“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ หลี่จิ่นซูกับหนานมู่ชิงแอบมีสัมพันธ์กันมานานแล้ว แต่มักจะดึงหม่อมฉันไปเป็นเกราะกำบัง ขอจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดทรงคืนความบริสุทธิ์ให้หม่อมฉันด้วยเพคะ!”
หลินเมิ่งหวันเอ่ยอย่างไม่ถ่อมตัวแต่ก็ไม่ได้เย่อหยิ่ง ทำให้สีหน้าของทุกคนในที่นี้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
ฉู่โม่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปดึงหลินเมิ่งหวันขึ้นมาและกอดนางเอาไว้ทันที “ข้าจะคืนความบริสุทธิ์ให้เจ้าเอง”
สีหน้าของสวี่ซื่อกับหลี่เล่อหย่าดูไม่ดีนักเมื่อได้ยินดังนั้น
ฉู่โม่หยวนคิดจะคืนความบริสุทธิ์ให้หลินเมิ่งหวัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเชื่อว่าหลี่จิ่นซูกับหนานมู่ชิงแอบมีสัมพันธ์กันลับๆ
หลินเมิ่งหวันยิ้มและแอบอิงอ้อมแขนของฉู่โม่หยวน นางบอกว่าจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยใจดีมาก แต่ก็แค่กระซิบที่หูของเขาเท่านั้น
แววตาของฉู่โม่หยวนเป็นประกายเล็กน้อย เขาเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เสวียนยี ไปที่จวนเฉิงเซี่ยงแล้วค้นหาที่เรือนของหลี่จิ่นซู”
สวี่ซื่อตกใจทันที “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ เหตุใดพระองค์จะต้องค้นหาที่เรือนของจิ่นซูด้วย เขา...”
“ข้าจะทำสิ่งใด จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟังด้วยหรือ”
นัยน์ตาที่ลุ่มลึกของฉู่โม่หยวนแฝงไปด้วยความหนาวเหน็บจนถึงขั้วกระดูก ทำให้สวี่ซื่อหุบปากลงไปทันที
ฉีซือเหมี่ยวมองหลินเมิ่งหวันอย่างไม่เข้าใจ และรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ
แต่หลี่เล่อหย่ากลับมองหลินเมิ่งหวันอย่างโกรธแค้น แอบคิดในใจว่ารอร้องไห้ไปเถอะหลินเมิ่งหวัน!
หลี่จิ่นซูกับหนานมู่ชิงนะหรือแอบคบหากัน จะโกหกก็ไม่รู้จักโกหกให้น่าเชื่อถือกว่านี้
ไม่ใช่ว่านางดูถูกพี่ชายของนางเอง แต่หนานมู่ชิงเป็นสตรีที่มีความสามารถเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวง หลี่จิ่นซูเป็นเพียงบุตรของอนุภรรยาที่ไร้ชื่อเสียง อย่างเขาจะได้ใจหนานมู่ชิงไปได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น มีใครบ้างในเมืองหลวงที่ไม่รู้ว่าหนานมู่ชิงเลื่อมใสในตัวจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยมากแค่ไหน
คิดไม่ถึงว่าหลินเมิ่งหวันจะบอกว่าหลี่จิ่นซูแอบมีสัมพันธ์กับหนานมู่ชิง รออีกเดี๋ยวนางคงถูกตบหน้าแน่!
ทว่าหลังจากผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เสวียนยีก็หอบกล่องผ้ากล่องหนึ่งเดินเข้ามา และหลี่จิ่นซูซึ่งถูกจับตัวเข้ามาก็มาที่โถงด้านหน้าของจวนหลินด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก
เปลือกตาของสวี่ซื่อกระตุกโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
จากนั้นนางจึงเห็นเสวียนยีก้าวมาข้างหน้า เปิดกล่องผ้าออกส่งไปตรงหน้าฉู่โม่หยวน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ทูลจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ข้ากระหม่อมพบผ้าเช็ดผืนนี้ที่ใต้หมอนของคุณชายหลี่พ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่โม่หยวนเหลือบมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลินเมิ่งหวันหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมาสะบัดทันที จากนั้นจึงเอ่ยอย่างเกินจริงว่า “เอ๊ะ นี่มันผ้าเช็ดหน้าของคุณหนูหนานมิใช่รึ คุณชายหลี่วางไว้ใต้หมอนจริงๆ หรือนี่ คงรักและทะนุถนอมมากจริงๆ สินะ”
หลี่จิ่นซูกัดริมฝีปากมองหลินเมิ่งหวันอย่างรู้สึกอึดอัด
แต่หลินเมิ่งหวันกลับไม่สนใจเขา นางเพียงแค่สะบัดผ้าเช็ดหน้าไปตรงหน้าเฉิงเซี่ยงฮูหยิน
เมื่อเห็นลายดอกเบญจมาศที่ละเอียดงดงามบนผ้าเช็ดหน้า สวี่ซื่อก็กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น
หลินเมิ่งหวันแย้มริมฝีปากและเอ่ยว่า “เฉิงเซี่ยงฮูหยินเห็นชัดแล้วใช่หรือไม่”
หลี่เล่อหย่าลุกขึ้นและคว้าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไป และลายดอกเบญจมาศดอกนั้นก็ทิ่มแทงสายตาของนางอย่างจัง
นางเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “ต้องเป็นเจ้าแน่ๆ ที่ใส่ร้าย! คนที่ไปตรวจค้นก็คือคนของเจ้า...”
“เล่อหย่า หุบปาก!” สวี่ซื่อตำหนิหลี่เล่อหย่าและรีบคว้ามือหลี่เล่อหย่าให้คุกเข่าลงตรงหน้าฉู่โม่หยวน
ห้องโถงด้านหน้าที่เคยมีคนอยู่มากมายว่างเปล่าอย่างฉับหลัน หลินเมิ่งหวันส่งสัญญาณให้เฝ่ยชุ่ยกับคนอื่นๆ ออกไป จากนั้นจึงรินชาให้ฉู่โม่หยวนด้วยตัวเองอย่างเอาใจ
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยดื่มชาสักหน่อยสิเพคะ ต้องขอบพระทัยจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยปกป้องเมิ่งหวัน” หลินเมิ่งหวันยิ่งอย่างเอาใจ ฉู่โม่หยวนมองนางเงียบๆ เขารับถ้วยชาไว้ทว่าไม่ยอมดื่ม
หลินเมิ่งหวันยืนตัวตรง “หม่อมฉันบอกตามตรงว่าเมื่อคืนหม่อมฉันพบกับหลี่จิ่นซูจริงๆ และหม่อมฉันก็นำจี้หยกของหลี่จิ่นซูมาจริงอย่างว่า แต่หม่อมฉันไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับเขาเลย ที่ทำก็เพราะจะวางแผนร้ายกับเขาเท่านั้นเพคะ”
“ผ้าเช็ดหน้าของคุณหนูหนานนั้น หม่อมฉันให้เฉินเซียงไปขโมยมา และเป็นหม่อมฉันเองที่บอกให้เฉินเซียงนำไปวางไว้ในห้องของหลี่จิ่นซู ส่วนจี้หยกของหลี่จิ่นซู เฉินเซียงแอบนำไปไว้ติดตัวคุณหนูหนานเมื่อคืนนี้แล้วเช่นกัน แต่หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าคุณหนูหนานทิ้งจี้หยกนั้นไปแล้วหรือยัง ดังนั้นเมื่อครู่นี้จึงให้พระองค์ไปค้นหาที่เรือนของหลี่จิ่นซู”
พอหลี่เล่อหย่าบอกให้นางมอบจี้หยกให้ หลินเมิ่งหวันก็หาโอกาสส่งสายตาให้เฉินเซียงกับเฝ่ยชุ่ย ให้ทั้งคู่รอเคลื่อนไหว
เฉินเซียงกับเฝ่ยชุ่ยต่างเข้าใจความคิดของหลินเมิ่งหวัน ดังนั้นเมื่อฉู่โม่หยวนสั่งให้เสวียนยีไปตรวจค้นที่จวนเฉิงเซี่ยง เฉินเซียงจึงรีบนำผ้าเช็ดหน้าของหนานมู่ชิงออกไปจากจวน เอาผ้าเช็ดหน้าของหนานมู่ชิงไปวางไว้ใต้หมอนของหลี่จิ่นซูก่อนหน้านั้นหนึ่งก้าว นั่นเองหลี่จิ่นซูจึงถูกจับได้คาหนังคาเขา
ฉู่โม่หยวนวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะข้างๆ จากนั้นจึงมองหลินเมิ่งหวันพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหตุใดจึงต้องดึงคุณหนูหนานเข้ามาเกี่ยวด้วย”
หลินเมิ่งหวันชายตามองฉู่โม่หยวน “ทำไมล่ะ พระองค์เสียดายหรือ”
ฉู่โม่หยวนมองหลินเมิ่งหวันอย่างขบขัน “ทุกคนรู้ดีว่าหลี่จิ่นซูกับหนานมู่ชิงไม่ได้มีสัมพันธ์ใดๆ กัน การนำทั้งสองคนเข้ามาเกี่ยวกันจึงค่อนข้างดูฝืนไปหน่อย”
หลินเมิ่งหวันเท้าสะเอวและเอ่ยว่า “ใครขอให้หนานมู่ชิงแอบส่งสายตาให้พระองค์ต่อหน้าหม่อมฉันล่ะเพคะ”
“นางเอาแต่บอกด้วย ว่าหม่อมฉันไม่คู่ควรกับพระองค์ ทั้งยังเอาแต่พูดว่านางเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีคุณสมบัติจะเป็นจิ่งหวังเฟย หม่อมฉันไม่ถูกชะตากับนาง ก็เลยอยากจะจัดการนางไงล่ะเพคะ!”
หลินเมิ่งหวันจ้องมองฉู่โม่หยวนอย่างดุดัน แต่พอพูดจบ นางก็ถูกฉู่โม่หยวนดึงเข้าไปในอ้อมกอดทันที
หลินเมิ่งหวันรีบป้องหน้าอกของตน แสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างตื่นตระหนกว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะทำอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่อะไรก็ได้ แล้วก็จะไม่ยอมจำนนง่ายๆ หรอกนะเพคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก