ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 23

“ชีฮูหยิน หอเมี่ยวอิงเป็นสถานที่สง่า อย่าได้ก่อเรื่องที่นี่”

หลินเมิ่งหวันดึงแขนเสื้อของชายชุดเขียว ปกป้องเขาไว้ข้างหลัง

ชีฮูหยินถูกขวางไว้อย่างไร้เหตุ โมโหขึ้นทันที ยกมือขึ้นก็จะตบ

“ใครไม่มีตามาจากไหน......”

เพียงแค่ เมื่อชีฮูหยินมองหน้าของหลินเมิ่งหวันชัดเจน เสียงตะโกนอย่างโมโหก็หยุดชะงักลง ดวงตาอันพร่ามัวก็มีแววแห่งความตกตะลึง

“ชายหนุ่มที่รูปงานเหลือเกิน เจ้ากับมู่เฉินมาด้วยกันเหรอ?”

ชีฮูหยินยื่นมือโดยสัญชาตญาณ อยากลูบไล้หน้าของหลินเมิ่งหวัน

เพียงแค่วินาทีต่อมา เสียงร้องโหยหวนทำให้คนใจสั่น

หลินเมิ่งหวันยกมือขึ้นทันใด จับแขนของชีฮูหยินที่กำลังจะลงมาอย่างหนัก

“แคร็ก” เสียงดัง กระดูกหัก

“ฮูหยิน”

คนรับใช้ที่ติดตามชีฮูหยินร้องเสียงตกใจ รีบพุ่งไปข้างหน้าทันที

หลินเมิ่งหวันใช้แรงผลัก ร่างหนักของชีฮูหยินล้มลงพื้นทันที

“จับมันไว้! ให้ข้าจับมันไว้......”

ชีฮูหยินประคองมือไว้ ตัวสั่นไปทั้งร่าง ตาแดงทั้งคู่จ้องมองหลินเมิ่งหวัน

องครักษ์ได้ยิน ก็พุ่งไปข้างหน้าทันที ชายชุดเขียวสีหน้าเปลี่ยนไปมาก

“เจ้ารีบหลบไป อย่าให้เจ้าพัวพันเข้ามา......”

คำพูดประโยคนั้นของเขายังพูดไม่จบ ก็ถูกแรงอันมหาศาลผลักออกไป

เห็นแค่แขนเสื้อปลิวขึ้น ชายชุดขาวนั้นพุ่งตัวไปข้างหน้า สู้กันหนึ่งต่อห้า

เขาร่างกายแข็งเจ้าร่ง แต่ก็ผอมบางกว่าองครักษ์พวกนั้นมาก แต่อยู่ตรงหน้าเขา องครักษ์เหล่านั้นกลับกลายเป็นเสือกระดาษ ล้วนถูกเขาหมัดเดียวก็ล้มลงไปกับพื้น

คาดไม่ถึงเขา เก่งขนาดนี้!

ชีฮูหยินเพิ่งถูกคนรับใช้พยุงตัวขึ้นมา เห็นองครักษ์ที่ล้มอยู่ ทันใดนั้นสีหน้าไม่ดี

“เจ้ากล้าลงมือกับคนของข้า?! ไม่รู้จักไปสืบถามดู ว่าข้าเป็นใคร!”

“ถ้าหากรู้จัก ก็คุกเข่าขอชีวิตตอนนี้ ข้าจะเห็นเจ้า่ใบหน้านี้ของเจ้า ไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง!”

“ชีฮูหยิน แทนที่จะคิดว่าจะไว้ชีวิตข้ายังไง สู้คิดว่าจะช่วยชีวิตตัวเจ้าเองอย่างไรจะดีกว่า”

หลินเมิ่งหวันรักษารอยยิ้ม แต่ว่าในใจที่นับถือต่อชีฮูหยินนั้น ได้แทนที่โดยความเกลียดชังแล้ว

ตอนแรกนางคิดว่าชีฮูหยินเป็นสตรีผู้ยอดเยี่ยม แต่ไม่เคยคิด พฤติกรรมของนางจะทำให้คนรังเกียจเช่นนี้

ชีฮูหยินขมวดคิ้ว “เจ้าข่มขู่ข้า?”

หลินเมิ่งหวันไม่อยากทำให้เรื่องใหญ่ มองดูชีฮูหยินแล้วพูด “ชีฮูหยิน เจ้ารู้สึกว่าปากแห้งใช่ไหม แล้วก็กลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานานแล้ว?”

ชีฮูหยินตะลึง มองหลินเมิ่งหวันอย่างคาดไม่ถึง

หลินเมิ่งหวันพูดต่อ “ตื่นมาตอนเช้าร่างกายหนักหน่วง ท้องด้านฝั่งด้านขวาสามนิ้วปวดแสบประจำ เอวเข่าปวดเมื่อย เหงื่อแตกกลางคืน”

ชีฮูหยินตะลึงจนเบิกตากว้าง “เจ้ารู้วิชาการรักษา?”

หลินเมิ่งหวันยิ้มเล็กน้อย “หากไม่อยากตาย ก็รีบไปที่หอไป๋เฉ่าขอร้องให้หมอเทวดาดูสักหน่อย”

หลินเมิ่งหวันทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก็อยากจากไป

เพียงแค่วินาทีต่อมา......

“พูดให้ชัดเจนค่อยไป!”

เสียงตะโกนดังขึ้นมา ตามมาด้วยเสียง “เพี๊ยะ” ดังขึ้น เส้เส้นหนึ่งฟาดมาอย่างแรง

หลินเมิ่งหวันสายตาอึ้ง หมุนตัวหลบไป

แต่ว่า เส้เส้นยาวถึงพื้น กลับเป็นพื้นเวทีฟาดจนเป็นร่องยาว!

สายตาของหลินเมิ่งหวันเย็นชาลงทันที หันหน้ากลับมา

เห็นเพียง ตรงหน้าเป็นหญิงสาวในชุดกะทัดรัด

คือนาง!

ใจหลินเมิ่งหวันบีบแน่นขึ้นมา ความเกลียดชังปะทุขึ้นมาในสายตา

ตอนแรกนางไม่อยากทำให้เรื่องใหญ่ แต่นอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ก่อเรื่องแล้ว!

หลินเมิ่งหวันก้าวฝีเท้าไปข้างหน้า มือเล็กๆขาวๆนั้นบีบอยู่ที่คอของหญิงสาวชุดกะทัดรัดคนนั้น

หญิงสาวคนนั้นใจสั่น

ไอ้หน้าขาวนี้เข้ามาได้อย่างไร?!

นางคนนั้นร่วมมือกับหลินเป้ยเหยา ลงมือฆ่าโหดระหว่างที่หลินเมิ่งหวันหนีออกจากจวนจิ่งอ๋อง

หลินเมิ่งหวันตกอยู่ในคุกใต้ดิน หญิงสาวคนนั้นก็มีส่วนร่วมแรงหนึ่ง

แต่หลินเมิ่งหวันคาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวคนนี้จะเป็นคนของชีฮูหยิน

หรือว่า เรื่องในชาติที่แล้ว ชีฮูหยินก็ร่วมมือในนั้น?

สีหน้าของหลินเมิ่งหวันเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ความคิดยิ่งแปรเปลี่ยนไปพันรอบ

เรื่องนี้ นางต้องสืบอย่างละเอียด

มองดูสภาพอันโมโหของหลินเมิ่งหวัน ชายหนุ่มเก็บรอยยิ้มที่หยอกล้อ

“ทำไมถึงโกรธขนาดนี้?”

หลินเมิ่งหวันสูดลมหายใจลึกๆ “ไม่มีอะไร เห็นคนก่อเรื่อง จึงโมโห”

นางใช้พัดในมือไปยกปกเสื้อของชายหนุ่มทีหนึ่ง

“รีบใส่เสื้อให้ดี สภาพนี้หากให้คนอื่นเห็น คิดอยากทำลายชื่อเสียงพี่ห้าของข้าหรือไง?”

หลินเมิ่งหวันจ้องหน้าเจียงหลีอวิ๋นตรงหน้า ช่างพูดอะไรไม่ออก

แน่นอน ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้ เจียงหลีอวิ๋นก็เป็นสภาพนี้

หอเมี่ยวอิงเป็นสถานที่ให้ผู้คนมาแลกเปลี่ยนดนตรี ชื่นชมดนตรี ไม่เคยมีการซื้อขายประเวณีอะไรทั้งนั้น

แต่เจียงหลีอวิ๋นสภาพแพรวพราวแบบนี้ ช่างทำให้คนเข้าใจผิด

รอยยิ้มบนหน้าของเจียงหลีอวิ๋นยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ยกมือใส่เสื้อให้ดี

“สภาพข้าแบบนี้ ให้เสี่ยวหวันเอ๋อร์ดูคนเดียวเท่านั้น”

“เป็นไง? รู้สึกหรือไม่ว่าข้าสง่างามกว่าพี่จิ่นซูของเจ้าหรือเปล่า?”

เจียงหลีอวิ๋นอ้าปาก หางตาก็โก่งขึ้นเล็กน้อย ไฝที่หางตาก็ยิ่งดูพราวเสน่ห์ขึ้นมาอีกนิด

หลินเมิ่งหวันมองบนใส่เขา “เลิกยั่วได้แล้ว รีบพูดเรื่องจริงจัง”

ถึงคำพูดจะพูดเช่นนี้ แต่อารมณ์ของหลินเมิ่งหวันก็ดีขึ้นอย่างมาก

นางผลักประตูออกเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว กลิ่นธูปหอมอันเข้มข้นทำให้นางผ่อนคลายขึ้นมาทันที

นางนั่งอยู่บนเบาะ เหมือนถูกเจียงหลีอวิ๋นติดต่อเสียอย่างนั้น พิงอยู่บนโต๊ะเหมือนดั่งไม่มีกระดูก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก