ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 59

หลินฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วเป็นปม สีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก สุดท้ายไม่ได้พูดคำคัดค้านอะไรออกมา

นางเหลือบมองหลินซ่างซู แล้วสบตามองกันสลับไปมากับหลินซ่างซู

ฉู่โม่หยวนพูดแบบนี้ออกมา ชัดเจนว่ามีแผนการที่คิดไว้ในใจแล้ว

ฉู่โม่หยวนฐานะสูงส่ง การที่เขาอยู่เป็นเพื่อนหลินเมิ่งหวันนั้นคือเขาให้ความสำคัญหลินเมิ่งหวัน พวกเขาเป็นญาติของหลินเมิ่งหวัน การตักเตือนของพวกเขาก็ทำได้เพียงเท่านี้

ฉู่โม่หยวนรับประกันว่าจะรักษากฎเกณฑ์ คนของจวนหลินก็ไม่สามารถพูดได้มากกว่านี้แล้ว

ไม่อย่างนั้น ก็คือเป็นการไม่เชื่อใจฉู่โม่หยวน และเป็นการมองข้ามความหวังดีของผู้อื่น

หลินฮูหยินใหญ่นึกคิดเข้าใจกระจ่างแจ้งสิ่งเหล่านี้แล้ว จึงหาข้ออ้างว่าอายุมาก กล่าวลาฉู่โม่หยวนแล้วกลับไป

แต่ฉู่โม่หยวนอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าหลินซ่างซูไม่สามารถกลับไปได้

ไม่ว่าจะเพื่อแสดงออกถึงความเป็นพ่อที่ห่วงใยหรือให้ความสำคัญหลินเมิ่งหวัน หรือเพื่อจับตาดูฉู่โม่หยวน หลินซ่างซูก็ทำได้เพียงอดหลับอดนอนอยู่ที่นี่กับฉู่โม่หยวนด้วย

เวลาค่อยๆผ่านไปช้าๆ จนเทียนไขบนแท่นรวมตัวกันเป็นน้ำมันเทียนไข

หลินซ่างซูง่วงอย่างมาก เชื้อเชิญฉู่โม่หยวนไปนอนบนเตียงไม้นุ่มอยู่หลายครา แต่ฉู่โม่หยวนทำราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย ตั้งแต่ต้นจนจบนั่งยืดตัวตรงอยู่ข้างเตียงของหลินเมิ่งหวัน

“พูดจาเลอะเทอะ……เจ้าพูดจาเลอะเทอะ……อย่า!”

จู่ๆหลินเมิ่งหวันก็ตะโกนออกมา แล้วลืมตาขึ้นทันที

ทั้งตัวของนางเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ไม่สามารถออกแรงได้เลย และทรวงอกกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรง

ภาพเหตุการณ์น่ากลัวนั้นในหัวของหลินเมิ่งหวันยังคงสลัดออกไปไม่ได้

นางฝันไป

นางฝันว่าตัวเองถูกขังไว้ที่คุกใต้ดิน หลินเป้ยเหยากับหลี่จิ่นซูอยู่ตรงหน้านาง และนับหลักฐานการสมรู้ร่วมคิดทรยศหักหลังบ้านเมืองของจวนฉินอย่างละเอียด

หลังจากนั้นฉากสถานการณ์เปลี่ยน นางก็มาอยู่ที่ปากทางตลาดสด

ทุกคนของจวนฉินสวมใส่ชุดนักโทษ ถูกมัดคุกเข่าอยู่ด้านนั้น

มือสังหารอยู่ด้านหลังพวกเขา ในมือมีดาบอันแหลมคมอยู่ และฟาดตัดไปทางคอพวกเขาด้วยความอำมหิต

หลังจากนั้น จึงมีเลือดสีแดงฉานเต็มอณู

หลินเมิ่งหวันสีหน้าซีดเผือด หัวใจยังกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง มือหยาบกระด้างและอบอุ่นข้างหนึ่งกำลังวางอยู่บนหน้าผากของนาง

ภายในใจหลินเมิ่งหวันสั่นสะท้าน หลบหลีกโดยไม่รู้ตัวเล็กน้อย และรีบหันศีรษะ ทว่ากลับพบสิ่งที่น่าตื่นตะลึงคือฉู่โม่หยวนนั่งอยู่ข้างกายนาง

“ไข้น่าจะลดลงแล้ว”ฉู่โม่หยวนดึงมือกลับ แล้วหันไปกล่าวหมอหลวงที่อยู่ด้านข้างว่า“ช่วยนางดูหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงตอบรับด้วยความเคารพ และรีบไปข้างเตียงหลินเมิ่งหวัน จากนั้นนั่งลงบนตำแหน่งก่อนหน้าของฉู่โม่หยวน

หลินเมิ่งหวันยังอยู่ในสภาวะค่อนข้างมึนงง

ตอนที่เห็นฉู่โม่หยวน หลินเมิ่งหวันยังนึกว่าตนเองแต่งเข้าจวนจิ่งอ๋องเสียแล้ว

จิตใต้สำนึกหลินเมิ่งหวันเกิดความสงสัยว่าตนเองเกิดใหม่อีกครั้งแล้วใช่หรือไม่

แต่ไม่นานก็พบว่า อุปกรณ์ของตกแต่งตรงหน้านี้ เป็นของภายในห้องของนาง

เจินจูกับเฝ่ยชุ่ยยืนด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างเตียง สวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกันกับตอนที่สวมใส่ไปจวนฉินเป็นเพื่อนนาง

นางเสมือนว่ายังใช้ชีวิตของชาตินี้แหละ

แต่ว่าเหตุใด ฉู่โม่หยวนถึงอยู่ที่นี่?

หลินเมิ่งหวันคอแห้งอย่างหนัก ไร้เรี่ยวแรงที่จะเอ่ยปาก

หลินฮูหยินใหญ่ชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าหลินเมิ่งหวันจะพูดคำเหล่านี้ออกมาได้

เห็นหลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วเป็นปม กล่าวอย่างต่อเนื่องว่า“เมื่อก่อนข้าตาบอดพร่ามัวที่พอใจถูกใจ หลี่จิ่นซู ทำเรื่องไม่ดีมากมาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง ตอนนี้จะอภิเษกสมรสกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทุกคนล้วนคิดว่าข้าไม่คู่ควรกับเขา เพราะฉะนั้นข้าเลยค่อนข้างไม่มั่นใจตัวเอง”

“ท่านย่า ท่านว่าหากทุกอย่างสามารถเริ่มต้นใหม่ได้จะดีแค่ไหนกัน? ข้าไม่รู้จักหลี่จิ่นซู ไม่ตาบอดตาลายถูกอกถูกใจเขา ข้าเติบโตอย่างมั่นคงแน่วแน่ รอฮ่องเต้ออกพระราชโองการพระราชทานการอภิเษกสมรสให้ ข้าจะต้องอภิเษกสมรสกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยได้อย่างสมบูรณ์แบบและดีอย่างแน่นอน…..”

น้ำเสียงหลินเมิ่งหวันแหบพร่า ดวงตาแดงก่ำไม่รู้ตัว

หลินเมิ่งหวันรู้สึกว่าตนเองอาจจะโลภเกินไปแล้ว แต่ช่วงนี้นางคิดอยู่หลายหน ในเมื่อพระเจ้าให้นางเกิดใหม่ เหตุใดถึงไม่ให้นางเกิดใหม่แบบเล็กธรรมดาสักหน่อย?

เหตุใดนางจะต้องรู้จักกันกับหลี่จิ่นซู เหตุใดจะต้องหวั่นไหวกับหลี่จิ่นซู?จนกระทั่ง เหตุใดจะต้องถูกหลี่อี๋เหนียงกับหลินเป้ยเหยาหลอกหัวปักหัวปำ?

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไร้ซึ่งคำตอบ แต่หลินเมิ่งหวันรู้คือ ตนเองจะต้องรักษาทะนุถนอมโอกาสที่ได้กลับมามีชีวิตอีก

หลินเมิ่งหวันสูดหายใจเข้าลึกๆ กดอารมณ์ความรู้สึกที่หมุนขึ้นหมุนลงไว้ภายในใจ ยิ้มให้กับหลินฮูหยินใหญ่แล้วกล่าวว่า“ท่านย่า ท่านวางใจเถิด ต่อไปข้าจะไม่คิดมั่วซั่วแล้ว ช่วงวันเวลาเหล่านี้ข้าจะรักษาฟื้นฟูสุขภาพตนเอง จากนั้นไปเข้าร่วมเทศกาลดอกไม้”

“อยู่ที่เทศกาลดอกไม้แค่ข้าแสดงออกมาได้ดี ทุกคนจะต้องเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น ก็ไม่มีคนรู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยแล้ว”

สีหน้าของหลินเมิ่งหวันยังค่อนข้างซีดเผือด แต่รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา

หลินฮูหยินใหญ่ชะงักงัน ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าสิ่งที่หลินเมิ่งหวันพูดนั้นจริงหรือไม่จริง แต่ในเมื่อหลินเมิ่งหวันมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว แน่นอนว่าหลินฮูหยินใหญ่ไม่มีทางสาดน้ำเย็นประโลมใส่นางหรอก

หลินฮูหยินใหญ่ยิ้มกล่าวว่า“เมิ่งหวันของพวกเราเก่งกาจขนาดนี้ แน่นอนว่าคู่ควรกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ไม่ว่าอยู่ที่เทศกาลดอกไม้นั้นเจ้าจะแสดงออกมาอย่างไร คนอื่นล้วนสู้ไม่ได้”

“ท่านย่า แบบนี้คือไม่รังเกียจความอัปลักษณ์ครอบครัวของตนเองเจ้าค่ะ…..”หลินเมิ่งหวันกล่าวยิ้มๆ

หลินฮูหยินใหญ่รีบกล่าวว่า“เมิ่งหวันของพวกเราไม่อัปลักษณ์ หากเจ้าอัปลักษณ์ ในเมืองหลวงนี้ก็ไม่มีแม่นางสาวงามแล้ว”

ย่าหลานคุยกันถูกคอหัวเราะคิกคัก ระหว่างที่พูดคุยกัน เฝ่ยชุ่ยได้สาวเท้าก้าวเข้ามา

สีหน้าของ เฝ่ยชุ่ยค่อนข้างกดดัน ถอนสายบัวกล่าวว่า“ฮูหยินใหญ่ คุณหนูรอง พระราชโองการถึงแล้วเจ้าค่ะ ขอเชิญคุณหนูรองกับฮูหยินใหญ่ไปรับพระราชโองการด้วยเจ้าค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก