“เดี๋ยวฉันค่อยไปค่ะ เผอิญเขายังไม่เลิกงาน” ขณะที่เบียงก้าพูดนั้น เวลาก็ผ่านไปเป็นนาทีและเตาไมโครเวฟก็หยุดการทำงานลง
ลุคยืนห่างจากอยู่ด้านหลังเธอไปราวหนึ่งเมตร ในตอนที่เขาคิดวิธีที่เบียงก้าพูดถึงผู้ชายคนนั้น
มีเจ้าหน้าไหนไม่รู้ใจกล้าชักนำให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาในชีวิตเธอเนี้ยนะ
เบียงก้าไม่กล้าคิดไปไกล เพราะกลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ดังนั้นเธอจึงเลือกจดจ่อไปที่การทำอาหารแทน
เธอเรียนวิธีการทำอาหารจากการเรียนออนไลน์
หลังจากเวลาหยุดลง เธอก็ฉีกเครื่องปรุงอีกชุดหนึ่งออก แล้วเทมันลงไปในชาม
เธอคนเล็กน้อย แล้วใส่กลับเข้าไปในไมโครเวฟต่ออีกสองนาที
เมื่อครบตามเวลาแล้ว เบียงก้าหยิบชามออกมา คลุกเคล้าชีส แล้วเอาเข้าไมโครเวฟต่ออีกหนึ่งนาที
ลุคที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอมาตลอด เริ่มสร้างวิมานในอากาศว่าเขาและเบียงก้าเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามัน และเธอเป็นภรรยามือใหม่ที่กำลังทำอาหารให้สามีของเธอซึ่งก็คือเขา ในเรื่องเพ้อพกเหล่านั้น แม้ภรรยาของเขาจะยุ่งมาก แต่เธอก็จะกลับบ้านตอนเที่ยงเพื่อทำอาหารให้เขา
เบียงก้ายังไม่ละสายตาไปจากการทำอาหาร
นี่ไม่ใช่วิธีที่คนปกติใช้เวลาทำแม็คแอนด์ชีสกึ่งสำเร็จรูป
หนึ่งนาทีให้หลัง เบียงก้าหยิบชามออกมาแล้วคนมักกะโรนีให้เข้ากับชีส
หลังจากชีสกับมักกะโรนีเข้ากันดีแล้ว เธอก็เอาเข้าไมโครเวฟเป็นครั้งสุดท้าย
การอบครั้งนี้ใช้เวลาอีกหนึ่งนาที
ขณะที่รอให้ครบกำหนดเวลาหนึ่งนาทีอย่างอดทน เธอรู้สึกได้ว่าชายที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอนั้น เข้ามาใกล้เธอมากเกิน ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไม่สบายใจนัก
เบียงก้าปิดไมโครเวฟและหยิบชามออกมา นิ้วของเธอสัมผัสเข้ากับชามสำหรับใช้ในไมโครเวฟที่ร้อน
เธอขมวดคิ้วและผละนิ้วตามสัญชาตญาณ
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
ขณะที่ชายคนนั้นเอ่ยถาม มือใหญ่โตของเขาก็คว้าเอามือทั้งสองของเธอไปกุมไว้ในทันที
เบียงก้าหันตัวมาและดึงมือกลับ “ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ได้ร้อนมากมายอะไร”
ลุคขมวดคิ้วแต่ก็ยอมปล่อยเธอ
สาวใช้รู้สึกตระหนก เมื่อเห็นว่าเบียงก้าไม่สวมถุงมือกันความร้อน เธอแสร้งทำเป็นง่วนอยู่กับอย่างอื่น แต่อันที่จริงแล้วเป็นเธอเองที่ลืมให้ถุงมือกันความร้อนแก่เบียงก้า อย่างไรก็ดี ลุคพยายามใช้ผ้าเช็ดมือในครัวนำชามออกมาจากไมโครเวฟด้วย
“เทลงในชามกันความร้อนเถอะค่ะ” เบียงก้าเอ่ยขณะมองดูเขาที่ไม่กลัวว่ามือจะโดนไฟลวกด้วยความกังวลใจ
นิ้วของลุคเรียวได้รูป ขาวกระจ่าง ยาว และแข็งแกร่ง เมื่อเธอเห็นนิ้วเหล่านั้นของเขา เธอไม่สามารถละสายตาได้ มันดึงดูดมากเสียจนแค่เพียงสัมผัสถึงลมหายใจของเขาก็อาจทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวได้
“แม็คแอนด์ชีสของคุณเสร็จแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันเกรงว่าฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน”
เมื่อที่เบียงก้ากล่าวอย่างนั้น เธอก็เดินออกจากหัวครัวแล้วไปที่ห้องนอน
เธอหยิบกระเป๋าเป้แล้วบอกลาเด็กทั้งสอง
“น้าบี จะไปแล้วเหรอคะ?”
บลองช์ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เขาจะได้คำตอบ เขาก็ถามซ้ำอีก “พ่อผมแกล้งคุณรึเปล่า? ผมทำให้เขาอยู่แต่ที่ทำงานและไม่กลับมารบกวนน้าบีอีกได้นะครับ”
เบียงก้ายิ้มออกมาเพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบโต้อย่างไร ก่อนปลอบใจเด็กน้อย “เขาเป็นพ่อของหนูนะ ฉันต่างหากที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหนูด้วย”
"งั้นน้าบีก็มาเป็นสมาชิกของครอบครัวเราสิครับ คุณแต่งงานกับพ่อผมแล้วมาเป็นแม่ให้พวกเราได้ไหมครับ? หรืออาจจะให้คุณย่ารับน้าบีเป็นลูก จะได้อยู่ที่บ้านนี้ด้วยกันไงครับ” บลองช์พูดอย่างไร้เดียงสา
หลังจากที่เบียงก้าได้ยินบลองช์พูด จิตใจของเบียงก้ากระตุกวูบ
อลิสันจะรับเธอเป็นลูกบุญธรรมได้อย่างไร? ในเมื่ออลิสันเป็นคลอดเธอมาเองกับมือ
เบียงก้ารู้ดีว่าตลอดชีวิตนี้อลิสันคงไม่มีทางยอมรับเธอในฐานะลูกสาวเป็นแน่
ส่วนเรื่องแต่งงานกับลุคที่บลองช์พูด ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
“พักได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวฉันจะหาเวลามาเยี่ยมหนูอีกนะจ๊ะ” หลังจากที่เบียงก้าพูดด้วยรอยยิ้ม เธอหันหลังแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไปด้วยใบหน้าอันเศร้าสร้อย
ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด
บลองช์ดูเศร้าสร้อย แถมยังกินแม็คแอนด์ชีสไม่หมดอีกต่างหาก
สาวใช้มองเห็นว่าเขาเศร้าอยู่ไม่ห่าง ตามปกติแล้วเด็ก ๆ มักไม่ชอบแม่เลี้ยงคนใหม่ แต่เด็กสองคนนี้ต่างออกไป พวกเขาเกือบจะขอร้องให้พ่อแต่งงานกับแม่เลี้ยงให้ได้
แน่นอนว่าแม่เลี้ยงคนนั้นต้องเป็นน้าบีของพวกเขาด้วย
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณครอว์ฟอร์ดและคุณเบียงก้านั้น สาวใช้ไม่กล้าที่จะฟันธงว่าทำไมพวกเขาถึงแต่งงานกันไม่ได้ อาจจะเพราะคุณเบียงก้ารู้ว่าเธอเข้ากับครอบครัวที่ร่ำรวยของอีกฝ่ายไม่ได้ หรืออาจจะแค่เพราะเธอก็ไม่อยากกลายเป็นหุ่นเชิดที่ต้องแบกหน้ามาแต่งงานกับตระกูลที่มั่งคั่ง เธอคงไม่อยากเสี่ยงกับการที่จะถูกสามีนอกใจ
ถ้าหากต้องรักจนหมดหัวใจแต่เพียงฝ่ายเดียวในขณะที่อีกฝ่ายปฏิเสธ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พวกเขาจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
ในขณะที่สาวใช้ล้างจานและกำลังจะนำออกจากห้องพักของสาวใช้ไป เธอบังเอิญเห็นคุณครอว์ฟอร์ดเข้ามา เธอจึงหันไปทางให้เขา
“พ่อทำให้น้าบีกลัวอีกแล้วนะครับ!” บลองช์ตำหนิพ่อของตัวเองด้วยสายตาเย็นชา และขื่นขม
ลุคไปที่ห้องเพื่อไปเอากุญแจรถ เขาหันกลับมาแล้วกล่าว “น้าบีของลูกมัวกำลังง่วนอยู่กับการนัดบอดต่างหาก”
เด็กทั้งสองมองหน้ากันและกัน
"นัดบอดเหรอครับ? มันหมายความว่ายังไงเหรอ?"
"การนัดบอดคือการหาสามีค่ะ ตอนที่พวกเราไปอยู่บ้านลุงดอนนี่ย์ช่วงวันคริสต์มาสน่ะ ป้าลิลลี่เคยเล่าให้ฟังค่ะ ว่าเธอเคยทำมาแล้วเหมือนกัน” เรนนี่นึกขึ้นมาได้
บลองช์เกาศีรษะของ “แล้วว่าแต่พ่อล่ะครับ?”
เรนนี่ถอนหายใจ “น้าบีไม่ชอบพ่อนี่คะ”
เรนนี่โทษว่านี่เป็นความผิดของพ่อผู้ที่ไม่มีความพยายามมากพอ
บลองช์ต้องรับมือกับปูนปลาสเตอร์ที่หล่อจากขาหักปลอม ๆ ของเขาอย่างไม่หยุดหย่อนหลัง จากที่ถอดออกแล้ว เขาสวมรองเท้าแตะคู่เล็ก แล้ววิ่งลงไปข้างล่าง
รถเรนจ์โรเวอร์สีดำกำลังขับรถออกจากโรงรถไป ลุคก้มศีรษะลงเพื่อจุดบุหรี่ด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างจับที่พวงมาลัยพวงมาลัย เขากำลังจะขับรถออกไปในตอนที่เห็นลูกชายยืนอยู่หน้ารถ
บลองช์ขวางรถไว้ด้วยหน้าตาอันน่าสงสาร ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งยังบุ้ยปาก “พ่อครับช่วยพาน้าบีกลับมาได้ไหม? ผมรอมาห้าปีแล้ว ในที่สุดก็เจอผู้หญิงที่ผมอยากให้เธอเป็นแม่… ถ้าพ่อพาน้าบีกลับมาไม่ได้ พ่อก็ฆ่าผมด้วยรถคันนี้ได้เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก