ภายไม่กี่วินาทีนั้น จิตใจของเบียงก้าก็ว่างเปล่า!
เธอขมวดคิ้วและตำหนิตัวเองที่ใจอ่อน
'เบียงก้า อย่าลืมสิ เธอมีฌองอยู่แล้วนะ!'
'ฌองเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอจะมีอารมณ์ด้วยได้นะ!'
“คุณอยู่กับผมแล้วนะ ทำไมคุณถึงได้คิดฟุ้งซ่าน!” เขากระชากเสื้อคลุมสีขาวของเธออออกอย่างแรง
ความรู้สึกชุ่มชื้นและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแผ่ซ่านไปทั่วริมฝีปากของเธอ
จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและจูบลงบนเส้นผมของเธอ หลังจากผ่านเวลาไปอย่างยาวนาน เสียงต่ำของเขาก็พูดเข้าหูเธออย่างเย้ายวน
เมื่อได้ยินเสียงต่ำของชายคนนั้น เบียงก้ากำลังจะอกแตกตาย!
ลุคมีกลิ่นครีมอาบน้ำอันหอมหวน กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นเดียวกับที่เธอใช้ นั่นหมายความว่าตอนที่อาบน้ำ ชายคนนี้เพิ่งใช้ครีมอาบน้ำของเธองั้นสิ
เบียงก้ารู้ดีว่ามันอันตรายเพียงใดถ้าเธอไม่ขัดขืนตั้งแต่ตอนนี้
แต่แค่ออกแรงดิ้นยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือขอโทษเจ้านายของตนเสียก่อน เพราะเธอกำลังจะทำเรื่องที่ไม่น่าเคารพกับเขาเสียแล้ว แต่อย่างน้อยคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างตอนนี้!
ดวงตาของเบียงก้าเริ่มคุ้นชินกับความมืด และตอนนี้เธอสามารถเห็นลักษณะอันละเอียดอ่อนของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน แสงสลัวส่องมาที่เขา ทำให้เขาดูเหมือนฝัน โดยเฉพาะริมฝีปากบางของเขาช่างดูเย้ายวนเหลือเกิน
สำหรับคนที่ไม่รู้จักเขาดีพอ คงจะบอกได้เลยว่าชายคนนี้เป็นตัวพ่อในวงการหนังอย่างว่าแน่นอน กลิ่นฟีโรโมนฟุ้งกระจายไปตามท่วงท่าของเขา
เบียงก้าบีบมือลงบนร่างกายของชายคนนั้นอย่างแรง จากนั้นเธอก็รวบรวมความกล้าและยกขาขึ้น
เธองอเข่าและกระแทกเข้าไปในใต้ท้องน้อยของชายคนนั้นอย่างแรง!
“โอ้ย”
มีเสียงอวดครวญครางอู้อี้ และชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างหนัก เขากลืนความเจ็บปวดนั้นกลับเข้าไปในลำคอของเขา
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เธอสะบัดตัวไปทางซ้ายและขวาเพื่อต่อสู้ขัดขืน
ชายคนนั้นคว้าข้อมือเธอไว้ทันใด ซึ่งทำให้เธอเจ็บไม่น้อย
ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดออกจากเงื้อมมือของเขาได้
วินานั้น เบียงก้าพลันนึกว่านี่คงจะเป็นจุดจบของเธอแล้วสินะ เธอคงจะหนีไปไหนไม่รอดแล้ว
ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ปล่อยเธอไปในทันที
จิตใจของเธอก็ว่างเปล่า สิ่งแรกที่เธอต้องการทำคือวิ่ง วิ่งหนีจากเขาให้เร็วที่สุด
เธอปิดประตูเสียงดังมากเสียจนทำให้เด็กน้อยสองคนขยับตัวอยู่บนเตียงและค่อย ๆ ลืมตาตื่น
…
เที่ยงคืนแล้ว และเบียงก้าเดินไปตามทางเดินของโรงแรม เธอไม่กล้าเดินอ้อยอิ่งแบบนี้นาน ๆ แล้วก็ยังกลับห้องนอนไม่ได้ เธอก็ไม่กล้าจะไปนั่งอยู่ที่ห้องน้ำรวมด้วย เพราะว่ามันเปลี่ยวเกินไป
ในที่สุดเธอก็ขึ้นลิฟต์และลงไปที่ชั้นล่าง
แสงไฟสว่างจ้าที่ล็อบบี้โรงแรม
มีพนักงานต้อนรับสองคนที่เคาน์เตอร์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คนยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร ไม่มีใครสามารถล่วงละเมิดเธอได้อีก แม้ว่าพวกเขาจะพยายาม ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ห่างออกไปเพียงสองเมตรเท่านั้น
ที่นี่เป็นที่ปลอดภัยมาก
“นี่ค่ะ คุณผู้หญิง” พนักงานต้อนรับคนหนึ่งใจดีรินชาร้อนให้เธอ
"ขอบคุณค่ะ" เบียงรับชาและจิบเล็กน้อย มันทำให้ร่างกายที่เย็นเฉียบของเธออบอุ่นขึ้น
ช่างเป็นค่ำคืนที่ยาวนานเสียเหลือเกิน
แต่อย่างน้อยที่สุด การรอคอยที่แสนทรมานก็จบลงในที่สุด
…
เบียงก้าตื่นขึ้นมาด้วยความหนาวเย็นในเช้าวันรุ่งขึ้น แม้ว่าจะมีผ้าห่มอยู่บนตัว แต่เธอ
รู้ว่าตอนนี้จมูกของเธอมีปัญหาเสียแล้ว และร่างกายของเธอก็หนาวสั่นไปหมด
ตอนนี้เธอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เธอต้องรับมือกับผลที่ตามมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
เบียงก้ากอดแขนตัวเองและครุ่นคิด ‘ถ้าเจ้านายขอโทษอย่างจริงใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ฉันอาจยอมรับคำขอโทษจากเขาได้ ถ้าเขาไม่สำนึกผิดเลย ฉันจะลาออกโดยไม่คิดอะไรเลยทั้งนั้น'
เธอรู้ว่าการล่วงละเมิดทางเพศผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้ชายนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำซากจำเจ
พวกเขาสบตากัน และทันใดนั้น เบียงก้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
ชายหนุ่มตรงหน้าเธอสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เขาสูงโปร่งและรูปร่างดีอย่างมาก ไหล่กว้างและสะโพกแคบ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งห่อหุ้มลำตัวและกระชับพอดี
ตอนนี้เขาดูมีระดับและเป็นสุภาพบุรุษ ราวกับว่าชายโฉดที่ตรึงเธอไว้อย่างรุนแรงเมื่อคืนนี้
ทั้งกอดและจูบเธออย่างหิวโหยเป็นอีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง
“เมื่อคืนคุณเมามากค่ะ คุณครอว์ฟอร์ด” เธอกล่าว
“ใช่ แต่ผมจำบางช่วงสั้น ๆ ได้ เมื่อคืนคุณใช่ผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า” เขาถามอย่างเย็นชา
จังหวะหายใจของเบียงก้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาของเขาทำให้เธอหวั่นไหว เขาคิดเหรอว่า
เธอ… ตั้งใจดึงเขาเข้ามาในห้องนอนเมื่อคืนเพื่อที่จะได้มีสัมพันธ์กับเจ้านายของตัวเองงั้นเหรอ…?
เบียงก้ารีบโบกมือใส่เขา “ไม่ใช่ฉันค่ะ! ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากที่คุณยึดห้องของฉันเมื่อคืนนี้ ก็มีพนักงานทำความสะอาดเข้าไปข้างใน แต่เธออยู่ข้างในเพียงห้านาทีก่อนจะออกมาอีกรอบค่ะ”
ชายคนนั้นยังคงจ้องมองเธออยู่ สายตาของเขามองไปที่ใบหน้าของเธอ เขาจ้องไปที่คิ้ว ดวงตาปลายจมูก และริมฝีปากของเธอ
จริง ๆ แล้วเธอต้องการแค่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย แต่เนื่องจากเจ้านายของตนลืมเรื่องนี้ไปหมด เธอจึงไม่มีเจตนาจะกล่าวหาเจ้านายในสิ่งใด
ตายล่ะ ทำไมเธอถึงพูดว่าห้านาทีละ? เธอควรจะบอกว่ามันเป็นชั่วโมงสิ!
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? เธอขโมยอะไรไปรึเปล่าคะ?” เบียงก้าเอ่ยถาม
ชายคนนั้นขมวดคิ้วและพูดประชดประชันว่า “เธอไม่ได้ขโมยอะไรเลย แต่ผมคิดว่าเธอจับโดนตรงนั้นของผม”
ใบหน้าของเบียงก้าแดงเล็กน้อยในทันที แต่เธอกลับไม่รู้ตัวแต่อย่างใด
“คือ… คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ? ไปโรงพยาบาลไหมคะ?” เบียงก้าเอ่ยถามด้วยความตกใจ
ดวงตาที่เฉียบคมของชายผู้นั้น สบตากับสายตาที่เย้ายวนของเธอ “จริง ๆ แล้ว ผมเป็นห่วงเธอหัวเข่าเธอมากกว่า”
เบียงก้า “…”
"ไม่ว่าอะไรก็ตาม เนื่องจากผู้หญิงคนนั้นทำหน้าที่ดูแลห้อง ฉันแน่ใจว่าในระหว่างการทำงาน เธอคงเคยโดนชนมาบ้างแหละ” ชายคนนั้นพูดอย่างอ่อนโยน จากนั้น เขาหยิบบุหรี่ขึ้นสูบด้วยใบหน้าอันบูดบึ้งโดยไม่สนใจเบียงก้าแม้แต่น้อย เขาเคาะขี้บุหรี่และเดินออกไป
เธอยืนนิ่งไม่ไหวติ่งอยู่ตรงนั้น ณ ตอนนี้ เบียงก้ารู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหัวเข่าขึ้นมา... แม่ของลานี่และเรนนี่ก็ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทำไมเจ้านายถึงทำตัวบ้าแบบนี้กันนะ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก