หลินเมิ่งหวันชะงัก เมื่อเงยหน้ามองจึงเห็นใบหน้าที่เย็นชาของฉู่โม่หยวน
“ถวายบังคมจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย”
ทุกคนจำฉู่โม่หยวนได้และรีบทำความเคารพทันที
ชายชุดน้ำเงินกวาดสายตามองฉู่โม่หยวนกับหลินเมิ่งหวัน จากนั้นจึงหยุดสายตาไว้ที่ฉู่โม่หยวน
เขาก้มหน้าคำนับฉู่โม่หยวนด้วยความเคารพพลางกล่าวว่า “ถวายบังคมจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ข้าไม่สบายกายจึงไม่สะดวกที่จะทำความเคารพ ขอจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดทรงอภัย...”
ยังไม่ทันพูดจบ เสียงของชายชุดน้ำเงินก็อ่อนแรงลง ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็มืดสนิทก่อนที่เขาจะหมดสติไป
หลินเมิ่งหวันใจเต้นแรงขึ้น นางมองฉินจิ้งเจาและตะโกนบอกว่า “วางเขาลงบนพื้นก่อน รีบไปหาเปลหามมาเร็วเข้า”
ฉินจิ้งเจาพยักหน้ารับทันที จากนั้นจึงวางชายชุดน้ำเงินให้นอนลงบนพื้นตามคำขอของหลินเมิ่งหวัน
หลินเมิ่งหวันไม่รอช้า นางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ชายชุดน้ำเงินและเอื้อมมือไปสัมผัสข้อมือของเขา
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความผิดของฉินจิ้งเจาหรือไม่ แต่ชายชุดน้ำเงินที่อยู่ตรงหน้าก็ต้องการการตรวจรักษาโดยเร็วที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนคิดจะโยนความผิดมาให้ฉินจิ้งเจา ดังนั้นชายคนนี้จึงยิ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้
ฉู่โม่หยวนขมวดคิ้วมองหลินเมิ่งหวัน และสีหน้าของเขามืดมนลงไปในฉับพลัน
เหตุใดนางจึงห่วงใยเซียงอ๋องซื่อจื่อขนาดนี้
เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลินเมิ่งหวันยังคงเป็นเหมือนตอนเด็กๆ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ คิ้วของฉู่โม่หยวนก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น
หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วจนเป็นปมไม่ต่างกัน นางใจสั่นทันทีเมื่อรับรู้ถึงชีพจรของชายชุดน้ำเงิน
นางเงยหน้ามองฉู่โม่หยวน “เขาถูกวางยาพิษ”
“ถูกวางยาพิษ?”
คนที่เฝ้าดูผงะไปเมื่อได้ยินคำพูดของนาง และสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในงานแข่งขันโปโลที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแบบนี้ จะมีคนถูกวางยาพิษได้อย่างไร
หลินเมิ่งหวันมองใบหน้าที่ซีดเทาของชายชุดน้ำเงินที่กำลังไร้สติ จากนั้นจึงดึงปิ่นปักผมสีทองออกมาทันที
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของผู้คน หลินเมิ่งหวันบิดปิ่นปักผมทองคำจนปิ่นแยกออกเป็นสองส่วน
นั่นเองทุกคนจึงเห็นว่าปิ่นปักผมทองคำนั้นมีช่องว่างตรงกลาง และที่ด้านก็ในมีเข็มทองคำเล่มเรียวเล็กอยู่หลายเล่ม
หลินเมิ่งหวันไม่รอช้า นางหยิบเข็มทองคำออกมาและฝังเข็มลงไปตามจุดฝังเข็มบนคอและมือของชายชุดน้ำเงินผู้นี้
ทุกคนได้แต่มองตาค้าง
แต่ไหนแต่ไรได้ยินมาว่าคุณหนูบุตรีของเอกภรรยาจวนหลินซ่างซูรู้เรื่องการแพทย์ ไม่ด้อยไปกว่าลูกพี่ลูกน้องอย่างฉินลั่วเฟิงซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะหมอเทวดาเลย
ทว่าคนที่เคยเห็นทักษะทางการแพทย์ของหลินเมิ่งหวันกลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หลินเมิ่งหวันในภาพจำของทุกคนเป็นเพียงคนโง่เขลาและเย่อหยิ่งจองหอง ไม่ทำอะไรตามกฎเกณฑ์ เอาแต่ตามตื๊อหลี่จิ่นซูอย่างไม่รู้จักยางอาย วางแผนบ้าๆ พยายามจะแต่งงานกับเขา
แคว้นตงเยว่มีธรรมเนียมที่เปิดกว้าง สำหรับเรื่องใหญ่อย่างการแต่งงาน นอกจากจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพ่อแม่และแม่สื่อ ก็ยังพิจารณาตามความคิดเห็นของลูกๆ ด้วย
ทว่าในฐานะสตรีคนหนึ่ง การคบหาอย่างสนิทชิดใกล้กับผู้ชายก็ยังเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยดีนัก
ยิ่งไปกว่านั้นหลินเมิ่งหวันยังเป็นเสียอย่างนั้น
ดังนั้นทุกคนจึงค่อนข้างดูถูกหลินเมิ่งหวัน
ทว่าเมื่อเห็นหลินเมิ่งหวันตรวจชีพจรและฝังเข็มอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าที่ทั้งจริงจังและเยือกเย็น ทุกคนจึงอดถอนหายใจด้วยความแปลกใจไม่ได้
หลินเมิ่งหวันแตะที่ข้อมือของชายชุดน้ำเงินอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันหมอก็รีบวิ่งเข้ามาหา
ในชาติก่อนหลินเมิ่งหวันถูกฉู่โม่หยวนจองจำอยู่ในจวนเพราะหนีการแต่งงาน เมื่อถูกปล่อยตัว ฉีเยี่ยนก็เข้ามาอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว
หลินเมิ่งหวันจำได้อย่างเลือนรางว่าในชาติก่อน ฉีเยี่ยนได้รับบาดเจ็บทันทีที่เข้ามาในเมืองหลวง ต้องพักรักษาตัวอยู่นานกว่าจะหาย
แต่นางไม่รู้เลยว่าในที่สุดฉีเยี่ยนจะถูกทำร้ายในงานแข่งขันโปโลครั้งนี้ ทั้งยังถูกวางยาพิษอีกด้วย
นอกจากนี้ในชาติก่อน ฉินจิ้งเจาก็ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เหตุใดตอนนี้ถึงมีคนกล่าวหาว่าฉินจิ้งเจาเป็นคนทำร้ายฉีเยี่ยน จนทำให้ฉีเยี่ยนตกจากหลังม้า
คิ้วของหลินเมิ่งหวันขมวดเป็นปม รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก
“คุณหนูหลิน”
เสียงที่อ่อนโยนของใครคนหนึ่งดังกระทบโสตประสาท หลินเมิ่งหวันได้สติและเงยหน้ามอง จากนั้นจึงเห็นสตรีที่แต่งกายอย่างดงามคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหา
หลินเมิ่งหวันรีบลุกขึ้นทักทาย สตรีผู้นั้นรีบก้าวเข้ามาตรงหน้าหลินเมิ่งหวันและจับมือนางไว้ทันที
หลินเมิ่งหวันจำคนผู้นี้ได้ นางรีบถอนสายบัวอย่างนอบน้อมและบอกว่า “คารวะแม่นางอู๋”
แม่นางอู๋พยักหน้ารับ นางตบมือของหลินเมิ่งหวันเบาๆ และเอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “คุณหนูหลินไม่ต้องพิธีรีตองหรอก วันนี้ต้องขอบคุณคุณหนูเป็นอย่างมาก”
“วันนี้ข้าตั้งใจจัดงานแข่งขันโปโลเพื่อช่วยเซียงอ๋องซื่อจื่อเลี้ยงต้อนรับแขก และก็เพื่อให้เซียงอ๋องซื่อจื่อได้มองหาสตรีสูงศักดิ์จากเมืองหลวง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ วันนี้โชคดีที่มีเจ้าอยู่ ไม่เช่นนั้นคงกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ไม่กี่วันหลังจากนี้ข้าจะไปเยี่ยมเยียนเพื่อขอบคุณเจ้าด้วยเองนะ”
แม่นางอู๋มองหลินเมิ่งหวันอย่างซาบซึ้งใจ และอันที่จริงก็ยังนึกกลัวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉีเยี่ยนมีฐานะสูงส่ง หากเขาต้องเสียชีวิตในงานแข่งขันโปโลที่นางจัดขึ้นจริงๆ แม้ว่าคนลงมือจะไม่ใช่นาง แต่นางก็ต้องเข้ามาเกี่ยวพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โชคดีที่มีหลินเมิ่งหวันอยู่ด้วย ฉีเยี่ยนจึงไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง
หลินเมิ่งหวันรีบบอกว่า “แม่นางอู๋ไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ข้าควรทำทั้งนั้น”
หลินเมิ่งหวันเม้มปากและเอ่ยตามความเป็นจริงว่า “อันที่จริง มันเป็นหน้าที่ของคนเรียนหมออยู่แล้วที่ต้องรักษาและช่วยชีวิตผู้คน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องในวันนี้พี่ของข้ายังถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นข้าจึงยิ่งนิ่งเฉยไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงลงมือช่วยชีวิตเซียงอ๋องซื่อจื่อ ทั้งหมดเป็นแค่ความเห็นแก่ตัว แม่นางอู๋ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก