พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ นิยาย บท 50

ตอนที่ 50 ต่ำช้าไร้ยางอาย

วันนี้พระตำหนักไท่ซือ ยังคงคึกคักมากเหมือนเดิม

จางยวี่โหร่วตื่นแต่เช้า เสี่ยวเฟิงก็เข้ามารายงานต่อเนื่องสองสามครั้ง รายงานมาหลายชื่อ นางไม่ทราบจริง ๆ ว่า ตนเองกลับเป็นที่นิยมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

แต่เมื่อนางได้ยินทันทีว่าหลิงจือมาเยี่ยมนาง พลันรู้สึกจิตใจดีขึ้นมาก จึงได้ลุกขึ้นมาให้เสี่ยวเฟิงแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าหวีเผ้าผม มิเช่นนั้นนางต้องโอ้เอ้อีกสักพักใหญ่แน่นอน ให้สองคนนั้นรอต่อไป

เวลานี้เป่ยจื่อห้าวและจ้าวซินซิน ยังมีหลิงจือต่างนั่งอยู่ในห้องโถงด้านนอกรอจางยวี่โหร่วออกมา

ตั้งแต่เข้าประตูมา สายตาของเป่ยจื่อห้าวก็ไม่ได้ละไปจากร่างของหลิงจือเลย

ถึงแม้ว่าหลิงจือสวยงาม แต่สาวงามที่เป่ยจื่อห้าวเคยพบก็มีไม่น้อย ถ้ามุ่งเน้นเฉพาะสีสันสะดุดตาก็ไม่น่าที่จะพุ่งเป้าสายตาไปยังร่างของนางแน่ ๆ

แต่เมื่อคิดถึงวันนั้นในงานเลี้ยงฉลองที่พระราชวัง ท่วงท่าการฟ้อนรำที่สวยงามยอดเยี่ยม ยังมีฝีมือการวาดภาพที่สูงส่ง หลอมรวมความงามของการฟ้อนรำและการวาดภาพเข้าเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ทุกคนมิอาจละสายตาไปจากร่างของนางได้

ดังที่กล่าวไว้ ด้านหนึ่งเป็นรูปโฉม แต่อารมณ์บุคลิกภาพส่วนตัวและการบ่มเพาะอบรมเลี้ยงดูก็เป็นสิ่งสำคัญมาก เฉกเช่นจ้าวซินซินปานนี้ก็เป็นเพียงกระเป๋าหนังที่ว่างเปล่าเท่านั้นแล้ว อารมณ์บุคลิกภาพสองคำนี้แตกต่างห่างไกลกันจากหล่อนมาก ถ้าไม่ได้ดูที่หล่อนยังมีแผนในใจเล็กน้อยขนาดนั้นในส่วนนั้น เป่ยจื่อห้าวก็ไม่สนใจหล่อนอย่างสิ้นเชิง

คาดว่าหลิงจือได้พบเห็นแล้วว่าสายตาของเป่ยจื่อห้าวจับจ้องอยู่บนร่างของนาง แววตาที่เร่าร้อนแบบนั้นจับจ้องจนนางไม่สบายมาก และรู้สึกว่าหยาบคาย แต่เมื่อคิดว่าเขาเป็นองค์ชายสามแท้ ๆ ดังนั้นนางไม่สามารถพูดอะไรได้

จำได้ว่าตอนแรกที่นางตัดสินใจแลกเปลี่ยนเกี้ยวกับจางยวี่โหร่ว เพียงเพื่อหลุดพ้นจากชะตาชีวิตที่ต้องอภิเษกสมรสเข้าสู่พระตำหนักชิงผินอ๋องเท่านั้น นางมิกล้าคิดฟุ้งซ่านหวังอะไรจากองค์ชายสาม

แต่เมื่อหลังจากที่เขาค้นพบเรื่องความผิดพลาดของเจ้าสาวในงานอภิเษกสมรสแล้ว สายตาที่มองดูนางแฝงความชั่วร้ายรังเกียจจงเกลียดจงชังอย่างลึกซึ้ง ทำอย่างไรนางล้วนมิอาจลืมเลือนอากัปกิริยาของเขาในตอนนั้นได้ทั้งสิ้น แม้ว่าสภาพสถานะของเขาจะสูงส่งมากขึ้นอีก เค้าหน้าลักษณะบุคลิกภาพดีขึ้นอีก หลิงจือก็มิสามารถมีใจหวั่นไหวต่อเขาอย่างเด็ดขาด

แต่เป่ยจื่อห้าวเองกลับต้องการเข้ามาร่วมวงให้ได้แต่ท่าเดียว

“ช่างบังเอิญจริง วันนี้เปิ่นหวางมาเยี่ยมโหร่วเอ้อร์ ได้พบแม่นางหลิงเข้าพอดี นี่นับว่าเป็นโชควาสนาจริง ๆ”

รอยยิ้มของหลิงจือทั้งห่างเหินและสุภาพ “ใช่ ข้าก็ไม่เคยคิดว่ายังจะได้พบองค์ชายสามและแม่นางจ้าว ช่างบังเอิญจริง ๆ นะ”

นางได้นำจ้าวซินซินเข้ามาอย่างแยบยลยิ่งนัก

นางได้รู้จากจางยวี่โหร่ว ว่าจ้าวซินซินก็จะอภิเษกสมรสเข้าพระตำหนักองค์ชายสามอย่างรวดเร็ว พลันในใจนางก็รู้สึกเหยียดหยามมาก

นางไม่ใช่เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาวกับจางยวี่โหร่วหรอกหรือ ตอนนี้ทำไมยังแย่งชิงคนรักกับพี่น้องที่ดีของตนเองได้ ช่างไร้ยางอายสิ้นดีจริง ๆ

ตอนนี้คาดว่านางเข้าใจแล้วว่าทำไมจางยวี่โหร่วจึงได้ยอมแลกเปลี่ยนเกี้ยวกับนางในวันนั้น และก็ไม่ยินยอมอภิเษกสมรสเข้าพระตำหนักองค์ชายสาม ก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่า ฐานะองค์ชายสามสูงส่ง เปี่ยมด้วยความสามารถ ไม่เข้าใจการกระทำของนางทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว...หลายเรื่องไม่ได้ดูง่ายดายเหมือนที่ได้เห็นจากการแสดงออกภายนอกของนางเช่นนั้นอ่า

เป่ยจื่อห้าวไม่สนใจปัญหาที่นางเอ่ยจ้าวซินซินขึ้นมา แต่ยิ่งมองดูนางตรงไปตรงมามากขึ้น แววตาเพิ่มแววหยาดเยิ้มกระแสหนึ่งมากขึ้น

“คุณหนูหลิง ขณะอภิเษกสมรสครั้งใหญ่ให้เจ้าได้รับความลำบากแล้ว เปิ่นหวางรู้ว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ทุกอย่างเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น ภายหลังเปิ่นหวางได้ยินว่าเพราะเหตุนี้เจ้าได้รับคำติฉินนินทาซุบซิบต่าง ๆ นานา มาแล้วไม่น้อย และก็เหตุนี้ชื่อเสียงถูกทำลายแล้ว จากนั้นเปิ่นหวางได้รู้แล้ว ในใจก็รู้สึกผิด ทำให้เจ้ารับความไม่เป็นธรรมแล้วจริง ๆ”

แต่หลิงจือยังจดจำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยโกรธแค้นของเขาในวันนั้นได้อย่างแม่นยำ ยังคงซักถามนางอย่างสงสัยตลอดว่าทุกสิ่งนี้เป็นนางทำบ้าทำบอใช่หรือไม่ ในเวลานั้นทำไมไม่เห็นเขามีเหตุมีผลชัดเจนเช่นนี้น่ะ?

นางยิ้มเบา ๆ คราหนึ่ง หลังจากนั้นกล่าวว่า “ขอบพระทัยองค์ชายสามที่ทรงห่วงใย มีเพียงกล่าวว่าโชคชะตาเล่นตลกแล้ว ทุกอย่างก็ได้ผ่านไปแล้ว แต่หม่อมฉันมีความโชคดีในความโชคร้าย ได้รู้จักจางยวี่โหร่วพี่น้องที่ดีเช่นนี้คนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่เสียใจแล้ว เอ่ยขึ้นมา หม่อมฉันและพี่ยวี่โหร่วจึงมีวาสนากันจริง ๆเพคะ”

เป่ยจื่อห้าวเห็นนางก็ไม่ได้ใส่ใจกับเขาอย่างสิ้นเชิง ทันใดก็ไม่เต็มใจที่จะหลอกล่อทีละก้าวอีกต่อไป

“คนที่เปิ่นหวางต้องการอภิเษกสมรสเป็นโหร่วเอ้อร์ไม่ผิด แต่ไม่คิดว่าเพราะเกิดเหตุที่คาดไม่ถึง ได้นำคุณหนูหลิงพัวพันเข้ามาในเรื่องนี้ เปิ่นหวางและโหร่วเอ้อร์รักกันอย่างจริงใจ จนใจที่มีคนมาขวางลำอีกทั้งยังเริ่มก่อเหตุวุ่นวายจนในที่สุดละทิ้งไป เดิมคุณหนูหลิงเป็นฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้อภิเษกสมรสเข้าสู่พระตำหนักชิงผินอ๋อง แต่กลับผิดพลาดโดยบังเอิญเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเปิ่นหวางได้เป็นสามีภรรยา ตอนนี้ชื่อเสียงคุณหนูหลิงถูกทำลาย วันข้างหน้าเกรงว่ายากที่จะตกแต่งผู้คนได้อีกแล้ว เปิ่นหวางก็มีความรับผิดชอบอย่างแน่นอนต่อเรื่องนี้ ดังนั้นเปิ่นหวางยินดีที่จะรับผิดชอบในส่วนของตน”

ความหมายในคำพูดของเขาได้บ่งบอกชัดเจนแล้ว

เริ่มแรกนั้นไม่ใช่หลิงจือทั้งร้องทั้งตะโกนไม่ต้องการกลับสู่พระตำหนักชิงผินอ๋อง ยังบอกว่าในเมื่อได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเขาจนเป็นสามีภรรยานั่นก็คือเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ถ้าเขาไม่ต้องการนาง นางยอมที่จะไม่แต่งงานไปชั่วชีวิต สันโดษคนเดียวจนเฒ่าชรา นี่เป็นสิ่งที่นางเองกล่าวไว้ตั้งแต่แรก

ในเมื่อนางคิดจะอภิเษกสมรสกับเขาเช่นนี้ เช่นนั้นเขาก็อาจจะใจดีพอที่จะช่วยให้ความปรารถนาของนางสำเร็จ

เมื่อถึงเวลานั้นพระองค์ก็ทรงอภิเษกสมรสจางยวี่โหร่วคนนี้เป็นพระชายา แล้วอภิเษกสมรสหลิงจือเป็นพระสนมรอง ยังมีจ้าวซินซินเป็นนางบำเรอ

พวกนางไม่ใช่รู้สึกดีต่อกันหรือ งั้นก็พอดีเลย พี่น้องสามคนรับใช้เขาพร้อมกัน นั่นต้องเป็นเรื่องแรกที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า

จ้าวซินซินที่อยู่ด้านข้างฟังไปครึ่งวัน ในที่สุดจึงฟังเข้าใจว่าเป่ยจื่อห้าวหมายถึงอะไร

พระองค์ องค์ชายสาม...เขากลับหมายปองหลิงจือเข้าอีก ตอนนี้ยังแสดงออกถึงความคิดที่หมายจะอภิเษกสมรสกับนาง พระองค์ทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

นางมองไปยังจ้าวซินซิน พบว่ามีประกายของแผนการชั่วร้ายบรรลุผลกระแสหนึ่งแวบผ่านในสายตานาง ทันใดนางโกรธเดือดดาลจนตัวสั่นเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนี้ใช่ไม่ใช่เป็นตะเกียงที่ขาดน้ำมันจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะสะกิดความขัดแย้งขึ้นมาชัด ๆ

“หม่อมฉันฐานะต่ำต้อย ชื่อเสียงได้ถูกทำลายไปแล้ว เพียงต้องการที่จะอยู่คนเดียวในส่วนที่เหลือของชีวิต ไม่คิดจะเกาะยึดองค์ชายสองเด็ดขาด”

จ้าวซินซินกล่าวต่อไปอย่างไม่ยอมปล่อยว่า “ใช่หรือ? เจ้ากล้าสาบานไม่มีใจเผื่อให้องค์ชายสองสักนิด? ถ้าเจ้าผิดคำพูดในวันข้างหน้าแล้วจะทำอย่างไร?”

เป่ยจื่อห้าวก็มีลักษณะสีหน้าที่รอคอยนางสาบานด้วย บรรยากาศทั้งห้องก็เริ่มเย็นลงมาทันที

ภายใต้แขนเสื้อ นิ้วมือเรียวบางนั้นได้กระชับเข้าไว้ด้วยกัน เอ็นเขียวหลังมือโปนออกมา ร่างของนางถึงกับยังกำลังสั่นเล็กน้อย

“ข้า...ข้าสาบาน...” วาจาของนางเพิ่งกล่าวออกจากปาก เวลานี้ก็มีเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงหนึ่งดังมาจากประตู

“โอ้ ข้าก็แค่มาสายไปนิด ที่นี่ก็คึกคักแบบนี้ พวกเจ้ากำลังพูดคุยอะไรกันน่ะ?”

เป็นจางยวี่โหร่ว! นางมาที่นี่แล้วในเวลานี้!

ในใจจ้าวซินซินไม่พอใจมากอย่างเห็นได้ชัด ถ้านางสามารถมาช้าลงเล็กน้อย รอจนหลิงจือสาบานเสร็จก็ดีแล้ว แต่ตอนนี้...ก็ได้ถูกนางทำลายไปแล้ว

แต่หลิงจือกลับถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย

แววตาจางยวี่โหร่วกวาดผ่านใบหน้าของพวกเขาไปปราดเดียว ไม่ปล่อยปละละเลยสีหน้าการแสดงออกของผู้ใดไปเลย

จริง ๆ นางได้มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อครู่อยู่นอกประตูฟังพวกเขาสนทนาคุยกันไม่ได้เข้ามาเท่านั้น

นางดีใจที่ตนไม่ได้ส่งเสียงออกไปรบกวนจริง ๆ มิเช่นนั้นไยมิใช่พลาดละครตอนที่ยอดเยี่ยมตอนหนึ่งไปแล้ว

เป่ยจื่อห้าวคนนี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง กลับยังคิดครอบครองทรัพย์สินสิ่งที่เป็นของหลิงจือเป็นของตนเอง ยังปั้นท่าทีหยาบคายร่วมกับจ้าวซินซินขนาบโจมตีทั้งสองด้านพร้อมกัน หลิงจือที่น่าสงสาร ไหนเลยจะรับมือกับแผนชั่วร้ายของพวกเขาไหว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ