“แต่ว่า…”
เบียงก้าทั้งลังเลและกังวลเหลือเกิน
วันนี้เป็นเพียงวันที่สองที่เธอกับลุคเริ่มคบกันอย่างเปิดเผย มันเร็วเกินไปที่จะไปรับประทานอาหารกับครอบครัวของเขา
เธอไม่ได้เตรียมใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนั้น ข้อกังขาร้ายแรงและรุนแรงที่สุดก็คือลุคกับเธอต่างกันมากเกินไปในแง่ของฐานะทางครอบครัว
“อย่ากดดันตัวเองนักเลย อันที่จริงแล้วครอบครัวผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณหรอก ถ้าคุณมองดี ๆ ก็จะรู้ว่าเราน่ะเหมือนกัน” ลุคเดาออกว่าเบียงก้ากำลังกังวลเรื่องอะไร
"..."
พอเขาบอกอย่างนั้น มีหรือที่เบียงก้าจะปฏิเสธได้
นับตั้งแต่ที่เบียงก้ารับโทรศัพท์จากลุค เธอก็รู้สึกราวกับถูกหินก้อนใหญ่หล่นทับที่หน้าอกจนเธอหายใจไม่ออก ดูท่าความหนักอึ้งนี้จะคลายลงก็ต่อเมื่อเธอได้พบครอบครัวของลุคแล้วเท่านั้น
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นอีกสองสามครั้ง เบียงก้าเห็นว่าเป็นสายของฌอง
เธอไม่ได้กดรับ หรือกดปฏิเสธ
เพียงแค่ไม่แยแสมันราวกับตัวเองไม่ได้ยิน
ในตอนนั้นเองที่เบียงก้ารู้สึกขอบคุณมาลีที่สร้างละครฉากนั้นขึ้นเพื่อหวังจะยั่วยุเธอ
เพราะหลังจากที่ได้เห็นฉากเร้าอารมณ์ในห้องน้ำของทั้งคู่ ในที่สุด เบียงก้าก็ได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของฌองเสียที
สุดท้ายเธอก็ละทิ้งความรู้สึกผิดในใจไปได้จนหมด
...
ด้านหนึ่ง เบียงก้าตกปากรับคำกับลุคว่าจะยอมไปรับประทานอาหารที่บ้านของเธอ ในขณะที่อีกด้าน ชายอาวุโสกำลังยุ่งจนตัวเป็นเกลียวและดีใจจนเนื้อเต้น เขาตื่นเต้นเสียยิ่งกว่างานฉลองที่มงคลที่สุดของปีอย่างวันปีใหม่จีนเสียอีก
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้สวย ปีหน้าเราน่าจะได้รับขวัญหลานชายอีกคน!” หลังจากพูดจบชายชราเหวี่ยงไม้เท้าไปยังหลุยส์ “แล้วดูหลานสิ! ไม่มีคู่หมั้น ไม่มีคนรัก ไม่มีลูก! หลานนี่มันไร้ประโยชน์นัก! เร็วเข้า ไปทำความสะอาดบ้านซะ!”
“ลุคพาผู้หญิงมาบ้านตอนอายุ 29 ปี ผมเด็กกว่าเขาตั้งสองสามปี! แล้วปู่จะมาเร่งรัดผมทำไม? แล้วอีกอย่างนะปู่ ปู่ไม่ได้บอกว่าชอบพวกเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ พวกนั้นรึไง? ปู่เป็นคนบอกผมเองนี่ว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนนิ!” หลุยส์กล่าว
“แกจะทำให้ฉันอกแตกตายรึยังไง? หยุดพูดจาไร้สาระเสียที!” ชายอาวุโสโกรธมาก เขาจึงใช้ไม้เท้าตีเข้าที่หลุยส์อีกหน
…
หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ หลุยส์นั่งลงบนโซฟาและเริ่มเอ่ยปากสั่ง โต๊ะกาแฟและโซฟา รวมไปถึงโต๊ะรับประทานอาหารและอะไรต่าง ๆถูกสับเปลี่ยนไป เฟอร์นิเจอร์แปลกตาแต่เรียบง่ายเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียนแทน...
เฟอร์นิเจอร์โบราณที่ชายอาวุโสไม่ยอมให้ใครเคลื่อนย้ายมัน กลับถูกเหล่าคนใช้ยกไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของอย่างระมัดระวัง
เป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว ห้องนั่งเล่นทั้งห้องได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมดภายใต้การสั่งการของหลุยส์
บลองช์ที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนและมองไปยังห้องนั่งเล่นที่บัดนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาเอ่ยถาม “คุณปู่ทวด เกิดอะไรขึ้นครับ? เฟอร์นิเจอร์ของเราหายไปไหนหมด?”
“พ่อของเหลนจะพาคุณผู้หญิงของเขามาคืนนี้ไง เพราะฉะนั้น เรนนี่กับลานี่ต้องเชื่อฟังพ่อและทวดให้ดี คืนนี้ต้องไม่ดื้อไม่ซนเข้าใจรึเปล่า?” ชายอาวุโสยิ้มจนเห็นรอยเหี่ยวย่นปรากฏบนใบหน้า เขาเกรงว่าเหลนทั้งสองคนจะไม่ชอบแม่เลี้ยงให้อนาคตของตัวเอง
“ผู้หญิงเหรอคะ?”
เด็กชายตัวน้อยเหลือบไปมองน้องสาวของตัวเอง
“คุณปู่ทวด เธอชื่ออะไรเหรอคะ?” เรนนี่กอดเข้าที่ขาของคุณทวด เธอเงยหน้าขึ้นและถามเขาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน
“เธอชื่อ…” ชายอาวุโสขมวดคิ้วมุ่นและพยายามนึกอย่างรอบคอบ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินหลานชายคุยโทรศัพท์ในห้องน้ำ เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินชื่อของเธอ “เบียงอะไรสักอย่างนี่แหละ”
ในตอนนั้นเอง ที่รถเมอเซเดสสีดำหยุดที่หน้าประตูคฤหาสน์ และคนที่เพิ่งลงมาจากรถหรูคันนั้นย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกไปเสียจากซูซาน
“แม่ ทำไมแม่ดื่มเหล้าแต่หัววันแบบนี้ล่ะ?” หลุยส์เดินขมวดคิ้วออกมา และพยุงซูซานลงจากรถด้วยท่าทางโอนเอนไปมา เธอรอดพ้นจากการล้มหัวฟาดประตูรถไปเพียงเสี้ยววินาที
ซูซานลืมตาขึ้นมองลูกชาย มือของเธอยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของลูกชาย “ลูกชายสุดหล่อของแม่ ลูกไม่มีอะไรด้อยไปกว่าลูกชายของผู้หญิงแย่ ๆ อย่างนางอลิสันเลยสักนิด”
“แม่เมามากแล้ว ผมจะพาแม่ขึ้นไปข้างบนนะ” หลุยส์รู้ดีว่าถ้าแม่ของเขาเมาจะเป็นเช่นไร ครอบครัวจะปั่นป่วนไร้ความสงบ
วันนี้ไม่ใช่วันธรรมดา เพื่อไม่ให้แม่ทำให้เสียบรรยากาศ เขาต้องดูแลแม่ตัวเองให้ดี เพราะดูเหมือนว่าน้าบีที่พี่ชายและหลานทั้งสองคนของเขาพูดถึงจะดูไร้เดียงสา
เธอไม่ควรได้เห็นฉากอันแสนเศร้าของครอบครัวมหาเศรษฐี
“แม่รู้สึกแย่จริง ๆ… อย่ามาห้ามแม่หน่อยเลย!” เมื่อพวกเขามาถึงประตู ซูซานก็ตีลูกชายของเธอด้วยกระเป๋าถือ เธอหลุดพ้นจากอ้อมแขนของลูกชาย และเอ่ยปากดุเขาด้วยความโกรธ “นี่ลูกเข้าข้างพวกเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ? ลูกอับอายที่มีแม่ขี้เมาใช่ไหม? หลุยส์ มองให้ดีสิ! แม่เป็นแม่แท้ ๆของแกนะ! อลิสัน นางคุณนายนั่นทำร้ายชีวิตแม่!”
“ผมรู้ครับแม่ เพราะอย่างนั้นให้ผมพาแม่ขึ้นไปพักสมองข้างบนดีไหม? ลูกชายสุดที่รักของแม่เป็นห่วงกลัวว่าแม่จะปวดหัว” หลุยส์พยายามอย่างเต็มสามารถที่จะเกลี้ยกล่อมแม่ของตัวเอง
ซูซานพยักหน้ารับ ในตอนที่เธอเห็นว่าลูกชายของตัวเองยังใจดีกับตัวเองอยู่ เธอง่วงนอนจนตาจะปิดอยู่รอมร่อ ลูกชายของเธอจึงพาเธอขึ้นชั้นบนไป
ชายอาวุโสมองพวกเขาแล้วได้แต่ถอนหายใจ
เด็กน้อยทั้งสองคนที่เคยชินกับภาพเหล่านั้นมองหน้ากันและกัน แล้วขึ้นไปที่ชั้นบน
หลังจากที่พวกเขาขึ้นชั้นบนไปแล้ว เด็กน้อยอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
เพื่อต้อนรับน้าบีที่กำลังจะมาถึง บลองช์ไปที่ห้องของอาแล้วหยิบเอาสเปรย์ฉีดผม คิ้วเล็ก ๆขมวดมุ่น แล้วหวีผมสั้นสีดำขลับด้านหลังด้วยหวีที่วางไว้หน้ากระจก
“พี่ดูดีมากเลยล่ะ…” เรนนี่ในชุดเจ้าหญิงเอ่ยปากชมพี่ชายที่เพิ่งหวีผม
“จริงเหรอ?” บลองช์ยิ้มร่า เขาพูดอย่างเขินอายว่า “ชมแบบนี้ พี่ก็เขินแย่เลยล่ะสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก