พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ นิยาย บท 45

ตอนที่45 แผนซ้อนแผน

“หลันเชียง...” จางยวี่โหร่วพึมพำท่องชื่อนี้เบา ๆ อีกครั้ง หลังจากนั้นกล่าวว่า “หม่อมฉันจำได้ว่านางอยู่ข้างพระกายท่านมานานมากแล้วเพคะ”

ผู้คนในพระตำหนักเสียนเฟยมีสิบกว่าคนเท่านั้น จางยวี่โหร่วมักจะมาบ่อย ๆ จึงคุ้นเคยกับพวกเขาทั้งหมดแล้ว ดังนั้นก็รู้ได้เป็นธรรมดา

“ใช่ นางได้รับเลือกให้เป็นนางกำนัลอยู่ปรนนิบัติรับใช้ในพระตำหนักของข้าตั้งแต่ข้าเข้าพระราชวังมาแล้ว อยู่ข้างพระกายข้ามาตลอด เอาจริงเอาจังละเอียดอ่อนรอบคอบมาก” เสียนเฟยชมเชยหลันเชียงรอบหนึ่ง หลังจากนั้นทรงถามอย่างแปลกพระทัย “จู่ ๆ เจ้าถามนางทำไม?”

“พี่เสียนเฟย ถ้าท่านเองซ่อนสุนัขป่าในคราบแกะตัวหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างไร้ขีดจำกัดในภายหลังจริง ๆ ขนาดคนในพระราชวังที่ได้ติดตามท่านมาหลายปีขนาดนั้นยังสามารถก่อเรื่องกบฏออกมาได้ เช่นนั้นแล้วยังมีใครที่มีคุณค่าให้น่าเชื่อถืออย่างแท้จริงได้อีกเล่า?”

ด้วยสติปัญญาของเสียนเฟย ต้องสามารถฟังออกเข้าใจถึงความหมายนอกเหนือวาจาที่นางได้กล่าว

“ความหมายของท่านคือ...หลันเซียงได้กบฏต่อเปิ่นกงแล้ว?”

นางตั้งใจเข้าพระราชวังเป็นพิเศษแสดงว่ามีเรื่องจะบอกนางอย่างชัดเจน ทั้งยังเตรียมทางถอยทั้งซ้ายขวา ยังได้ถามเรื่องของหลันเซียงอย่างเจตนา เช่นนั้นก็มีเพียงแสดงให้เห็นจุดนี้อย่างแน่ชัดแล้ว

“หรือว่าท่านไม่ได้สังเกตเห็นสักนิดมาก่อนหรอกหรือ? ก็ใช่ นางติดตามอยู่กับท่านมานานหลายปีขนาดนั้น ถ้าสามารถรู้ได้ก็น่าจะรู้นานมาแล้ว หรือว่านางไม่อาจทำตามใจตนเอง แต่กบฏก็คือกบฏ เหตุผลการอธิบายใด ๆ ล้วนสูญเปล่า นางทำการเพื่อลี่เฟย คิดหยิบยืมใช้นามเลี้ยงฉลองวันครบรอบพระชนม์พรรษาของท่านพี่วางยาพิษองค์รัชทายาทใส่ร้ายท่าน ถ้าประสบผลสำเร็จเมื่อไร ถ้าเช่นนั้นถึงเวลานั้นท่านพี่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ใด เพียงอาศัยจุดนี้ นางก็สมควรตาย!”

จางยวี่โหร่วไม่ได้เป็นคนใจโลเลไม่มีความเด็ดขาดคนนั้นเมื่อก่อนแล้ว นางจะไม่ปรานีมือไม้อ่อนต่อศัตรูอย่างเด็ดขาด

“เจ้าว่าอะไร?” ครั้งนี้เสียนเฟยยิ่งตื่นตระหนกไร้ที่เปรียบปาน “วันนั้นเจ้าจงใจชนเข้าใส่อ้อมอกขององค์รัชทายาท ตอนนั้นเปิ่นกงยังรู้สึกแปลก ๆ บ้าง เป็นเจ้ารู้ว่าในสุรามีพิษดังนั้นจึงได้ตั้งใจทำการหรือ?”

หลังจากได้เห็นจางยวี่โหร่วพยักหน้า นางรู้สึกยากที่จะรับได้ยิ่งนัก

ตั้งแต่เสียนเฟยรู้ว่าตนต้องทรงพำนักในพระราชวัง ก็ทรงถ่อมตนจริงจังมาตลอด ไม่เคยมีข้อพิพาทบาดหมางกับผู้คน

และนางมีพระธิดาเพียงองค์เดียวเท่านั้น ยิ่งไม่ก่อให้เกิดการคุกคามใด ๆในเรื่องแย่งชิงพระราชบัลลังก์ แต่ไม่คิดว่านางไร้การแย่งชิงกับโลกเช่นนี้ กลับยังสามารถกลายเป็นหนามในสายตาของผู้อื่น ที่มีใจคิดใคร่ครวญสั่งสมจะทำร้ายนางได้

ตอนนี้เมื่อนางได้คิดวิธีนี้ออกทันที ก็รู้สึกทั่วร่างกายเยือกเย็นขึ้นมา ยิ่งมิอาจจินตนาการได้ว่าลี่เฟยที่นางให้ความเคารพยำเกรงดุจพี่สาวมาตลอดกลับอำมหิตเช่นนี้

“มิน่าวันนั้นในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่พระราชวัง นางเอ่ยถึงเรื่องการหมักสุราดอกหอมหมื่นลี้มาตลอด เป็นเพราะนางได้เตรียมการแต่เนิ่น ๆไว้แล้ว ในเหตุการณ์แผนการอำมหิตนี้คิดจะยืมมือเปิ่นกงกำจัดองค์รัชทายาท แล้วให้ร้ายเปิ่นกง โหร่วเอ้อร์ เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แล้วดูออกว่าหลันเซียงกับลี่เฟยสมรู้ร่วมคิดกันได้อย่างไร?”

เรื่องนี้...นางไม่สามารถพูดได้ว่าเพราะเคยประสบสิ่งเหล่านี้ไปแล้วในภพก่อน ดังนั้นจึงได้สามารถคาดการณ์รู้ล่วงหน้า

“เพราะหม่อมฉันได้สงสัยลี่เฟยกับองค์ชายสามมานานแล้ว ดังนั้นจึงได้สอดแนมพวกเขาอย่างลับ ๆ มาตลอด”

เสียนเฟยคิดพลาง บางทีอาจจะผ่านการคาดเดาดังนั้นจึงได้ผลออกมา ก็ไม่ได้ซักถามรายละเอียดต่อไป

“แต่ว่าตอนนั้นสุราหมักดอกหอมหมื่นลี้ทั้งหมดก็ถูกเทออกมาจากห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง แล้วจากนั้นก็แบ่งใส่ป้านสุรา หลันเซียงไม่เพียงแต่เคยรินสุราให้องค์รัชทายาท แต่ยังมีรินคนอื่นอีก ถ้างั้นทำไมพวกเขาดื่มสุราแล้วล้วนไร้เรื่องราว นี่เป็นเพราะอะไรหรือ?”

จางยวี่โหร่วรู้ว่านางต้องตั้งคำถามนี้แน่นอน ดังนั้นนางส่งสายตาไปครา เสี่ยวฟงก็รีบยกสุราป้านหนึ่งขึ้นมาทันที

“นี่เป็นหม่อมฉันสั่งให้เสี่ยวฟงยกกลับมา ก็คือป้านที่หลันเซียงใช้ในการรินสุราถวายองค์รัชทายาทในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่พระราชวัง ท่านพี่โปรดเปิดดูก็จะทราบแล้วเพคะ”

ป้านสุราหนึ่งป้านจะสามารถแอบซ่อนกลไกอะไรไว้น่ะ? เสียนเฟยรับมาดูคราหนึ่ง สีพระพักตร์เปลี่ยนไปอย่างมาก เห็นได้ชัดว่านางทรงเข้าใจแล้ว

“นี่เรียกว่ากาหยินหยาง ที่ในมือจับมีกลไก เวลารินสุราขอเพียงกดกลไกคราหนึ่งก็สามารถควบคุมได้ว่าแท้จริงสุราที่เทรินออกมาเป็นสุราพิษหรือไม่ ดูไปแล้วลี่เฟยมีใจสั่งสมทำการจริง ๆ กลับกระทั่งสามารถใช้เล่ห์กลไม้นี้ออกมาได้ทั้งหมด

บางทีอาจเป็นเพราะแผนการของพวกเขาล้มเหลวและไม่ได้ทำให้ผู้คนเป็นอันตราย ในที่สุดโกรธจนจากไปอย่างเร่งด่วน หลันเซียงรีบมากจนไม่ทันได้ไปเก็บป้านสุรา จึงถูกเสี่ยวฟงชิงหยิบไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว

ตอนนี้เสียนเฟยยังไม่มีความสงสัยในเรื่องนี้สักนิด เพียงแต่นางโกรธสุด ๆ จริง ๆ

แม้ว่าจะชินตากับสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงในพระราชวัง แต่กลับไม่คิดว่าจะมีเรื่องที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ เมื่อถึงเวลานางต้องตกอยู่ในสภาพเป็นอาชญากรปองร้ายองค์รัชทายาทต้องถูกประหารทั้งตระกูล

ถ้าไม่ใช่จางยวี่โหร่วได้พบก่อนแต่เนิ่น ๆ ลอบช่วยให้นางพ้นจากภาวะวิกฤติ มิฉะนั้นผลบั้นปลายแทบมิอาจจินตนาการได้

จางยวี่โหร่วเพียงก้มศีรษะลงยิ้ม ๆ ทุกคนล้วนบอกว่านางเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้นางก็ไม่รู้สึกมีอะไรที่น่าแปลกประหลาดตกใจแล้ว

“พี่นาง เรื่องนี้ท่านอย่าได้บอกกับใครผู้อื่น แม้แต่พระเชษฐนีสองของหม่อมฉันก็อย่าได้พูด มิให้พวกเขาเป็นกังวลเพราะเรื่องนี้ เราต้องยอมอดทน ค่อย ๆ ตรวจสอบเรื่องนี้ ยังมีด้านองค์ชายสามนั้นหม่อมฉันก็จะจับจ้องไว้ ส่วนด้านพระราชวังที่นั่น ก็ต้องรบกวนพี่นางท่านแล้วเพค่ะ”

เสียนเฟยทราบถึงความรุนแรงของเหตุการณ์นี้แน่นอน รีบพยักหน้าตกลงทันที

แต่แล้ว...ทำไมนางรู้สึกว่าตอนนี้ในใจโหร่วเอ้อร์ดูเหมือนได้ซ่อนหลายอย่างไว้ ที่แท้เป็นเพราะอะไรทำให้นางเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นนี้น่ะ?

“โหร่วเอ้อร์ เปิ่นกงรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างแปลก ๆ ในใจสงสัยตลอดเวลา เจ้าสามารถช่วยอธิบายให้เปิ่นกงสักคราไหม?”

จางยวี่โหร่วพยักหน้า นางคาดเดาได้เป็นส่วนใหญ่ว่าสิ่งที่พี่นางต้องการจะถามปัญหาใดแล้ว

“ก่อนหน้านี้เจ้าได้กำลังรักชอบกับองค์ชายสาม มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับลี่เฟย สิ่งเหล่านี้เปิ่นกงล้วนดูอยู่ในสายตาทั้งสิ้น แต่หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเกี้ยวผิดคันสมรสผิดคู่ขึ้นแล้ว จู่ ๆ เจ้าทำไมจึงเปลี่ยนไปแล้ว? ที่แท้ถ้าหากเจ้าเพียงคิดจะอยู่ร่วมกับองค์ชายสามต่อไปเท่านั้น ถ้างั้นชิงผินอ๋อง ก็จะไม่แข็งขืนฝืนใจเจ้าแต่อย่างใด ตระกูลจางก็จะไม่ให้เจ้ารับความอยุติธรรมเด็ดขาด แต่ชิงผินอ๋องยังได้พัวพันเข้ามาในเรื่องนี้ นี่ควรเป็นความหมายของเจ้าน่ะซิ?”

แน่นอนเสียนเฟยเข้าใจนางแล้ว นางก็ได้กล่าวเช่นนี้แล้ว จางยวี่โหร่วก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก จึงพยักหน้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมา

ภายหลังนางยังต้องการความช่วยเหลือจากเสียนเฟย ให้นางได้รับทราบเรื่องบางอย่างก็ดี ไม่เพียงสามารถประกันความปลอดภัยของตัวเอง ยังสามารถใช้สภาพสถานะของพี่นางในพระราชวังช่วยให้นางได้รับข้อมูล

“แท้จริงเป็นเช่นนี้ แต่เปิ่นกงไม่เข้าใจว่านี่เป็นเพื่ออะไร หรือว่าเจ้าไม่รักองค์ชายสามแล้วหรือ? ถ้างั้นทำไมก่อนหน้านี้ เจ้าจึงได้ยืนยันที่จะอภิเษกสมรสกับพระองค์อีกน่ะหรือ?”

นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนครุ่นคิดแต่มิอาจคลี่คลายอธิบายได้ ถ้าหากกล่าวว่าเปลี่ยนไป ก็เร็วเกินไปบ้างแล้วน่ะ? ก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยได้ยินว่านางมีข้อขัดแย้งอันใดกับองค์ชายสามอ่า

สีหน้าจางยวี่โหร่วดูค่อนข้างซับซ้อนบ้าง มีบางเรื่องที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการหรือเข้าใจได้ ไม่ใช่ว่านางไม่ยินดีพูด แต่กล่าวออกมาแล้วก็ไม่มีใครเชื่อ

“ก่อนนี้ หม่อมฉันถูกปิดตาทั้งคู่ไว้แล้ว ไม่รู้ว่าสามัญสำนึกคือสิ่งไรทั้งสิ้น แต่เมื่อในที่สุดเวลาที่หม่อมฉันได้เห็นชัดทุกอย่าง มีบางอย่างที่มิอาจกลับไปสู่อดีตได้แล้ว ดังนั้นหม่อมฉันก็ได้แต่เพียงต้องพยายามไปเปลี่ยนแปลงทำทุกอย่าง หวังว่ายังสามารถทันการได้เพค่ะ”นางกล่าววาจาเหล่านี้ออกมาอย่างเฉยเมย แต่ในสายตาของนางเสียนเฟยกลับมองเห็นกระแสที่มองทุกสิ่งทะลุปรุโปร่งเย็นชาเล็กน้อยออกมาได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ