ พระวรกายของพระองค์ท่าน...ป่วยร้ายแรงมากเช่นนั้นจริงไหม? ถ้าไม่ตอนนี้หม่อมฉันก็ให้คนหาแพทย์มา?” นางรีบเร่งไปบ้างก็คิดจะวิ่งผ่านประตูออกไป เวลานี้มือของนางกลับถูกเขาลากเอาไว้

“ไม่ต้องแล้ว เจ้าไปที่ตู้ข้าง ๆ ในลิ้นชักใบที่สามเอายาของข้าออกมา ขอเพียงได้กินยาแล้ว เปิ่นหวังก็ไม่มีเรื่องแล้ว”

จางยวี่โหร่วไม่กล้ารอช้า รีบไปหายามาทันที

เมื่อครู่ที่นางทำแผลให้เขา นางยังมีทีท่าสบาย ๆ ไม่รีบร้อน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างยุ่งเหยิงวุ่นวายไปบ้าง ขณะหยิบยายังเผลอชนใส่หนังสือข้างบนตกไปบนพื้น

ในที่สุดก็หาพบยาตามที่พระองค์ท่านได้ทรงตรัสไว้แล้ว นางไปเทน้ำอีก ดูพระองค์ท่านทรงเสวยยาลงไปแล้วราวกับมีสภาพดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว ไม่เหมือนเมื่อครู่ที่ตัวสั่นสะท้านไปทั่วร่างแบบนั้นแล้ว เช่นนี้นางจึงวางใจลงได้

“โรคของพระองค์ท่าน รุนแรงมากสุดจริง ๆ หรือเพค่ะ?” นางถามอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าพระองค์ท่านจะทรงยินยอมเอ่ยถึงเรื่องนี้กับนางไหม

“ท่านอ๋องทรงมีวิทยายุทธ์เยี่ยมยอดชาญฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดในหนานหชู่ที่สามารถไร้ใจที่เคารพยกย่องต่อท่านอ๋องได้เลย ยวี่โหร่วก็ใช่ด้วยแล้วเป็นธรรมดา ดังนั้น...เอ้อ...” วาจาของนางยังไม่ได้พูดจบ ระหว่างเอวพลันถูกมือใหญ่มือหนึ่งรัดไว้แน่นอย่างแรง

“เจ้าควรรู้ว่าเปิ่นหวังไม่ชอบให้ผู้อื่นพูดจาวกวนไปมา ถ้าเจ้ายังคงวกวนต่อไป เมื่อครู่เรื่องที่เจ้าขอเปิ่นหวังช่วยเหลือ ก็ควรวกวนดี ๆ สักรอบแล้วซิน่ะ ใช่ไม่ใช่”

เมื่อจางยวี่โหร่วได้ฟังคราหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วทันที

“ไม่ได้ พระองค์ท่านเพิ่งรับปากหม่อมฉันไปเมื่อครู่ และเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทำไมพระองค์ท่านทรงสามารถ...”

“นั่นเป็นธุรกิจของเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเปิ่นหวัง ยิ่งกว่านี้ เปิ่นหวังก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาสามารถทำอะไรที่คุกคามเปิ่นหวังได้เลย ถ้าเจ้ามาขอในฐานะเป็นภรรยาของเปิ่นหวัง เปิ่นหวังก็จะทำให้เจ้าสมหวังเป็นธรรมดา แต่ถ้าไม่ใช่ เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะมาขอเปิ่นหวังในทำเรื่องอะไรทั้งสิ้น”

คิดถึงเมื่อสักพักพวกเขายังเจรจาพาทีกันอย่างดีด้วยความสงบใจน้ำเสียงราบรื่น ทำไมพลันกลายเป็นเช่นนี้ หรือว่าก็คือนางเพิ่งขบถน้ำพระทัยของพระองค์ท่านแล้ว ไม่ได้พูดในสิ่งที่เขาคิดจะได้ยินเท่านั้น

เรื่องนี้พัวพันสำคัญยิ่งใหญ่มาก แต่มิอาจล้อเล่นเด็ดขาดอ่า

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ใช่ได้อภิเษกสมรสกันอย่างเป็นทางการแล้ว กลายเป็นพระสวามีศรีภริยากันแล้วหรือ? ...พระองค์ท่านก็ทรงรับปากให้เวลาหม่อมฉันค่อย ๆ บ่มเพาะฝึกฝนเพค่ะ”

ตอนนี้เกี่ยวพันถึงเรื่องเป็นทางการ จางยวี่โหร่วไม่กล้าผลีผลามเหมือนเมื่อครู่ นางกังวลจริง ๆ ทำไม่ดีก็จะเปิดโอกาสให้เป่ยจื่อห้าวได้กลับลำขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อประสบการณ์ชีวิตในภพก่อนก็ส่งผลด้านลบต่อนางหนักหน่วงลึกซึ้งมากเกินไป นางห่วงมากว่านางเองมิอาจเขียนเปลี่ยนประวัติศาสตร์แล้ว

“เปิ่นหวังได้รับปากกับเจ้าไว้ แต่เจ้าก็ควรรู้ว่าเปิ่นหวังไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้น ถ้าเจ้าคิดใช้ความรู้สึกหลอกลวงเสแสร้งมาหลอกเปิ่นหวัง ก็ควรพิจารณาผลบั้นปลายของการทำเช่นนี้”

โดยสรุปในวาจาแล้วก็คือ นางอย่าได้เล่นลูกไม้เล่ห์กลใด ๆ ต่อหน้าเขา มิฉะนั้นผลบั้นปลายที่ได้ไม่ใช่สิ่งที่นางรับไหว

จางยวี่โหร่วชูนิ้วมือขึ้นอย่างตึงเปรี๊ยะ เพราะตื่นเต้น ร่างของนางทั้งตัวกำลังสั่นเทิ้มเล็กน้อย

“ท่านอ๋อง ตั้งแต่วันแรกที่พระองค์ท่านทรงรู้จักหม่อมฉัน ก็ควรรู้ว่าใจของหม่อมฉันได้ตายไปแล้ว ลองถามว่าคนที่ใจตายไปแล้วจะฟื้นชีวิตกลับเป็นขึ้นได้ยังไง สิ่งที่ท่านอ๋องทรงขอ ที่เป็นหม่อมฉันในเวลานี้ให้ไม่ได้เพค่ะ”

“งั้นหรือ? ถ้าหากกล่าวว่า เปิ่นหวังสามารถทำให้ใจของเจ้ากลับมามีชีวิตอีกครั้งล่ะ? เปิ่นหวังให้คนที่เจ้าเกลียดชังเคียดแค้นต้องชดใช้ราคาเป็นสิบเท่าร้อยเท่าน่าสังเวชยิ่งกว่าตาย เช่นนี้ปมในใจของเจ้าก็สามารถคลายวางลงได้ หลังจากนั้นก็มอบใจของเจ้าอย่างยินยอมทั้งปากและใจแก่เปิ่นหวังได้?”

จางยวี่โหร่วมองเขาอย่างไม่น่าเชื่อถือบ้าง แววตาของเขาสาดส่องประกายเปิดเผยกับนางว่า เขาทรงตรัสวาจาเหล่านี้อย่างจริงจัง เขาคิดจะช่วยนางแก้แค้น?

นางอึ้งไปเล็กน้อย ก้มศีรษะลงดับประกายอันซับซ้อนในสายตาไปสิ้น มองไปที่เขาอีกครั้ง สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นที่แข็งแกร่ง “ถ้าหากมีวันเช่นนั้นจริง ๆ ต่อให้ท่านอ๋องไม่เอ่ยพระโอษฐ์ทรงตรัส ข้าต้องมอบถวายสิ่งที่ท่านอ๋องทรงตริตรองต้องการทุกสิ่งเองเพค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ