นัยน์ตาของหลินฮูหยินใหญ่ดูประหลาดใจ แต่ก็ช่วยประคองหลินเมิ่งหวันขึ้นมาด้วยตนเอง
“เจ้าลุกขึ้นก่อนแล้วค่อยพูด”
“เจ้าไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ย่าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้า”
ในขณะที่พูด นางก็มองไปที่หลินเป้ยเหยาด้วยความเกลียดชัง
เมื่อคืนหลินเมิ่งหวันบอกว่าหลินเป้ยเหยาส่งจดหมายให้นาง เพื่อให้นางหนีไปกับหลี่จิ่นซู
บัญชีนี้ หลินฮูหยินใหญ่ยังไม่ทันได้คิดบัญชีเลย!
หลินเมิ่งหวันไม่ได้ลุกขึ้น และเอาปิ่นปักผมยื่นไปข้างหน้าหลินฮูหยินใหญ่ด้วยมือทั้งสองข้าง
“ท่านย่ายังจำปิ่นปักผมนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ?”
หลินฮูหยินใหญ่ก้มลงมองและจำได้ในทันที
“นี่เป็นสินเดิมของแม่เจ้าไม่ใช่หรือ เจ้าเอามันออกมาได้อย่างไร?”
หลินเมิ่งหวันกล่าวว่า “หลานไม่ได้เอามันออกมาเจ้าค่ะ แต่พี่สาวใหญ่ปักมันออกมาปรากฏตัวต่อหน้าหลาน! ”
“ท่านย่า หลานพบว่าปิ่นปักผมนี้หายไปตั้งนานแล้ว และพยายามค้นหามาโดยตลอด ไม่เคยคิดว่าจะถูกพี่สาวใหญ่ขโมยไป”
“พี่ใหญ่ขโมยสิ่งที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ ท่านย่าได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับเมิ่งหวันและท่านแม่ด้วย!”
หลินเป้ยเหยาตกใจจนหน้าถอดสีและคุกเข่าลงในทันที
“ท่านย่าโปรดตรวจสอบให้กระจ่าง ข้าไม่ได้ขโมย......นี่......นี่เป็นปิ่นปักผมที่น้องเมิ่งหวันมอบให้กับข้า! ”
“นี่เป็นปิ่นปักผมที่ท่านแม่ของข้าชอบ ข้าจะมอบให้พี่ได้อย่างไร?!”
หลินเมิ่งหวันหันหน้าไปมองหลินเป้ยเหยาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำและถามออกมา
หลินเป้ยเหยาอยากได้ปิ่นปักผมอันนี้มานานแล้ว!
ชาติที่แล้ว หลินเป้ยเหยาบอกเป็นนัยๆ ว่าอยากได้ปิ่นปักผมอันนี้
หลินเมิ่งหวันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อหลินเป้ยเหยามาแต่ไหนแต่ไร แต่เนื่องจากปิ่นปักผมอันนี้ เป็นสิ่งที่ท่านแม่นางทิ้งไว้ให้ นางจึงไม่เคยเอ่ยปากยกให้หลินเป้ยเหยา
แต่ต่อมาปิ่นปักผมอันนี้ก็หายไปอย่างไรร่องรอย
จนกระทั่งวันที่หลินเมิ่งหวันจะออกเรือน ก็เห็นหลินเป้ยเหยาปักปิ่นปักผมอันนี้มาปรากฏอย่างงดงามในงานแต่งงานของนาง
หลินเป้ยเหยาร้องห่มร้องไห้ขอให้นางให้อภัย และบอกว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมยปิ่นปักผม เพียงแค่ลองปักแล้วลืมคืนเท่านั้น
และสาเหตุที่นางปักปิ่นนี้ในวันแต่งงานของหลินเมิ่งหวัน เป็นเพราะฉินก่วนว่านแม่ผู้ให้กำเนิดของหลินเมิ่งหวันมาเข้าฝันให้เอามาให้นาง
หลินเป้ยเหยาบอกว่าฉินก่วนว่านมาบอกนางในฝัน หวังว่านางจะได้เห็นหลินเมิ่งหวันปักปิ่นอันนี้ออกเรือน ถือว่าฉินก่วนว่านได้เข้าร่วมงานแต่งงานของหลินเมิ่งหวันด้วย
ดังนั้นหลินเป้ยเหยาจึงยอมเสี่ยงที่จะถูกค้นพบ และเผยให้เห็นว่าปักปิ่นปักผม
ในเวลานั้นหลินเมิ่งหวันเชื่อ “คำโกหกที่สวยงาม” นี้และไม่อยากทำรลายมิตรภาพระหว่างพี่น้อง
หลังจากยืนยันว่าแล้วว่าหลินเป้ยเหยาชอบปิ่นปักผมอันนี้จริงๆ จึงมอบปิ่นปักผมให้หลินเป้ยเหยา
แต่หลังจากที่นางถูกหลินเป้ยเหยากักขัง หลินเป้ยเหยาก็จงใจใช้สิ่งนี้เพื่อมาเยาะเย้ยความโง่เขลาของนาง!
ความฝันที่หลินเป้ยเหยาบอกนั้น เป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง
หลินเป้ยเหยายังบอกด้วยว่าวันนั้นนางจงใจปักปิ่น เพื่อไปแย่งความสนใจของหลินเมิ่งหวัน
หลินเป้ยเหยาทำลายปิ่นปักผมอันนั้นต่อหน้าหลินเมิ่งหวัน!
การได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าหลินเมิ่งหวันจะคิดบัญชีใหม่และบัญชีเก่าในคราวเดียวกัน!
สีหน้าของหลินเป้ยเหยาซีดเผือดและตื่นตระหนก
นางถูกหลินเมิ่งหวันปั่นหัวแล้ว!
นางเพียงแค่คิดว่าปิ่นปักผมนี้สะดุดตาผู้คน แต่ลืมไปสนิทเลยว่าหลินเมิ่งหวันไม่เคยรับปากว่าจะมองปิ่นปักผมอันนี้ให้กับตนเอง
ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?
หญิงชราผู้นี้ไม่ได้เข้าข้างหลินเมิ่งหวันมาแค่วันสองวันแล้ว ตนเองจึงยอมรับผิดไม่ได้อย่างเด็ดขาด
หลินเป้ยเหยารีบหันไปทางหลินฮูหยินใหญ่และโขกศีรษะ “ท่านย่าได้โปรดตรวจสอบให้กระจ่าง เหยาเอ๋อร์ไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”
“ในเรือนของน้องเมิ่งหวันมีคนรับใช้อยู่มากมาย หากน้องเมิ่งหวันไม่ยินยอม เหยาเอ๋อร์จะนำปิ่นปักผมอันนี้มาได้อย่างไร?”
หลินฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างโกรธเคือง “เช่นนั้นเจ้าบอกมาสิว่าปิ่นปักผมนั่นไปอยู่บนหัวเจ้าได้อย่างไร!”
หลินเป้ยเหยามวยผมยุ่งๆ ปิ่นปักผมจึงโผล่ออกจากหัวของนาง ไร้ซึ่งข้อแก้ตัวใดๆ
“เป็น…...เป็นน้องเมิ่งหวันที่ให้ข้ายืม…...”
นางหาข้อแก้ตัวและหันไปมองหลินเมิ่งหวันในทันที
หลินเป้ยเหยาสะอื้นไห้และกล่าวว่า “น้องเมิ่งหวั่น ข้ารู้ว่าเมื่อคืนข้าพลั้งปากพูดไป ทำให้เจ้าขุ่นเคือง แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“วันนี้ข้าตั้งใจทำอาหารเช้าให้เจ้า เพื่อเป็นการขอโทษ แต่ทำไมเจ้าถึงใส่ความข้าเช่นนี้?”
“หรือว่าเจ้าต้องการทำลายชื่อเสียงของข้า ถึงจะสามารถระบายความโกรธได้ใช่หรือไม่? ฮือๆๆ......”
หลินเป้ยเหยาร้องไห้เหมือนดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ทำให้รู้สึกหัวใจสลาย
หลินเมิ่งหวันกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากข้าต้องการทำลายชื่อเสียงของพี่สาว คงจะไม่ใช่แค่เชิญท่านย่ามา แต่คงจะจับตัวพี่สาวไปขึ้นศาล”
หลินเป้ยเหยาชะงักและมองไปที่หลินเมิ่งหวันอย่างตกตะลึง
นางรู้สึกว่าหลินเมิ่งหวันดูเหมือนจะต่างออกไปอย่างบอกไม่ถูก
หลินเมิ่งหวันในตอนนี้ ทำให้นางหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว
หลินฮูหยินใหญ่ก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่ในใจก็พอใจมาก
หลินเมิ่งหวันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ และทำสิ่งต่างๆ ได้มากมาย
นางตามตนเองมาจัดการเรื่องนี้ โดยคำนึงถึงหน้าตาและความเป็นพี่น้องของตระกูลหลิน และต้องการทำให้เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก
ในทางกลับกัน จนกระทั่งตอนนี้หลินเป้ยเหยาก็ยังคงปฏิเสธ
หลินเป้ยเหยาได้รับการสั่งสอนที่ไม่ดีจากอนุภรรยาที่ไร้กฎระเบียบผู้นั้น!
ใบหน้าของหลินฮูหยินใหญ่เต็มไปด้วยความเย็นเยียบ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ว่าเจ้าจะขโมยหรือยืมปิ่นปักผมนี้ไป คุณหนูของจวนซ่างซูที่สูงศักดิ์ หรือว่าที่จวนยังทำให้เจ้าขาดเหลืออะไร?”
“เจ้าอยากได้สิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้า ความคิดเช่นนี้ใช้ไม่ได้!”
“ใครก็ได้ พาคุณหนูใหญ่ไปที่อุโบสถ แล้วให้นางสำนึกความผิดของตนเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก