หลินเมิ่งหวันผลักมือของฉู่โม่หยวนออก มองหลินเป้ยเหยาด้วยสายตาที่เย็นชา “ไม่มีใครคิดจะขู่เข็ญพวกเจ้าให้ตาย แต่ถ้าพวกเจ้ากล้ารนหาที่ตาย ข้าจะไม่เกรงใจแน่นอน”
หลินเป้ยเหยาใจสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่และไม่กล้าสบตาหลินเมิ่งหวัน
หลินเมิ่งหวันเงยหน้ามองฉู่โม่หยวนที่อยู่ข้างกาย “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย สำนักตรวจการก็มีหมอนี่เพคะ”
ฉู่โม่หยวนพยักหน้าอย่างเข้าใจความหมายของหลินเมิ่งหวัน “เสวียนยี พาตัวนางกลับไป”
เมื่อที่สำนักตรวจการมีหมออยู่ด้วย การสอบสวนจึงยังดำเนินการต่อไปได้
เสวียนยีรับคำสั่งและก้าวไปข้างหน้า หลินเป้ยเหยากรีดร้องคอยปกป้องอยู่ตรงหน้าหลี่อี๋เหนียง พร้อมกันนั้นก็ร้องขอให้หลินซ่างซูช่วยเหลือไม่หยุด
หลินซ่างซูมองหลินเมิ่งหวันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “หลินเมิ่งหวัน ในสายตาของเจ้ายังมีพ่ออย่างข้าอยู่หรือไม่! ตอนนี้เจ้ายังไม่ได้แต่งงานเข้าจวนจิ่งอ๋อง แต่กลับคิดจะใช้ฐานะของจิ่งหวังเฟยมากดขี่ผู้อื่นรึ! พ่อจะบอกเจ้าให้ ว่าในจวนแห่งนี้ เจ้าไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจ!”
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย เรื่องนี้กระหม่อมจะจัดการเองพ่ะย่ะค่ะ ขอจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว”
หลินซ่างซูระงับโทสะและคำนับฉู่โม่หยวนอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงของเขากลับแข็งกร้าวและเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะเป็นองค์ชาย แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจของครอบครัวขุนนาง
หลินเมิ่งหวันมองหลินซ่างซูอย่างผิดหวังก่อนจะหัวเราะเยาะ “เฮอะๆ ท่านพ่อ ท่านคิดว่าเกียรติของท่านสำคัญกว่าชีวิตของท่านย่าอย่างนั้นสินะ”
“หุบปาก!” อยู่ๆ หลินซ่างซูก็ถูกอ่านใจออกและแก้มของเขาก็ร้อนผ่าว เขากัดฟันกรอด พยายามควบคุมความโกรธขณะมองหลินเมิ่งหวันและกล่าวว่า “เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด เจ้าจำเป็นจะต้องทำให้เรื่องมันแย่ลงด้วยรึ”
“ฮูหยินใหญ่ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!”
เสียงอันน่าตกใจดังขึ้นมา หลินเมิ่งหวันดีใจมาก นางไม่สนใจผู้คนที่อยู่ในโถงด้านนอกและรีบยกกระโปรงวิ่งเข้าไปในห้องทันที
ภายใต้แสงไฟสลัว หลินฮูหยินใหญ่กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง
สีหน้าของนางเหลืองซีด นัยน์ตาที่ดูฉลาดลุ่มลึกอยู่เสมอหม่นแสงลงไปมากจนมองเห็นความอ่อนแอได้อย่างง่ายดาย
“ท่านย่า...” ทันทีที่เอ่ยปาก น้ำตาของหลินเมิ่งหวันก็ไหลออกมาทันที
หลินฮูหยินใหญ่มองหลินเมิ่งหวันอย่างทุกข์ใจ นางเอื้อมมือออกไปหา และหลินเมิ่งหวันก็คว้ามือของนางไว้ทันที ฝ่ายหลังพยายามแย้มมุมปาก อยากจะยิ้มเพื่อปลอบประโลมหลินเมิ่งหวัน
“เด็กดี ย่าไม่เป็นไร...”
น้ำเสียงที่อ่อนแรงดังเข้ามาในโสตประสาท หลินเมิ่งหวันมองท่าทีที่อ่อนแรงของหลินฮูหยินใหญ่และยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาพลันไหลออกมาหนักยิ่งกว่าเดิม
ผู้คนในโถงด้านหน้าเดินตามเข้ามา กู่เยว่หานรีบก้าวเข้ามาตรวจชีพจรให้หลินฮูหยินใหญ่
ทันใดนั้นกู่เยว่หานก็บอกว่า “ฮูหยินใหญ่พ้นขีดอันตรายแล้ว”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
กู่เยว่หานบอกต่อไปว่า “ฮูหยินใหญ่อายุมากแล้ว คราวนี้ร่างกายทรุดโทรมอย่างรุนแรง ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่ ช่วงนี้ฮูหยินใหญ่ต้องอย่าออกแรงมากและต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วย”
ทุกคนพากันพยักหน้า จากนั้นกู่เยว่หานจึงกล่าวอีกว่า “ฮูหยินใหญ่ยังจำเป็นต้องพักผ่อนให้มาก ทุกคนแยกย้ายกันไปก่อนเถิด ถ้ามีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง วันนี้ข้าจะฝังเข็มให้ฮูหยินใหญ่อีกครั้ง”
ทุกคนรู้ว่ากู่เยว่หานเป็นหมอเทวดา ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยในคำพูดของเขา ด้วยเหตุนี้หลังจากทำความเคารพหลินฮูหยินใหญ่ ทุกคนจึงทยอยแยกย้ายกันออกไปจากห้อง เหลือเพียงหลินเมิ่งหวันเท่านั้นที่ยังอยู่ข้างเตียงของหลินฮูหยินใหญ่โดยบอกว่าจะเป็นลูกมือให้กู่เยว่หาน
เมื่อมาถึงโถงด้านหน้า หลินซ่างซูก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เวลานี้หลินเป้ยเหยากำลังคุกเข่าปิดปากอยู่บนพื้น ส่วนหลี่อี๋เหนียงที่สลบไม่ได้สติกลับหายตัวไปแล้ว
พระองค์เคาะนิ้วที่เรียวยาวลงบนโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงน่าอึดอัดจนทำให้คนฟังเครียดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้นพระองค์ก็พึมพำว่า “เจ้าหกช่างเอาใจใส่แม่นางตระกูลหลินจริงๆ”
ขันทีใหญ่หวังกงกงที่อยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฝ่าบาททรงหมายถึง นี่เป็นการอภิเษกที่ดีใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตรัสเรียบๆ ว่า “ข้าได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้แม่นางตระกูลหลินสนใจบุตรชายของหลี่เฉิงเซี่ยงกับอนุภรรยามาก”
หวังกงกงใจหายวาบ เขาขมวดคิ้วและไม่กล้าพูดอะไรอีก
เรื่องที่หลินเมิ่งหวันชอบหลี่จิ่นซูไม่ใช่ความลับ ดังนั้นหวังกงกงย่อมต้องเคยได้ยินเช่นกัน
แต่ต่อให้เขามีความกล้ากว่านี้สักแปดเท่า เขาก็ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้
ฮ่องเต้เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินคำตอบจากเขา พระองค์ลุกขึ้นและตรัสว่า “เตรียมรถม้า ข้าจะไปหาฮองเฮา”
หลินเมิ่งหวันคอยเฝ้าอยู่ที่สวนสนตลอดทั้งคืน พอเช้าวันรุ่งขึ้น สีหน้าของหลินฮูหยินใหญ่ก็ดีขึ้นมาก
หลินเมิ่งหวันสบายใจขึ้นมาก จากนั้นนางจึงตั้งใจจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวนแสงอรุณ
แต่ทันทีที่หลินเมิ่งหวันแต่งตัวเสร็จ นางก็ได้ยินเฉินเซียงบอกว่าคนของจวนหลี่เฉิงเซี่ยงมาหา เวลานี้กำลังไปพบหลินซ่างซูที่โถงด้านหน้า
หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วแน่น นางสั่งให้เจินจูกับเฟ่ยซุ่ยไปคอยดูแลที่สวนสนก่อน จากนั้นนางจึงรีบไปที่โถงด้านหน้ากับเฉินเซียง
แต่เมื่อมองเห็นคนที่อยู่ในโถงด้านหน้าจากระยะไกล หลินเมิ่งหวันก็ตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก