ลุคยังคงกระตุ้นเบียงก้าอย่างเร้าใจ และเฝ้าดูสีหน้าของเธออย่างมีความสุข
ชายผู้นี้เฝ้ากัดริมฝีปากเธอเป็นระยะ
ดูเหมือนว่าเขาจะสนุกกับเรื่องนี้ไม่น้อย
ชื่อ 'ชาร์ลส์ ฟินน์' ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของลุค
ลุคมองไปข้างหลังและเตือนเธอขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “จับคอผมแล้วก็นิ่งไว้ ขืนยังดิ้นไปดิ้นมา คุณได้หงายหลังแน่”
เธอนั่งคร่อมอยู่บนตักเขาและไม่ได้จับอะไร ถ้าเผลอเอนหลังไป มีหวังไปหงายหลังไปจริง ๆ แน่
“ลุงชาร์ลส์ มีอะไรรึเปล่าครับ?” ลุคกังวลว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเด็กสองคน ดังนั้นเขาจึงต้องรับสายชาร์ลส์
ชาร์ลส์พูดอะไรบางอย่าง
เบียงก้าค่อย ๆ สงบลงและพยายามสุกความสามารถที่จะดึงตัวเองออกจากความรู้สึกแปลก ๆ ซึ่งกำลังครอบงำเธออยู่ เธอไม่สนใจว่ามันจะดูงุ่มง่ามหรือไม่ แต่เธอค่อย ๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขาเธอจะไม่รู้สึกชาเมื่อแตะถึงพื้น เธอลุกขึ้นยืนโดยไม่ลังเล
หลังจากหลุดจากมือชายคนนั้น กระโปรงก็ตกลงตามแรงโน้มถ่วง
เธอไม่กล้ามองหน้าเขา เบียงก้าก้มตัวลงและของเล่นชิ้นต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์คุมกำเนิดขึ้นมา
เธอรีบเก็บของอย่างรวดเร็วและรูดซิปกระเป๋าเดินทางนั้น
ขณะเบียงก้าจัดระเบียบข้าวของ เธอก็จัดทรงผมยุ่ง ๆ ที่เขาทำไว้ให้ดีเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง เช่นเดียวกับสายรัดชุดชั้นในที่หลวมและห้อยอยู่ครึ่งหนึ่งบนไหล่เธอ
กระโปรงก็ยังอยู่ในสภาพดี เพราะทำจากผ้าที่เป็นรอยได้ยาก
ส่วนด้านในกระโปรง...
ลุคไม่ได้ถอดชุดชั้นในแต่สอดนิ้วเข้าไปจากด้านข้างแทน
เมื่อเบียงก้ากำลังจะเดินออกจากม่านกั้นห้องพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เธอได้ยินลุคพูดจากด้านหลังว่า “ตาของเรนนี่โอเคไหมครับ? ลุงส่งเธอไปที่โรงพยาบาลรึเปล่า?”
“เกิดอะไรขึ้นกับเรนนี่เหรอคะ?”
หลังจากที่เบียงก้าได้ยินดังนั้น เธอจึงหันกลับมามองลุคด้วยความเป็นห่วง
ลุคขมวดคิ้ว นิ้วที่เปื้อนยังวางอยู่บนเข่าและไม่แตะต้องสิ่งอื่นใด
เขาเหลือบมองเธอ และฟังเรื่องราวของชาร์ลส์ทางโทรศัพท์อย่างเงียบเชียบ ในที่สุด เขาก็ลุกขึ้นและเอ่ยว่า "กำลังไปหาเดี๋ยวนี้แหละครับ"
หลังจากนั้น ชายคนนั้นก็วางสาย
เบียงก้าเดินตามไปเอ่ยถามเขา เหมือนพ่อแม่ในโรงพยาบาลที่กำลังถามหมอว่า "เกิดอะไรขึ้นกับเรนนี่คะ? พูดอะไรหน่อยสิ"
ลุคในชุดสูทเต็มยศหันกลับมามองเธอ ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องเข้ามา ชายร่างสูงตระหง่านดูเหมือนพวกโรคจิตที่กู่ไม่กลับ เขาถามว่า “คุณไม่ต้องรีบขายของพวกนี้เหรอ?”
“มันพังไปหมดแล้วนิ จะให้ฉันเอาที่ไหนมาขายได้อีกเล่า...” เธอพูดขณะมองลงไปยังกระเป๋าเดินทาง
อันที่จริง เธอแค่อยากไปพบเรนนี่กับเขา
เธอชอบลูก ๆ ของลุคเป็นทุนเดิมตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่ยังเป็นลูกลุคในฐานะของเจ้านาย แม้ว่าจะมีระยะห่างระหว่างพวกเขาบ้าง แต่ตอนนี้เธอรู้เสียทีว่าเด็กทั้งสองคนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอเอง เธออดไม่ได้ที่จะกังวลมากขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองหรือไม่
ลุคหันมา มีอ่างล้างมืออยู่ตรงนั้น เขาเปิดก๊อกน้ำและล้างมือในขณะที่พูดว่า "ในเมื่อของพวกนั้นพังไปหมดแล้ว คุณจะทำยังไงต่อ?"
เบียงก้าไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอไม่มีเงินจะชดเชยค่าเสียหายด้วยซ้ำ
ราคาต้นทุนแต่ละกล่องนั้นถูกมาก แต่เจ้านายเธอโก่งราคาไว้ให้สูงเพื่อจะได้ขายสินค้าราคาแพงได้มากขึ้น
เธอรู้ว่าเขาจะต้องเรียกร้องค่าเสียหายจากเธอแน่นอน
ลุคมองเธอผ่านกระจก เขาถูสบู่และพูดว่า “มาเอากระเป๋าผมไปสิ เอาไปจ่ายค่าเสียหายและจัดการเรื่องนี้ไว ๆ ด้วย แล้วไปรับเรนนี่ด้วยกัน”
เบียงก้าตกตะลึง
ลุคเกือบล้างมือเสร็จแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า “ขืนยังยืนอมพะนำชักช้าอยู่ตรงนั้น ก็ไม่ต้องไปด้วยกันแล้ว”
"..."
เบียงก้าไม่ลังเลอีกต่อไป เธอเดินเข้าไปหาเขาและล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยมือเล็ก ๆ เธอเพิกเฉยต่อต้นขาอันแข็งแกร่งของลุคและถามว่า “กระเป๋าเงินของคุณ…”
“ในกระเป๋าเสื้อสูทต่างหาก” ลุคเพิ่งล้างมือเสร็จ แต่เนื่องจากมือยังเปียกอยู่ เขาจึงยืนตัวตรงและขอให้เธอไปเอากระเป๋าเงินมา
“อะไรนะ? มะ-แม่ของลูกนายเหรอ?”
ในวินาทีนั้น ทุกคนก็ตกใจ
ตอนนั้นทารกแฝดเกิดได้อย่างไร? มันไม่ได้เกิดจากการอุ้มบุญหรือเด็กหลอดแก้ว แต่เกิดจากความสนิทสนมใกล้ชิดของคนสองคน?
คนที่ถูกส่งไปดูความเรียบร้อยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็เช็ดหน้าและตระหนักว่านายท่านไม่ได้เป็นพวกตายด้าน เขาเป็นชายหนุ่มแสนมาดแมนและซื่อสัตย์ถึงที่สุด
เขาดูแลตัวปกป้องหญิงสาวผู้ให้กำเนิดของทารกแฝดอย่างระมัดระวัง
เมื่อก่อน ทุกคนต่างเป็นกังวลเรื่องของชายหนุ่มที่ไม่ชอบสุงสิงกับใครคนนี้มาก แต่ตอนนี้ เขาทั้งหลายอดหนาวสั่นไม่ได้ เพราะไม่มีใครในกลุ่มชายหนุ่มนั้นมีลูกได้มากเท่ากับพ่อฤษีที่จำศีลมาเป็นเวลาหลายปีเลย
เมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ดูเหมือนว่าพ่อของฝาแฝดจะสูญเสียพรหมจรรย์ไปเร็วกว่าพวกเขาในกลุ่มทั้งหมดเสียอีก
พวกเขาหัวร้อนจนถึงที่สุด!
ไม่มีใครสนใจลุคอีกต่อไป คนที่เล่นโป๊กเกอร์ก็เล่นโป๊กเกอร์ต่อ ในขณะที่คนร้องคาราโอเกะยังคงร้องเพลงต่อไป
เมื่อทุกคนรู้ความจริง ก็ต่างพากันเพิกเฉยต่อลุคกันหมด!
พวกเขายังเคยหัวเราะเยาะลุค และมองว่าเขาเป็นปีศาจในคราบมนุษย์ แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นลุคเป็นเจ้าหนุ่มตัวแสบที่สุดในกลุ่มไปเสียแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ลุคเพียงแค่สูบบุหรี่ และยิ้มเยาะพลางเผยดวงตาคมกริบซึ่งเต็มไปด้วยความพึงพอใจออกมา นั่นทำให้พวกเขายิ่งหงุดหงิดใส่ลุคมากขึ้น
…
ในอีกด้านหนึ่ง
เพื่อนร่วมชั้นหญิงของเบียงก้าได้ยินว่าเธอขายผลิตภัณฑ์หมดเกลี้ยง เธอจึงเริ่มลบเครื่องสำอางออกทันทีเพื่อเผยความงามตามธรรมชาติเฉกเช่นเบียงก้า แถมเธอยังมัดผมหางม้าธรรมดาเหมือนกับเพื่อนของตนทำอีกด้วย
ดูเหมือนว่าภาพนี้จะทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น
เบียงก้าใช้บัตรของลุคและใส่จำนวนเงินที่ถูกต้องลงในเครื่องคิดเงินแม้ว่าจะเป็นเงินของลุค แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นจำนวนเงิน
มันแพงหูฉี่เลยแหละ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก