พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 12

รถยนต์สองคันแล่นออกจากโรงแรมชื่อดัง จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมที่พวกเขาพักอยู่

เมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย เบียงก้าก้าวออกจากรถ

ซูก้าวตามลงมา

ที่หน้าประตูทางเข้า พวกเขาพบว่าเจสัน ดอยล์กำลังรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทที่ดูสง่าเข้าคู่กับรองเท้าหนังเป็นอย่างดี

“สวัสดีค่ะ คุณดอยล์” เบียงก้าทักทายเจสันเหมือนอย่างที่ซูและคนอื่น ๆ ทำ

เจสันพยักหน้ารับคำทักทายของเบียงก้า หากแต่สายตาที่จ้องมองเธอเขม็งนั้นแตกต่างจากคนอื่น

หลังจากที่เบียงก้าเดินเข้าไปถึงล็อบบี้ของโรงแรม เจสันก็ยังคงจ้องตามเธอไปอย่างนั้น

เมื่อลุคลงมาจากรถ เขาก็สังเกตได้ถึงปฏิกิริยาที่ผิดปกติของเจสัน

ลุคจ้องมองไปยังเจสัน กระทั่งเมื่อเจสันรู้สึกถึงความผิดปกตินั้นแล้ว เขาจึงหันกลับมามองเจ้านายอย่างแนบเนียน

เขายืนตรงอย่างสูงสง่า ลุคสาวเท้าเข้าไปในโรงแรม น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้น “คุณกำลังมองเธออยู่”

ลุคพูดกับเจสันที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา

เจสันใคร่ครวญอยู่ในใจว่าตัวเองควรจะตอบอะไรกลับไปหรือไม่ ไม่นานนักเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บงำสิ่งเหล่านั้นไว้กับตัวเอง “เปล่าครับ ผมเปล่า”

แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ !

ลุคมองเจสันด้วยสายตาเคลือบแคลงมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นเอง ฌองลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในโรงแรม เขาเหน็บแล็ปท็อปไว้กับแขนข้างหนึ่ง เขาเห็นเจ้านายของตนกับผู้ช่วยพิเศษดอยล์ยืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์ เขาได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไรก็ต้องทักทายพวกเขาอย่างไม่มีทางเลือก “สวัสดีครับ คุณดอยล์ คุณครอว์ฟอร์ด”

ลุคส่งสายตาคมปราดไปยังผู้มาใหม่

“ผมฌอง แลงดอน เป็นพนักงานใหม่ของฝ่ายออกแบบครับ” ฌองแนะนำตัวเอง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะขวางทางคุณครับ คุณครอว์ฟอร์ด เพราะงั้นผมจะขึ้นไปชั้นบนเดี๋ยวนี้เลย”

สายตาของลุคยังคงเป็นเช่นเดิม แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนทั่วทั้งร่างของเขากำลังถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งเย็นยะเยือกจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

เมื่อกลับขึ้นมาที่ห้องชั้นบน ลุคปลดกระดุมที่ถูกออกแบบอย่างประณีตบรรจงออก ขณะที่เหลือบมองไปยังเด็กน้อยทั้งสองที่หลับอยู่บนเตียงเพราะเหนื่อยอ่อนจากการเล่นมาทั้งวัน

เขาเดินมุ่งหน้าไปยังบาร์ในห้องสวีทสุดหรู จากนั้นเปิดขวดไวน์แดงออกแล้วรินมันใส่แก้ว

ใบหน้าของเขายังคงบึ้งตึงอยู่ ก่อนจะกระดกไวน์ในแก้วขึ้นดื่ม ปล่อยให้ของเหลวเย็นเฉียบไหลลงคอ

หลังจากนั้นไม่นานนัก เด็กทั้งสองก็ตื่นขึ้น

พี่ชายนั้นเป็นคนตื่นขึ้นก่อน เขาแปรงฟันและล้างหน้า หลังจากนั้นจึงกลับมาที่ห้องแล้วช่วยน้องสาวเลือกชุดเจ้าหญิงของเธอ

“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อรึเปล่าคะ พี่ชาย”

พี่ชายของเธอส่ายศีรษะ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของพวกเขาเช่นกัน แต่เขาก็รู้ว่า “เด็กไม่ควรยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่นะ”

...

ณ ชั้นล่าง

ฌองวางกระเป๋าแล็ปท็อปลงแล้วเข้าไปสวมกอดเบียงก้า

“เกิดอะไรขึ้นคะ?” เบียงก้าเอ่ยถามเพราะไม่คุ้นชินกับกอดที่กระทันหันนี้

เขาทั้งคู่คบกันอย่างเปิดเผยมาเป็นปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ค่อยสนิทกันเท่าที่ควร

เบียงก้าไม่ชอบการถูกสัมผัสทางร่างกาย และฌองเองก็เข้าใจในสิ่งนั้น เขาไม่เคยทำอะไรเกินขอบเขต

แม้ว่าคราวนี้ ท่าทางของฌองจะดูแปลกไปก็ตาม

“ไม่มีอะไรนี่ พี่ก็แค่คิดถึงเธอ ก็เลยอยากกอดเธอเท่านั้นเอง” ฌองตอบอย่างเอือยเฉือย

เบียงก้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

คืนนั้น พวกเขาสองคนรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน

หลังจากนั้น ฌองแนะนำว่าพวกเขาควรจะไปหาซื้อเสื้อผ้า เนื่องจากมีเวลาอันน้อยนิด ทำให้เขาไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย

ตอนสามทุ่มครึ่งของคืนนั้น หลังจากที่ได้ทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว พวกเขาจึงมุ่งหน้ากลับโรงแรม

“ผมต้องการหนึ่งห้องครับ ขอบคุณ” ฌองหยิบบัตรประชาชนออกมาแล้วยื่นให้พนักงานต้อนรับ

เบียงก้ารอเขาอยู่ด้านนอก เธอพลันนึกได้ว่าเมื่อคืนพนักงานต้อนรับบอกว่าไม่มีห้องพักว่างเหลือเลย

พนักงานต้อนรับค้นหาห้องว่างจากฐานข้อมูล เป็นอย่างที่เบียงก้าคิด พนักงานต้อนรับเงยหน้าขึ้นและกล่าว “ขออภัยค่ะ ตอนนี้เราไม่มีห้องว่างเหลืออยู่เลย”

ฌองขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก ก่อนจะหันมามองเบียงก้า

ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์มุ่งหน้าไปยังชั้นบน

ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องของเบียงก้า ฌองก็เอ่ยปากขึ้น “พี่ขอนอนห้องเธอได้รึเปล่า? เธอนอนที่เตียงได้เลยนะ พี่จะนอนที่โซฟาเอง”

เจสันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ในทางกลับกันเขาหันไปพูดกับเรนนี่แทน “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเรนนี่กันครับ? คุณหนูอยากไปหาพี่ผู้หญิงคนเมื่อคืนไหม คุณหนูไปอยู่กับเธอได้นะครับ”

เรนนี่ไม่ได้พูดอะไร แต่เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที ดูเหมือนว่าจะอยากให้เจสันพาเธอไปหาคุณบี

เจสันเหลือบมองเจ้านายที่ยังคงเงียบ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้คัดค้านอะไร เขาจึงพาเรนนี่ออกไปจากห้องอาหาร ไปยังห้องของเบียงก้าแทน

ลิฟต์เคลื่อนลงมายังชั้นล่าง

ก่อนที่เจสันจะถึงชั้นของเบียงก้า โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

“คุณครอว์ฟอร์ด” เจสันเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจในตอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

หลังจากวางสาย เจสันไม่พอใจนัก แต่ก็แบกรับคำสั่งมาอย่างไม่มีทางเลือก

กลางดึกคืนนั้น ซูนั่งอยู่ในรถ เธอทั้งง่วงนอนและอ่อนเพลียไม่ต่างกับเบียงก้า “ฉันว่าลูกสาวของประธานชอว์เป็นภัยต่อเราทุกคน ดูสิ เธอปรากฏตัวแค่วันเดียว พวกเราก็ต้องทนทุกข์ขนาดนี้แล้ว อะไรทำให้ท่านประธานโกรธจนถึงขนาดสั่งให้พวกเรากลับไปเมืองเอในชั่วข้ามคืนกันล่ะเนี้ย? โอ้ พระเจ้า! นี่มันไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้วนะ ท่านประธานกำลังจะเป็นบ้าแน่ ๆ ค่ะ พวกเราน่ะเสียเงินให้กับโรงแรมไปแล้ว แต่เขากลับไม่ให้เราได้ใช้เวลาเพลิดเพลินสักหน่อยเหรอ? เขามีความสุขนักรึไงที่ได้เห็นเราต้องมาทนทุข์อยู่บนถนนแบบนี้?!”

เบียงก้าเองก็ท้อใจเช่นกัน

เธอไม่รู้เลยว่าเจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่

ฌองนั่งอยู่ที่เบาะโดยสารด้านหน้า ตรงกันข้ามกับทอมที่เป็นคนขับ

เป็นเวลาที่ดึกมากแล้วในตอนนี้ ณ โรงแรมในเมืองเอช

ลุคยืนอยู่บนระเบียงของห้องพักโรงแรม เขายืนสูบบุหรี่อยู่ ยามที่ควันสีขาวพวยพุ่งออกมา เขานิ่วหน้าพลางปล่อยให้ความรู้สึกค่อย ๆไหลออกมา

ใครที่เคยทำงานร่วมกับเขาในโลกธุรกิจต่างก็รู้ดีว่าเขาไม่เคยมีจุดอ่อนใด ๆ เลย ราวกับว่าเขาถูกพันธนาการด้วยเกราะอันแข็งแกร่งไปทุกส่วน

ก่อนหน้านี้ในห้องของเขามีแก้วอยู่หลายใบ และแอลกอฮอล์ก็ทำให้เขารู้สึกมึนเล็กน้อย

เมื่อนึกไปถึงเสียงครวญครางเมื่อห้าปีก่อนของเธอ และการต่อสู้อันดุเดือดของเธอเมื่อคืน เขาก็อดที่จะหัวเราะกับตัวเองไม่ได้ เขาก้มศีรษะลง แล้วดับบุหรี่ในมือบนที่เขียบุหรี่

เช้าตรู่วันต่อมา

เจสัน ดอยล์และเจ้านายพร้อมด้วยลูก ๆ ของเขามุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติเมืองเอช

ใบหน้าอันหล่อเหลาของลุคถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกตลอดเวลา

เจสันเดินตามเข้าไป หากแต่ในใจอดคิดกับตัวเองไม่ได้ ‘ท่านประธานอาจจะห้ามไม่ให้เขาสองคนอยู่ร่วมห้องกันในโรงแรมเอชได้ แต่คุณไม่สามารถจะห้ามไม่ให้เขากลับไปอยู่ในรังรักที่เมืองเอได้หรอก!’

‘สุดท้ายแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่ายล่ะ? คุณน่ะอย่าไปยุ่งย่ามกับชีวิตของพวกเขาให้มากนักจะดีกว่า’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก