พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 146

เมื่อเบียงก้าเงยหน้าขึ้น เธอก็ได้เห็นซาเวียร์

“คุณปู่เป็นยังไงบ้าง?” ซาเวียร์ไม่ได้สนใจเด็กชายที่อยู่กับเบียงก้า เขาเดินตรงไปที่เตียงในขณะที่เขาถาม

ไม่มีใครตอบคำถามของเขา

เบียงก้าระมัดระวังตัวเองโดยสัญชาตญาณในขณะที่เด็กชายที่อยู่ด้านล่างเกาะติดต้นขาของเธอเงยหน้าขึ้นและพูดกับเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกลัวนะ น้าบี เดี๋ยวคุณพ่อก็กลับมาแล้ว”

ซาเวียร์นั่งอยู่หน้าเตียงมองดูชายชราที่มีรอยสะเก็ดแผลบนใบหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคือง ทำไมคนพวกนั้นถึงทำร้ายชายชราเช่นนั้น?

แต่ถ้าหากว่าชายชราไม่ได้รับบาดเจ็บ ซาเวียร์เองก็คงไม่สามารถทำให้เบียงก้าเชื่อฟังเขาได้

หลังจากที่เขาคิดเช่นนั้น เขาก็เริ่มสับสนอยู่ภายในใจ 'มันผิดเหรอที่ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง? มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะทำเช่นนั้นไม่ใช่หรอกเหรอ? เพราะถ้าเขาไม่โหดเหี้ยม เขาก็จะต้องพลาดและไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้’

คุณปู่ตื่นแล้ว

เขาถามอย่างแผ่วเบา “ซาเวียร์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

"คุณปู่" เบียงก้ารีบเดินเข้ามาและเอาหมอนหนุนหลังให้คุณปู่

ซาเวียร์บอกเขาว่า "คุณปู่ผมขอโทษจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะความประมาทเลินเล่อของผม คุณคงจะไม่ต้องถูกลักพาตัวไป”

ซาเวียร์เป็นคนนำชายชราผู้นี้มาส่งที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง และเขาก็ได้คิดหาข้อแก้ตัวเอาไว้แล้ว ซึ่งข้อแก้ตัวของเขานั้นสอดคล้องกับข้อแก้ตัวของผู้ที่เป็นคนลักพาตัวไป

กลุ่มคนที่ลักพาตัวชายชราไปไว้ในโรงงานร้างได้พูดกับชายชราว่า “คุณเป็นคุณปู่ของซาเวียร์ใช่ไหม? ไอ้บ้านั่น! หลานชายของคุณแจ้งความจับเจ้านายของเราที่ข่มขืนผู้หญิงคนนั้น! เขาหาเรื่องใส่ตัวดีนัก! วันนี้คุณจะต้องชดใช้แทนหลานชายของคุณ!”

ซาเวียร์ได้ดูวิดีโอดังกล่าวแล้ว ดังนั้น เขาจึงรู้ว่าเขาจะพูดอะไรเป็นข้อแก้ตัว

“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ...” คุณปู่กล่าว

เมื่อชายชรากำลังจะพูดถึงความจริงที่ซาเวียร์ได้เรียกตำรวจมาจับกุมสัตว์ร้ายที่ข่มขืนหญิงสาว เพื่อกล่าวชื่นชมความยุติธรรมของเขา แต่เนื่องจากว่า มีเด็กวัย 5 ขวบอยู่ที่นั่น ดังนั้นคุณปู่จึงไม่พูดอะไร

ซาเวียร์ยืนนิ่งอยู่นานนับสิบนาทีก่อนจะพูดว่าเขาต้องไปก่อน

คุณปู่เรียกหลานสาวซึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างและกำลังจ้องมองออกไปภายนอก คุณปู่รู้อยู่เต็มอกว่าบีรู้สึกอย่างไร “บี ออกไปส่งซาเวียร์สิ...”

เบียงก้าเองก็มีเรื่องจะพูดกับซาเวียร์ เธอจึงยอมออกไปส่งเขา

บลองช์ถอดรองเท้าและปีนขึ้นไปบนเตียง “คุณปู่ทวดมาเยี่ยมคุณตาทวดแหละครับ ก่อนที่คุณตาทวดจะตื่น คุณพ่อเพิ่งจะออกไปส่งคุณปู่ทวดกลับเองครับ”

“คุณปู่ทวดของหนูมาที่นี่ด้วยรึ?” พ่อเฒ่าเรย์นตกตะลึง

เด็กชายกะพริบตาที่ดูโตคล้ายกับเบียงก้า “คุณปู่ทวดบอกว่า จะเอากระดานหมากรุกมาและเอาชนะเกมให้ได้ในวันพรุ่งนี้!”

...

เมื่อซาเวียร์เดินมาถึงที่ลิฟต์ เบียงก้าก็หันหลังกลับ

ชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “คุณมาส่งผมแค่นี้เองเหรอ?”

ในตอนแรกที่เบียงก้าออกมาเพราะเธอต้องการพูดคุยบางอย่างกับเขา แต่หลังจากที่เธอคิดดูแล้ว เธอไม่ต้องการพูดอะไรกับชายผู้น่ารังเกียจเช่นนี้ เพราะถ้าหากเธอพูดอะไรออกไป แล้วชายผู้น่ารังเกียจผู้นี้จะเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการพูดรึเปล่า? เธอคิดว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น

เบียงก้าเดินกลับไปที่วอร์ด

ในเวลานั้น โทรศัพท์ของเธอสั่น

เมื่อหยิบออกมา เธอก็ได้เห็นว่ามันเป็นข้อความเสียงที่ส่งมาจากอินสตาแกรม แต่เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมัน

เบียงก้าจึงเปิดข้อความเสียงขึ้นมาแล้วแนบโทรศัพท์เอาไว้ใกล้ ๆ หูเพื่อฟัง

เสียงของซาเวียร์ดังขึ้นจากข้อความเสียง “ที่คุณออกมาส่งผมเพราะคุณมีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่า?”

เมื่อเบียงก้าได้ยินเสียงของเขาเธอก็ขมวดคิ้ว เธอมองลงบนหน้าจอโทรศัพท์และเธอก็ได้เห็นว่าซาเวียร์ได้ติดตามเธอบนอินสตาแกรม เธอไม่รู้ว่าเขาติดตามเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นไปได้ไหมที่เขาติดตามเธอเมื่อตอนที่เธอหมดสติในวันนั้น?

เธอรีบลบทุกอย่าง

บลองช์รู้สึกเป็นกังวลและพยายามอย่างเต็มที่ในการอธิบายข้อดีของพ่อของเขา

“ฉันไม่คู่ควรกับพ่อของหนูหรอก”

เบียงก้าดึงเด็กชายมาไว้ในอ้อมแขน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะต้องแยกจากกันในอีกไม่ช้า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เบียงก้ากลับรู้สึกโศกเศร้าอยู่ภายในใจ

ในขณะที่น้าบีกอดบลองช์เอาไว้ในอ้อมแขน เด็กชายที่มีใบหน้าเศร้าสร้อย ก็มองไปเห็นพ่อของเขาที่ยืนอยู่ตรงประตูครู่หนึ่งแล้ว

“คุณพ่อ?”

...

“ลงมาสวมรองเท้า ได้เวลากลับบ้านแล้ว” ลุคอุ้มลูกชายลงจากเตียงและให้เขาสวมรองเท้าด้วยตัวเอง

เด็กชายเจอรองเท้าเพียงแค่ข้างเดียว เขาไม่รู้ว่ารองเท้าอีกข้างหนึ่งหายไปไหน เป็นเพราะเขาโยนมันทิ้งไปก่อนหน้านี้...

เด็กชายสวมรองเท้าเอาไว้ข้างหนึ่งในขณะที่เขามองหาอีกข้างหนึ่ง

ในขณะที่เบียงก้ากำลังเก็บกล่องดินสอใส่เข้าไปในกระเป๋าใบเล็กที่บลองช์นำมาด้วย ลุคก็เดินเข้ามาและหยิบกระเป๋านักเรียนใบเล็ก ๆ ของลูกชาย เขารูดซิปและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ผมจะต้องมีนิสัยที่ดีขนาดได้ถึงจะนอนกับคุณได้?”

เธอหันกลับมามองคุณปู่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เมื่อเธอเห็นว่าคุณปู่ที่นอนอยู่ไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวไปด้วยความอับอาย

เธอโกรธมากเมื่อได้ยินชายผู้นั้นดูหมิ่นเธอ “แน่นอน ต้องมีดีมากด้วย แต่คุณกลับตรงกันข้ามเลยแหละ!” เธอรู้เพียงแค่ว่าพรสวรรค์ของชายผู้นี้เพียงข้อเดียวที่เขามีคือการหาเงินได้มากมายด้วยจิตวิญญาณที่แน่วแน่ นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ไม่มีพรสวรรค์อื่นใดเลย

แน่นอนว่าสำหรับผู้คนบนโลกใบนี้ ความสามารถในการหาเงินได้มากมายนั้น ย่อมเป็นข้อดีเมื่อเทียบกับผู้ชายที่มีอุปนิสัยที่ดีหลายล้านคนบนโลกใบนี้

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็หันหลังกลับไป

ลุคคว้าข้อมือของเธอเอาไว้

เธอหันหน้าไปสบตาเขา คำพูดที่เคร่งขรึมของชายผู้นั้นกระทบเข้าที่ใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนของเธอทีละคำ “แล้วร่างกายส่วนที่ดี ๆ ของผมตรงไหนบ้างล่ะที่คุณยังไม่เคยลิ้มลอง?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก