เบียงก้าไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย จากที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองเธอ
กาลเวลาผ่านไป
เด็กชายพูดว่า “ผมว่าดูน่าอึดอัดครับ”
น้องสาวตัวน้อยพยักพยักหน้า
เบียงก้า “….”
“คุณผู้หญิงครับ โทรหาพ่อของผมตอนนี้เลยเถอะ และบอกเขาด้วยว่าคุณไม่ต้องการดูแลพวก
เราสองคนแล้ว” เด็กชายกล่าว
เด็กชายตัวเล็ก ๆ ดูค่อนที่จะไม่เป็นมิตรกับเธอสักเท่าไหร่
“ฉันไม่เคยบอกเลยนะว่าไม่อยากดูแลพวกหนูน่ะ” เธอต้องอธิบายให้ชัดเจน
เธอจะกล้าพูดว่าเธอไม่ต้องการดูแลลูก ๆ ของเจ้านายได้อย่างไรกัน? เจ้านายคงจะจัดการเธอ
จนกลายเป็นอาหารกลางวันเป็นแน่
“ในเมื่อต้องการจะดูแลเราสองคนจริง ๆ คุณควรทำเหมือนที่คุณพูดสิครับ” เห็นได้ชัดว่าเด็กชายไม่ชอบบรรยากาศที่เงียบ ๆ แบบนี้
ผู้หญิงคนนี้ดูซื่อบื้อกว่าคนอื่น ๆ มาก
เบียงก้า “…”
เป็นความผิดพลาดของเธอเองสินะที่ออกจากบ้านมาโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียก่อน ถึงได้มาเจอเรื่องเช่นนี้
“มากับหนูหน่อยค่ะ พี่ชาย” เด็กหญิงตัวเล็กบอกได้ว่าสีหน้าของป้าคนนี้เริ่มไม่พอใจ และเธอก็ลากพี่ชายออกไปด้วยความขุ่นเคือง
เบียงก้าถอนหายใจยาว มองดูเด็กน้อยสองคนเดินหายไปทางประตูห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำ
น้องสาวเอ่ยถาม “พี่คะ ทำไมถึงใจร้ายกับคุณป้าคนสวยจังเลย?!”
“ก็เธอมีแผนน่ะสิ” พี่ชายรู้สึกแย่กับน้องสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จากนั้น เด็กชายพูดอย่างเคร่งขรึม “พวกผู้หญิงหน้าตาดีพวกเต็มใจที่จะดูแลเราก็เพียงเพราะต้องการแต่งงานกับพ่อของเราเท่านั้นแหละ”
“พวกเขาต้องการแต่งงานกับพ่อของเราเหรอ?” น้องสาวไม่เข้าใจ
พี่ชายกล่าวเสริม “แถมอย่างน้อย ผู้หญิงคนอื่นก็ยังทำทีเป็นชอบพวกเรา แต่ดูเธอคนนี้สิ!”
ถ้าผู้หญิงคนนี้แต่งงานกับพ่อของตนจริง ๆ เธอจะไม่มีวันดูแลพวกตนได้อย่างดีแน่นอน
น้องสาวของเขายืนกราน “คุณปู่ทวดพูดเสมอนะคะว่าเราอย่าตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกน่ะ”
อย่างไรก็ตาม พี่ชายของเธอพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่สนว่าเธอจะคิดยังไงนะ ไม่ว่ายังไงฉัน
จะมีแม่แค่คนเดียว และนั่นคือผู้หญิงที่ทำให้ฉันเกิดมาเท่านั้น!!”
แม้น้องสาวสุดแสนซื่อจะเข้าใจ แต่เธอก็ขุนเคืองไม่แพ้กันพร้อมกับเอ่ยขึ้น “คุณปู่บอกว่าพวกเราเกิดมาจากต้นไม้ในสวน!”
"ยายโง่!" พี่ชายของเธอโกรธมากจนหน้าเล็ก ๆ ของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาผลักประตูห้องน้ำให้เปิดออก และไม่พูดอะไรอีก
เบียงก้าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทำไมพวกเขาถึงทะเลาะแบบนี้กัน
“ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ฉันผิดเองแหละ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับเด็กยังไง มันก็เลยเกิดบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบนั้น” เบียงก้ารู้สึกผิดอย่างมาก
น้องสาวเงยหน้าขึ้นและเอ่ยขึ้น “พี่ชายนั่นแหละค่ะที่เป็นคนผิด!”
เบียงก้าหันไปมองเด็กชายและพยายามพูดเพราะ ๆ กับเขา “หนูอยากดูการ์ตูนไหม?” เธอหยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมาขณะที่เธอกล่าวเสริม “ดูเรื่องเพลสแซ่นต์โก๊ตแอนด์บิ๊กบิ๊กวูล์ฟไหม หรือจะดูบาบู ดาบลูดีล่ะ?”
“นั่นมันให้เด็กดูแล้ว!” เด็กชายตัวน้อยอดไม่ได้ที่จะทำให้เธอดูโง่เขลาอีกครั้ง
เบียงก้ารู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้น
ทุกอย่างชะงักลงชั่วครู่
“คุณผู้หญิงครับ ทำไมถึงไม่ถามว่าเราอายุเท่าไหร่ล่ะ?”
เบียงก้าพบข้อแก้ตัวเพื่อขจัดความอึดอัด “แล้วหนูอายุเท่าไหร่?”
“ห้าขวบค่ะ พี่ชายก็ห้าขวบค่ะ”
“พวกเหนูเข้าโรงเรียนกันรึยังเอ่ย?” ถ้าพวกเขากำลังเรียนอยู่... วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี
“เราไปโรงเรียนค่ะ แต่เราก็มีติวเตอร์ส่วนตัวด้วย คราวนี้พ่อเป็นคนบอกว่าจะพาเราออกไปเล่น พ่อบอกว่าที่นี่มีชิงช้าสวรรค์สูงมากเลยแหละ”
“จ่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” เบียงก้าตอบกลับ
“ขอยืมโทรศัพท์หน่อย ผมอยากโทรหาพ่อ” พี่ชายบอก
เบียงก้ากระพริบตาปริบ ๆ และยื่นโทรศัพท์ให้เด็กชายทันที
บลองช์ค้นหารายชื่อในโทรศัพท์ของเบียงก้าเพื่อหาหมายเบอร์ติดต่อของพ่อ แต่หาเด็กน้อยหา
ไม่เจอ จากนั้นเขาก็มองหาผู้ติดต่อทางวีแชทของพ่อ แต่ก็หาไม่พบเช่นกัน
“คุณไม่มีช่องทางติดต่อกับพ่อผมเลยเหรอ?” เขาถามพลางเงยหน้ามองเบียงก้า
เธอส่ายหัว "ไม่มีหรอกจ่ะ"
ดูเหมือนพี่ชายจะไม่เชื่อเธอ ขมวดคิ้วขณะพูดว่า “ไม่มีจริง ๆ เหรอ?”
ของเธอคือดูแลเด็กทั้งสองให้ท่านประธาน
ในตอนแรกเบียงก้าเอาใจใส่ระมัดระวังอย่างมาก หากเด็ก ๆ มีรอยขีดข่วนใด ๆ แม้แต่น้อย อาจจะทำให้เธอต้องตกงานได้ แม้ว่าในที่สุด เธอลงเอยด้วยการกลิ้งเล่นบนพรมไปกับเด็ก ๆ
ลึกลงไปในหัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความชื้นใจ แต่ลึกเข้าไปด้านในอีก เธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน
ลูกของเธอคงอาจจะอายุประมาณลานี่กับเรนนี่ ตอนนี้
เมื่อเธอมองดูใบหน้าที่มีความสุขของเด็กน้อยทั้งคู่ ทำเธอแทบจะมองเห็นเป็นลูกเธอเอง
เด็กคนนั้นตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง? เธอมีความสุขดีใช่ไหม?
คืนนั้น เบียงก้ารับประทานอาหารกับเด็กน้อยที่รักทั้งสอง
พวกเขามีบริการทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ ในร้านอาหารของโรงแรม เรนนี่นั่งในร้านอาหาร และเพลิดเพลินไปกับอาหารตรงหน้า สักครู่ก่อนที่เธอจะเริ่มน้ำลายไหลเมื่อเห็นไก่ทอดที่เด็กคนอื่นกำลังรับประทานอยู่
“เช็ดน้ำลายซะ มันสกปรกนะ!” พี่ชายของเธอดุ และเธอเองก็ไม่พอใจ
เบียงก้ารีบหยิบผ้าเช็ดปาก เช็ดน้ำลายออกจากปากของเรนนี่
“พ่อหนูห้ามไม่ให้กินไก่ทอดเหรอจ๊ะ?” เบียงก้ารู้สึกไม่ดีต่อเรนนี่ ถ้าลูกสาวของเธอน้ำลายไหลเพราะไก่ทอดมากขนาดนี้ เธอคงจะยกเว้นให้สักครั้ง
เรนนี่พยักหน้า แต่ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่ไก่ทอดที่อยู่บนโต๊ะถัดไป เธอใจลอย
จนวางตะเกียบลงบนโต๊ะ
“ขอโทษนะคะ?” เบียงก้าโบกมือของเธอเรียกเด็กเสิร์ฟ
สิบนาทีผ่านไป
มีไก่ทอดมาเสิร์ฟ มีทั้งหมดสองชิ้น
ตัวพี่ชายตัวน้อยเสียสละให้น้องสาว เขามองไก่ทอดทั้งสองชิ้น ถึงแม้ว่าจะอยากลองชิมดูเหมือนกัน แต่เขาก็หักห้ามใจพลางเอ่ยขึ้น "กินไปเถอะ แต่พ่อสอนว่าลูกผู้ชายมีหลักการที่ต้องยึดมั่นอยู่”
เบียงก้าไม่ได้พูดอะไร แต่ข้างในเธอค่อนข้างแปลกใจ ในเวลาเดียวกัน เธอค่อนตกใจกับเด็ก
วัย 5 ขวบคนนี้ และการควบคุมตนเองของเขาเมื่อเผชิญกับสิ่งยั่วยวน
หลังจากที่เติบโตขึ้น บางคนอาจประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ แต่การเดินทางของพวกเขาไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาต้องอดกลั้นเท่าไร พวกเขาต้องเสียสละมากแค่ไหน
แล้วลุค ครอว์ฟอร์ดเป็นหนึ่งในตัวอย่างดังกล่าวรึเปล่านะ?
เด็กน้อยคนนี้เย็นชาและไม่ไว้ใจใคร เบียงก้าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่นีน่าพูดในตอนนั้นว่า
เจ้านายเป็นคนโหดเหี้ยมและไร้หัวใจในโลกของธุรกิจ
เด็กน้อยคนนี้เป็นเหมือนพ่อของเขาในแบบรุ่นเล็กจิ๋วล่ะนะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก