ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 76

ทุกคนที่อยู่ในโถงด้านหน้าหวั่นใจ ฉู่โม่หยวนหลุบตามองทั้งสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “พวกเจ้าว่ามา”

พ่อบ้านของห้องอาหารรีบคลานเข้ามาใกล้ “ข้าน้อย... ข้าน้อยพูดแล้วพ่ะย่ะค่ะ... เป็นหลี่อี๋เหนียงที่นำของบำรุงมา บอกว่าควรนำไปให้ฮูหยินใหญ่ สั่งให้ข้าน้อยทำไปให้ฮูหยินใหญ่กิน ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะว่าของนั่นจะมีปัญหา แค่ทำตามหลี่อี๋เหนียงด้วยความตั้งใจดีก็เท่านั้น...”

หลี่อี๋เหนียงเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง “เป็นเพราะของบำรุงนั่นงั้นรึ”

นางรีบคุกเข่าลงตรงหน้าและคว้าชายเสื้อของหลินซ่างซู “นายท่าน ข้าไม่ได้ทำจริงๆ นะเจ้าคะ อาหารบำรุงนั่นล้วนเป็นของที่ท่านมอบให้ข้ากับเป้ยเหยา ทั้งยังมีโสมบำรุงร่างกายที่จวนหลี่ส่งมาให้เป้ยเหยาตอนที่เป้ยเหยาป่วยเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าคิดว่าเป้ยเหยายังเด็ก นอกจากนี้นางยังอาการดีขึ้นมาก คิดว่านำมาให้ฮูหยินใหญ่คงจะดีกว่า ดังนั้นจึงนำของบำรุงนั่นไปให้ที่ห้องอาหาร”

“นายท่านโปรดไตร่ตรองด้วย ข้ามาแสดงความเคารพฮูหยินใหญ่ไม่ทันด้วยซ้ำ จะทำร้ายนางได้อย่างไร” หลี่อี๋เหนียงกัดฟัน “ต่อให้... ต่อให้ข้าคิดจะทำร้ายฮูหยินใหญ่จริงๆ ข้าจะนำของมาให้ด้วยตัวเองแล้วรอให้คนมาจับข้าทำไม นายท่านโปรดเมตตาด้วย ข้าไม่ได้ทำจริงๆ นะเจ้าคะ!”

น้ำตาของหลี่อี๋เหนียงเหมือนสายฝนในช่วงเทศกาลเช็งเม้งที่ร่วงหล่นราวกับไม่อยากจะได้กระดาษเงิน

หลินซ่างซูลังเลเล็กน้อย สิ่งที่หลี่อี๋เหนียงพูดมาก็มีเหตุผลจริงๆ

เขาหันไปมองฉู่โม่หยวนโดยไม่รู้ตัว แต่เสวียนยีกลับเอ่ยว่า “ใต้เท้าหลินฟังคำสารภาพให้จบเสียก่อนค่อยตัดสินดีกว่า”

เสวียนยีหลุบตามองซึ่งเป็นคนรับใช้ปัดกวาดชื่อชุ่ยหงที่คุกเข่าอยู่ที่โถงด้านหน้า ฝ่ายหลังตัวสั่นและรีบก้มหน้าทันที “หลี่อี๋เหนียงให้เงินบ่าวเจ้าค่ะ สั่งให้บ่าวนำเครื่องหอมที่คุณหนูเป้ยเหยาปรุงไปวางไว้ในเรือนของฮูหยินใหญ่ บ่าว... บ่าวไม่รู้ว่าหลี่อี๋เหนียงกับคุณหนูเป้ยเหยามีเจตนาที่จะทำร้ายฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ เครื่องหอมนั้นฮูหยินใหญ่เองก็ใช้มานานแล้วและไม่เคยมีปัญหาเลย ขอนายท่านโปรดเมตตาด้วย...”

“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร” หลินเป้ยเหยาตวาดเสียงแหลม ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้และหันไปมองหลี่อี๋เหนียงทันที

ประมาณสองปีก่อน หลี่อี๋เหนียงมอบสูตรเครื่องหอมให้หลินเป้ยเหยา บอกว่าเป็นสูตรที่หาได้ยากและบอกให้นางปรุงไปตามนั้น

นอกจากนี้ หลังจากทิ้งช่วงไประยะหนึ่ง หลี่อี๋เหนียงจะสั่งให้นางทำสักครั้ง

หลินเป้ยเหยาไม่คิดอะไรมากและทำตามที่นางบอก แต่หลินเป้ยเหยารู้สึกแปลกอยู่เรื่องหนึ่งว่าในสวนดอกบัวไม่เคยใช้เครื่องหอมนั้นเลย

นางเคยถามหลี่อี๋เหนียง หลี่อี๋เหนียงบอกนางว่าเครื่องหอมนี้ถูกมอบให้คนอื่นทั้งหมดและจะมีประโยชน์มากในอนาคต

จากนั้นหลี่อี๋เหนียงก็ไม่คิดจะพูดอะไรอีก ดังนั้นหลินเป้ยเหยาจึงไม่ได้ถามอะไรให้มากความ

แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ชุ่ยหงบอก ภายในใจของหลินเป้ยเหยาก็เต็มไปด้วยกระแสคลื่นอันปั่นป่วน

เป็นไปได้ไหมว่า... เครื่องหอมที่หลี่อี๋เหนียงให้นางปรุงจะถูกส่งมาที่สวนสนทั้งหมด!

หลินเป้ยเหยามองหลี่อี๋เหนียงด้วยความตกตะลึง ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย

แต่เวลานี้มีคนอยู่มากมาย ดังนั้นนางจึงไม่อาจถามออกไปได้

น้ำตาของหลี่อี๋เหนียงยังคงหลั่งริน นางไม่ได้มองหลินเป้ยเหยาและทำเพียงดึงชายเสื้อของหลินซ่างซู เอ่ยอย่างสะอึกสะอื้นว่า “นายท่าน ข้านำเครื่องหอมที่เป้ยเหยาปรุงไปให้ชุ่ยหงจริงๆ เจ้าค่ะ”

มีเสียง ‘ตูม’ ดังขึ้นในใจ หลินเป้ยเหยารู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างระเบิดอยู่ในหัวของนาง

มารดาผู้ในกำเนิดนางลากนางเข้าไปเอี่ยวจริงๆ นอกจากนี้ยังไม่แก้ต่างให้นางสักคำ!

หลินซ่างซูมองหลี่อี๋เหนียงด้วยความตกตะลึง “เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้”

หลี่อี๋เหนียงร้องคร่ำครวญ มองหลินซ่างซูทั้งน้ำตานองหน้า “นายท่าน ข้าร้อนใจเจ้าค่ะ!”

แต่สิ่งที่เสวียนยีกล่าวตามมากลับทำให้หลินซ่างซูใจหายอีกครั้ง

“แม้เครื่องหอมจะไม่มีพิษ แต่ยาบำรุงร่างกายเป็นของร้อน นอกจากนี้ยังเป็นยาที่แช่หมักในน้ำ ผลที่ได้จึงรุนแรงมาก คนทั่วไปหากใช้เพียงแค่เครื่องหอมหรือกินเพียงแค่ยาบำรุง ผลที่มีต่อร่างกายคงไม่อันตราย แต่ถ้าใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะก่อให้เกิดความผิดปกติของเลือดขึ้นมา”

ดวงตาของหลินซ่างซูเบิกกว้างด้วยความตกใจ จางซื่อที่อยู่ในโถงด้านหน้ามือเท้าเย็นวาบ

หลี่อี๋เหนียงมีความคิดที่โหดเหี้ยมเช่นนี้จริงๆ หรือ?

หลี่อี๋เหนียงส่ายหน้าด้วยความตื่นตระหนกและคิดจะแก้ต่าง

แต่ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปาก กู่เยว่หานก็ออกมาจากห้อง เอ่ยเสริมจากเสวียนยีด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า “ไม่ใช่แค่นั้น ยาบำรุงนั่นยังส่งมาได้อย่างประจวบเหมาะอีกด้วย”

“ไม่กี่วันมานี้ฮูหยินใหญ่โกรธมากจนความดันขึ้น เกิดความร้อนในโลหิต ยิ่งมีผลของยาบำรุงกับเครื่องหอมร่วมด้วย หลินฮูหยินใหญ่จึงหมดสติทันที นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของชีพจรยังเหมือนกับอาการสมองอุดตันขาดเลือด แต่อาการของฮูหยินใหญ่คือเลือดออกในสมอง ถ้าผู้วินิจฉัยไม่มีประสบการณ์มากพอจะต้องให้ยาผิดแน่นอน!”

“เมื่อแม่น้ำถูกซัดจนทรุดก็ควรซ่อมแซม แต่ถ้าไปขุดลอกอีก กระแสน้ำก็จะยิ่งรุนแรงปั่นป่วน เพราะข้ามาทันเวลา วันนี้จึงโชคดีช่วยชีวิตหลินฮูหยินใหญ่ไว้ได้ ถ้าหลินฮูหยินใหญ่ใช้ยากระตุ้นการไหลเวียนโลหิต แม้แต่ต้าหลัวเซียนก็คงช่วยอะไรนางไม่ได้”

กู่เยว่หานมีสีหน้าเย็นชา คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและทรงพลัง

หลินเมิ่งหวันกำหมัดแน่นและรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว ความโกรธและความเกลียดชังพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ ทำให้นางอยากจะฉีกหลี่อี๋เหนียงออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น!

ฉู่โม่หยวนรับรู้ถึงกระแสอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของหลินเมิ่งหวัน เขาโอบนางไว้ในอ้อมแขนอย่างเงียบเชียบ รู้สึกได้ชัดเจนว่าหลินเมิ่งหวันที่อยู่ในอ้อมแขนกำลังสั่นเทาจนยากจะควบคุม

กู่เยว่หานหลุบตามองหลี่อี๋เหนียงและกระตุกริมฝีปากอย่างเย็นชา “บอกมาดีกว่า ว่าใครทำให้เจ้าคิดการแบบนี้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก