ตอนที่61 กระตุ้นความอาฆาต
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้น สาวใช้เหล่านั้นก็พากันตกใจกระจายตัวไปอีกฝั่ง ไม่กล้าจับตัวจางอวี่โหร่วเอาไว้อีกต่อไป
เดิมทีจางอวี่โหร่วก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะพยุงตัวอีกต่อไปแล้ว เธอจึงทรุดตัวล้มลงในทันที
“โหร่วเอ๋อร์!” ในตอนนั้นหันยี่ฉีรีบพุ่งตัวเข้าไปรับร่างของเธอเอาไว้ หลังจากนั้นก็โอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
เมื่อเห็นรอยนิ้วมือที่บวมแดงบนใบหน้าของเธอ รวมทั้งยังมีรอยเลือดที่มุมปาก ก็ทำให้รู้ได้ชัดว่าเธอถูกทำร้ายจนบาดเจ็บไปไม่น้อย ภายในสายตาของเขาประกายความมุ่งร้ายออกมาในทันที
กล้าแตะต้องคนของเขา สมควรตายจริงๆ!
เป่ยจื่อหัวเองก็เดินเข้ามา หลังจากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความกังวลใจ : “น้องโหร่วเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง?”
จางอวี่โหร่วถูกตบตีจนใบหน้าบวมแดง เธอรู้สึกเจ็บปวดแสบร้อน ภายในหัวก็เต็มไปด้วยเสียงหึ่งรบกวน ดูเหมือนว่าอาการของเธอในตอนนี้จะไม่สู้ดีนัก
เมื่อสักครู่เธอยังพอมีแรงดึงดันกับเฉินซูเสียน แต่ในตอนนี้เมื่อเส้นประสาทที่ยึดตึงเกิดผ่อนคลายขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างนั้นไร้เรี่ยวแรง จากนั้นภาพตรงหน้าก็มึนมัวไป
เสี่ยวเฟิงพูดออกมาพร้อมน้ำตาอยู่ข้างๆ : “คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่? อย่าทำให้เสี่ยวเฟิงตกใจสิ!”
“ข้า......ข้าไม่เป็นอันใด” จางอวี่โหร่วพยายามที่จะเผยรอยยิ้มออกมา หลังจากนั้นเธอก็เป็นลมไปในที่สุด
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าสาวใช้ต่างก็ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด หรือแม้แต่เฉินซูเสียนก็ยังปรากฏสีหน้าตื่นตกใจออกมา
เธอเพียงแค่สั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ทำไมถึงเป็นลมสลบไปได้?
เจ้าคนชั่วสมควรตายนี่จะต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นลมเพื่อเรียกร้องความเห็นใจเป็นแน่
เป่ยจื่อหัวมองไปยังเฉินซูเสียนด้วยความโมโหอย่างเห็นได้ชัด : “คุณหนูเฉิน ข้าเคยได้ยินมาว่าท่านหัวรั้นดึงดันยิ่ง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะโหดร้ายถึงเพียงนี้ ท่านทำร้ายโหร่วเอ๋อร์จนเป็นเช่นนี้เชียว ข้าอยากจะรอดูนัก ครั้งนี้ท่านจะเจรจากับตระกูลจางเช่นใด”
เมื่อถูกชายที่ใจรักใช้สายตาเกลียดชังมองมา อีกทั้งยังพูดวิจารณ์ตนไปในทางไม่ดี เฉินซูเสียนก็ยิ่งถูกสึกราวกับได้รับการโจมตีอย่างรุนแรง
เธอขยับเข้าไปด้านหน้าและจับแขนเสื้อของเป่ยจื่อห้าวเอาไว้ในทันที หลังจากนั้นก็ส่ายหน้าสุดชีวิต
“ไม่ใช่เช่นนั้น องค์ชายรองโปรดเชื่อข้า เป็นเพราะเจ้าคนชั่วจางอวี่โหร่วนี่......นางเป็นคนยั่วยุข้าก่อน และยังเป็นฝ่ายลงมือทำร้ายข้าก่อนด้วย ข้าเพียงแค่......ข้าเพียงแค่จะสั่งสอนนางเล็กน้อยเท่านั้น”
ทำร้ายคนอื่นจนเป็นขนาดนี้แล้ว ยังจะสามารถพูดออกมาว่าเป็นการสั่งสอนเพียงเล็กน้อยได้อีก ดังนั้นสายตาของเป่ยจื่อหัวจึงยิ่งดูเกลียดชังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เสี่ยวเฟิงรีบพูดขึ้นมาอย่างรีบร้อนด้วยความโมโห : “เจ้าพูดอะไรไร้สาระ คุณหนูของข้าทานอาหารอยู่ที่นี่ดีๆ ท่านต่างหากที่พุ่งเข้ามาอย่างอารมณ์ร้อน อีกทั้งยังอยากจะยึดสถานที่ของพวกเรา และยังพูดจาไม่ดีใส่คุณหนูอีก ผู้หญิงอย่างท่านโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว”
“นังสาวชั้นต่ำสมควรตาย นี่มันใช้เวลาพูดจาของเจ้าหรือ?” เฉินซูเสียนเองก็โมโหจนแทบบ้าแล้ว เธออยากจะพุ่งตัวเข้าไปตบเสี่ยวเฟิง แต่ยังไม่ทันได้แตะต้องเธอแม้แต่ชายผ้า ร่างกายของเธอก็กระเด็นออกไปและกระแทกลงสู่พื้นในทันที
พลังภายในที่แกร่งกล้ามาก!
แม้แต่เป่ยจื่อหัวก็ยังปรากฏสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา เขามองไปยังหันยี่ฉีที่กำลังอุ้มจางอวี่โหร่วขึ้นมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็กอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนราวกับสมบัติล้ำค่า
แต่ว่าในตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเขากำลังแผ่รังสีที่ทำให้คนสะพรึงกลัวออกมา แม้จะมองอารมณ์บนใบหน้าของเขาไม่ออก แต่สายตาที่เย็นยะเยือกจากนัยน์ตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเขี้ยวหมาป่าอันดุร้ายก็สามารถทำให้คนสั่นไหวไปทั้งตัวได้
ในตอนนี้จ้าวซินซินเดินเข้ามาที่กลางกลุ่มของพวกเธอ และมองความวุ่นวายทั้งหลาย พร้อมกับรอยยิ้มดูถูกที่ประกายขึ้นในแววตา
“คุณหนูเฉิน ต้องการให้ข้าช่วยพยุงท่านขึ้นมาหรือไม่”
เฉินซูเสียนถลึงตาใส่เธออย่างรุนแรงในทันที : “ข้าไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของเจ้า”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าเองก็เกรงว่าความสกปรกจะมาเปื้อนมือข้าด้วย”
“เจ้า......เจ้ามันอวดดีนัก กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้าเชียวหรือ?” แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของเธอจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ว่าก็ยังต้องทนฝืนต่อไป เธอไม่กล้ากระทำหุนหันพลันแล่นต่อหน้าองค์ชายรองและท่านอ๋องชิงผิง แล้วตอนนี้เธอจะยังทนรับการเหยียบหัวของคนชั้นต่ำอย่างจ้าวซินซินอีกหรือ?
“หึ......แล้วอย่างไรเล่า แม้ว่าท่านจะเป็นคุณหนูแห่งสำนักเฉินกั๋วกงแล้วจะเป็นเช่นใด อีกไม่นานมันก็จะไม่เป็นดั่งวันวานแล้ว ท่านทำร้ายจางอวี่โหร่ว ตระกูลจางไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่ ท่านอ๋องชิงผิงและองค์ชายรองต่างก็ปกป้องนาง ก็เท่ากับว่าตอนนี้ท่านกระทำผิดต่อกำลังทั้งสามด้านแล้ว อ้อ ใช่แล้ว ควรจะรวมองค์ชายสามเข้าไปด้วย ความรู้สึกสัมพันธ์ที่องค์ชายสามมีต่อนาง ทั่วทั้งหนานชู่ไม่มีใครไม่รับรู้ ท่านคิดว่า แม้ท่านพ่อของท่านจะเก่งกาจ แต่จะสามารถรับมือกับคนมากมายเช่นนี้ได้หรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภายในใจของเฉินซูเสียนก็บีบรัดขึ้นมาในทันที ตอนนั้นเธอสนใจเพียงอยากจะระบายความไม่พอใจนี้ออกไป แต่ใครจะไปคิดว่าเรื่องราวจะใหญ่โตได้ขนาดนี้
ตอนนี้เมื่อได้ยินที่จ้าวซินซินพูด ภายในใจของเธอก็เกิดความสับสนขึ้นมา แต่ว่าเธอก็ยังคงพยายามแสดงสีหน้าที่นิ่งเฉยต่อไป
“ข้าทำร้ายจางอวี่โหร่ว แต่ไม่ใช่เพราะนางลงมือกระทำข้าก่อนหรือ? เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ พวกเขาจะสามารถทำอะไรกับข้าได้? เจ้าอย่าได้พูดจาเสียดสีข้านักเลย แม้ว่าจางอวี่โหร่วจะดีกับเจ้าเช่นไร แต่นางก็ไม่ใช่ผู้โง่เขลา เมื่อสักครู่เจ้าไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือ เจ้าคิดว่าหลังจากนี้นางจะยังคงมองเจ้าเป็นพี่น้องที่ดีต่อไปหรือ? ด้วยฐานะที่ต่ำต้อยของเจ้า เมื่อแยกออกจากจางอวี่โหร่ว เจ้าก็ไม่อาจเทียบข้ารับใช้ของข้าด้วยซ้ำ เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเสียก่อนเถอะ”
“เจ้า......” จ้าวซินซินโมโหจนสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม “ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดี เจ้าจะไม่รับความหวังดีจากข้าก็แล้วแต่เจ้า หากตอนนี้เจ้ายังพูดจาเช่นนี้ได้ ข้าก็จะรอดูสภาพของเจ้าในภายหน้า”
ตอนนี้เดิมทีเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเฉินซูเสียนอีกต่อไป แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังรักษาได้ยาก เรื่องในครั้งนี้วุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ เฉินซูเสียนจะต้องจบไม่สวยแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
เรื่องนี้ยังไม่จบเลยค่ะ ทำไมสถานะเสร็จสิ้น ไม่อัพแล้วหรอ...