ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 54

หลินเมิ่งหวันสั่งให้เฝ่ยชุ่ยนำใบเสร็จค่าเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ซื้อให้หลินจื่อยวนเมื่อวานนี้ไปส่งให้หลินซิงโหรว

นอกจากนี้หลินเมิ่งหวันยังหวังดีให้เวลาหลินซิงโหรวหนึ่งคืนเพื่อนำเงินมาให้

แต่เมื่อหลินซิงโหรวเห็นใบเสร็จ ใบหน้าของนางก็เขียวคล้ำ ปาถ้วยชาลงบนพื้นด้วยความโกรธ

หลินเมิ่งหวันไม่ได้สนใจว่าหลินซิงโหรวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ถึงอย่างไรนางก็เดาได้อยู่แล้วว่าหลินซิงโหรวจะต้องไม่พอใจ

ดังนั้นหลินเมิ่งหวันจึงสั่งให้คนคอยจับตาดูสถานการณ์ทางด้านของหลินจื่อยวน เพื่อไม่ให้หลินจื่อยวนต้องถูกเอาเปรียบ จากนั้นจึงกลับไปอาบน้ำพักผ่อนอย่างสงบ

หลินเมิ่งหวันนอนหลับสบายตลอดคืน วันรุ่งขึ้นนางจึงแต่งตัวและเข้าไปทำความเคารพหลินฮูหยินใหญ่

ยามเช้าตรู่มีคนรับใช้หลายคนมาทำความสะอาดที่เรือนและคอยรดน้ำต้นไม้

สวีซื่อยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน แสร้งทำเป็นชื่นชมดอกไม้ แต่ความจริงกลับคอยมองที่ประตูตลอดและเดินไปมาอย่างกังวลใจ

เมื่อเห็นหลินเมิ่งหวันเดินเข้ามา ดวงตาของสวีซื่อก็เป็นประกายและรีบเข้าไปทักทายทันที

“เมิ่งหวันมาแล้วหรือ หลับสบายดีหรือไม่ เมื่อวานตอนอยู่ที่งานแข่งขันโปโลเจ้าทำงานหนักมาก ไม่เหนื่อยหรือ”

ใบหน้าของสวีซื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นเป็นกันเอง หลินเมิ่งหวันฟังแล้วเกือบจะขนลุก

หลินเมิ่งหวันคิดวนไปและพอจะคาดเดาความคิดของสวีซื่อได้บ้างแล้ว

นางรู้ว่าวันนี้หลินซิงโหรวไม่มา คิดว่าหลินซิงโหรวคงกลัวที่จะต้องพบหน้านาง

นอกจากนี้หลินเมิ่งหวันยังรู้ด้วยว่าเมื่อคืนหลินซิงโหรวก่อเรื่องอยู่นาน คิดว่าเรื่องที่นางมาเรียกเก็บเงินกับหลินซิงโหรว สวีซื่อก็น่าจะรู้ด้วย

เมื่อเห็นใบหน้าของสวีซื่อที่กำลังแย้มยิ้มราวกับแมวนางกวัก หลินเมิ่งหวันจึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ขอบคุณเจ้าค่ะที่ป้าสะใภ้รองเป็นห่วง ข้าหลับสบายดี เมื่อวานไม่ได้เหนื่อยเลย”

สวีซื่อพยักหน้าหงึกหงักและเอ่ยเบาๆ ว่า “ไม่เหนื่อยก็ดีแล้ว เมิ่งหวันเอ๋ย ป้าสะใภ้รองมีเรื่องบางอย่างอยากจะ...”

“ป้าสะใภ้รอง ข้าขอตัวไปทักทายท่านย่าก่อนนะเจ้าคะ”

หลินเมิ่งหวันกล่าวด้วยรอยยิ้มและก้าวยาวๆ เข้าไปข้างใน

สวีซื่อกระทืบเท้าอย่างร้อนใจและทำได้เพียงตามเข้าไปทันที

นางกังวลมากจริงๆ ว่าหลินเมิ่งหวันจะพูดถึงเรื่องที่หลินซิงโหรวแย่งชุดของหลินจื่อยวนออกมาต่อหน้าหลินฮูหยินใหญ่

แค่วันก่อนที่นางไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้หลินจื่อยวน หลินฮูหยินใหญ่ก็ไม่พอใจมากๆ แล้ว

ถ้าหลินฮูหยินใหญ่รู้อีกว่าหลินซิงโหรวแย่งเสื้อผ้ากับเครื่องประดับที่หลินเมิ่งหวันซื้อให้หลินจื่อยวน หลินฮูหยินใหญ่จะต้องโกรธแน่ๆ และนางก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่ปฏิบัติต่อลูกของอนุภรรยาอย่างโหดร้าย

โชคดีที่ทุกเช้าหลินเมิ่งหวันจะแค่พูดคุยหยอกล้อกับหลินฮูหยินใหญ่ นอกจากนี้ยังเล่าเรื่องที่เซียงอ๋องซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บเมื่อวาน ทำให้หลินฮูหยินใหญ่สบายใจ

นอกจากนี้หลินเมิ่งหวันยังถามหลินฮูหยินใหญ่ว่าตอนเด็กๆ นางรู้จักกับฉีเยี่ยนหรือไม่ ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่หลินซิงโหรวแย่งชุดของหลินจื่อยวนเลย

“ตอนเด็กๆ เจ้าเคยพบกับเซียงอ๋องซื่อจื่อจริงๆ นั่นละ เซียงอ๋องซื่อจื่ออาศัยอยู่ในเมืองหลวงหลายปี แต่ตอนนั้นเจ้ายังเด็กมาก ไม่แปลกที่จะจำไม่ได้”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของหลินฮูหยินใหญ่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้แต่ริ้วรอยก็จางหายไปเล็กน้อย “ตอนเด็กๆ เจ้าชอบเล่นกับเซียงอ๋องซื่อจื่อ เซียงอ๋องซื่อจื่อยังบอกด้วยว่าพอโตขึ้น เขาจะ...”

คิดไม่ถึงว่าเสื้อผ้ากับเครื่องประดับนั้นจะมีราคาตั้งหลายพันตำลึง!

นางรู้อยู่แล้วว่าหลินเมิ่งหวันร่ำรวย ไม่ต้องพูดถึงของที่จวนฉินส่งมาให้ แค่ตอนที่ฉินก่วนหว่านผู้เป็นมารดาของหลินเมิ่งหวันแต่งงานเข้ามา สินเดิมของเจ้าสาวก็มีอยู่มากมาย เป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่มาก

เมื่อฉินก่วนหว่านเสียชีวิต หลินฮูหยินใหญ่ก็คิดจะนำสินสอดทองหมั้นคืนให้จวนฉิน แต่จวนฉินไม่ได้รับคืนไปและบอกว่าให้เก็บของเหล่านี้ให้หลินเมิ่งหวัน

ในช่วงปีแรกๆ จวนหลินเป็นฝ่ายจัดการธุรกิจการค้าเหล่านั้น เมื่อหลินเมิ่งหวันอายุได้ประมาณสิบปี จวนฉินก็ค่อยๆ ส่งมอบธุรกิจเหล่านั้นให้หลินเมิ่งหวัน เงินทองเครื่องประดับของฉินก่วนหว่านจึงถูกส่งมาถึงมือของหลินเมิ่งหวันตั้งนานแล้ว

สำหรับหลินเมิ่งหวัน เงินหลายพันตำลึงนั่นนับเป็นสิ่งที่เล็กน้อยยิ่งนัก

แต่สำหรับบ้านสองนั้นเทียบได้กับค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปีเลยทีเดียว!

หลินเมิ่งหวันมองสวีซื่อและกล่าวว่า “ป้าสะใภ้รอง ข้ารู้ว่ามันไม่ง่ายสำหรับพวกท่านที่จะหาเงินจำนวนนั้นมา แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ซิงโหรวทำเกินไป กับเรื่องเหล่านี้ข้าจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับพวกท่านทำไม”

สวีซื่อรีบกล่าวว่า “ใช่ๆๆ เป็นซิงโหรวที่ทำเกินไป ข้าสั่งให้นางส่งของคืนกลับไปให้จื่อยวนหมดแล้ว นอกจากนี้ข้ายังนำเครื่องประดับจำนวนมากของข้าไปให้จื่อยวนเป็นการทดแทนแล้วด้วย”

หลินเมิ่งหวันพยักหน้าและเอ่ยยิ้มๆ ว่า “สิ่งที่ป้าสะใภ้รองทำเรื่องย่อมเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว อยู่ที่ว่าท่านจะทำหรือไม่ ป้าสะใภ้รอง อย่างที่ข้าพูด อันที่จริงเรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญและค่อนข้างไม่เหมาะสมถูกต้อง แต่ตอนนี้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัย เมิ่งหวันคงต้องพูดมากหน่อย”

สวีซื่อเครียด ทว่าสีหน้ายังมีรอยยิ้ม

หลินเมิ่งหวันบอกว่า “แม้ว่าน้องจื่อยวนจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน แต่นางก็ยังเรียกท่านว่าท่านแม่ ท่านย่อมเลี้ยงดูน้องจื่อยวนอย่างดี ทว่าท่านก็มักจะลำเอียงไปทางพี่ซิงโหรวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติ และเมิ่งหวันก็เข้าใจดี เพียงแต่พี่ซิงโหรวแย่งของของน้องจื่อยวนตามอำเภอใจแบบนี้ ถ้าเรื่องนี้รู้ออกไปถึงหูคนอื่นคงจะไม่ดีแน่ๆ”

“ตอนนี้ข้ามีสัญญาหมั้นหมายกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ไม่รู้ว่ามีคนคอยเฝ้ามองจวนหลินของเรามากน้อยแค่ไหน เมื่อวันก่อนตอนที่ข้าพาน้องจื่อยวนไปซื้อของที่หอหนีฉังกับหอเจินเป่าก็มีคนพบเห็นอยู่มิใช่น้อย”

สีหน้าของสวีซื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลินเมิ่งหวันยังกล่าวต่อไปว่า “อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตอนที่ข้าอยู่ในหอเจินเป่ากับน้องจื่อยวนข้ายังได้เจอกับหลี่เล่อหย่ากับจี้เมิ่งฉีด้วย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก