พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 342

อวิ๋นหลิงใช้แววตาครุ่นคิดมองดูพระเจ้าหลวง ฝ่ายหลังลดเสียงต่ำเพื่อจะอธิบาย

"ที่ใต้เตียงมังกรในตำหนักบำรุงฤทัย มีทางลับที่เชื่อมต่อไปถึงนอกเมือง มันเป็นเส้นทางลับที่สร้างเพื่อฮ่องเต้ของต้าโจวเท่านั้น ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ซึ่งนอกจากฮ่องเต้แล้ว คนอื่นจะไม่มีใครรู้เลย"

หรือก็แปลว่า อันชิงก็ไม่รู้เช่นกัน

"หากเกิดอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ให้องครักษ์หน่วยปืนไฟคุ้นกันทุกคนให้ใช้ทางลัดหลบหนี"

อวิ๋นหลิงตาวาวเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า เมื่อมีไพ่เด็ดเช่นนี้อยู่ในมือ นางก็ยิ่งมีความมั่นใจจะพาหน่วยปืนไฟคุ้มกันคนในวังได้

หลังจากร่วมกินข้าวกับพระเจ้าหลวงเรียบร้อย อวิ๋นหลิงก็ออกจากตำหนักฉางหนิงมา ขากลับต้องผ่านตำหนักของพระสนมจี้ซูเฟย จึงได้หยุดโดยอัตโนมัติ

ทหารกบฎที่เฝ้าอยู่ด้านหน้ารีบมาขับไล่นางด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก

"อันชิงอ๋องมีคำสั่ง ห้ามผู้ใดมาเข้าใกล้ตำหนักเว่ยยาง"

"ข้าไม่เข้าใกล้ ขอไปนั่งเล่นในอุทยานได้ไหม?"

ว่าแล้วอวิ๋นหลิงก็ถอยห่างไป นั่งที่ริมสะพานสระบัวที่อยู่ห่างไปสิบกว่าเมตร จากนั้นก็รวบรวมพลังจิตเพื่อขยายประสาทในการรับฟัง

ไม่ให้นางเข้าไป แต่จะห้ามนางแอบฟังได้หรือ?

ฉับพลันก็มีเสียงจี้ซูเฟยกับอันชิงอ๋องลอยมาข้างหู ทั้งคู่คล้ายจะมีเรื่องถกเถียงอยู่

"ท่านขังข้าอยู่นี่ทำไม ปล่อยข้าออกไปนะ ข้าจะพาฉางซวี่!"

"หลิงหวา เป็นเวลาหลายปีที่เราสองคนไม่มีโอกาสได้กินข้าวด้วยกัน จำได้ว่าเจ้าชอบกินหน่อไม้ผัด และหน้านี้ก็กำลังแตกหน่อใหม่ ข้าเพิ่งให้คนไปขุดมา เจ้าชิมดูซิว่ารสชาติเป็นยังไง"

ในตำหนักยังมีจุดธูปหอม อันชิงอ๋องตักข้าวให้จี้ซูเฟยด้วยสีหน้าอันอ่อนโยน ทั้งยังคีบผักที่นางโปรดปรานให้อีก ทำราวกับไม่ได้ยินเสียงโวยวายของนาง

หลังจากยื่นชามข้าวให้แล้ว เขาายังคืบหน่อไม้ไปที่ปากของนางอีก

จี้ซูเฟยสุดจะทานทน ปัดชามข้าวลงพื้นทันที ทั้งเศษกระเบื้องและอาหารเลอะเทอะไปหมด

"เซียวเหมี่ยน พอได้แล้ว ถ้าไม่ยอมให้ข้าได้พบฉางซวี่ ข้ายอมอดตายก็จะไม่กินข้าวแม้แต่คำเดียว!"

นับแต่มีการชิงบัลลังก์ นางก็ถูกกักอยู่ในตำหนักเว่ยยาง และไม่รู้ว่าอันชิงอ๋องทำอะไรบ้าง ส่วนเสียนอ๋องก็ไม่เคยโผล่มาอีก

อันชิงอ๋องเห็นสภาพเลอะเทอะบนพื้น สีหน้าอ่อนโยนก็พลันขรึมลง และตักข้าวอีกชามหนึ่งอย่างใจเย็น

"หลิงหวา กินหน่อยเถอะนะ รออีกสามวัน ไว้ให้เจ้าเก้ามอบตราลัญจกรออกมา ข้าจะให้เจ้าได้พบกับฉางซวี่ และพอเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็คือไทเฮา จะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก และเราก็ไม่ต้องสนใจสายตาของคนรอบข้างด้วย"

"เซียวเหมี่ยน กระดาษห่อไฟไม่มิดหรอกนะ" จี้ซูเฟยมองหน้าเขาอย่างเย็นชา "ท่านทำการเนรคุณ ลบหลู่เบื้องสูง สมคบต่างเผ่าช่วงชิงบัลลังก์ ซ้ำยังคิดหมายปองภรรยาของพี่น้อง อนาคตจะต้องถูกผู้คนประณามสาปแช่ง"

เมื่อได้ยินดังนี้ อารมณ์ของอันชิงอ๋องก็กลายเป็นคุกรุ่นขึ้น พร้อมมองหน้าจี้ซูเฟยอย่างเย้ยหยัน น้ำเสียงแหบพร่าและเดือดดาลยิ่ง

"ข้าช่วงชิงบัลลังห์ หมายปองภรรยาของพี่น้องหรือ? หากวันหน้าข้าถูกคนประณามจริง นั่นก็เพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ"

เมื่อได้ยินเข้า จี้ซูเฟยก็เหมือนหายใจติดขัด ใบหน้าซีดเผือดและเบือนสายตาไปทางอื่น

อวิ๋นหลิงเพิ่งรู้ว่าการใช้พลังจิตขยายโสตประสาทมันดีอย่างงี้นี่เอง

เรื่องบาดหมางของคนรุ่นก่อนและรุ่นแก่เฒ่าล้วนแต่สนุกไปคนละแบบ งั้นวันหลังถ้าอยู่ว่าง ๆ ก็คอยแอบฟังตามซอกมุมในวังหลวงแล้วกัน เผื่อมีความลับที่น่าตื่นเต้นกว่านี้อีก

ผ่านไปเนิ่นนาน จี้ซูเฟยก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาขึ้นมา

"แสดงว่าทุกอย่างที่ท่านวางแผน ล้วนทำเพื่อแก้แค้นข้าอย่างงั้นหรือ?"

"ถูกต้อง!”

อันชิงอ๋องมองนางอย่างเย็นชา สายตาแฝงด้วยแววแก้แค้นอย่างสะใจ

“เจ้าบอกว่าจวนเหวินกั๋วกงไม่เหมือนคนอื่น ข้าจึงให้เว่ยฉือเหลียนไปอยู่กับพวกเขา เพื่อทำลายกฎของบรรพบุรุษ เจ้าหวังให้เจ้าเก้าได้ครองบัลลังก์ จึงหลอกข้าพร้อมกับนอกใจ มาวันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความบาดหมางระหว่างฉางซวี่กับพ่อของเขา และชิงบัลลังก์จากพ่อของเขามาเอง”

อวิ๋นหลิงฟังอย่างเงียบ ๆ พร้อมจุดเทียนไว้อาลัยในใจแก่อันชิงอ๋องหนึ่งวินาที

มิน่าอันชิงอ๋องถึงให้ฮูหยินเหลียนไปอยู่จวนเหวินกั๋วกง เหตุเพราะหลังจากถูกผู้หญิงหลอกแล้ว ไปพาลถึงคนอื่นนั่นเอง

จี้ซูเฟยขอบตาแดงเรื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ถ้าโกรธแค้นก็มาเล่นงานข้าได้ ทำไมต้องหลอกฉางซวี่ให้เข้าใจพี่เก้าผิดไป...”

เสียงฝ่ายชายในตำหนักกล่าวตอบด้วยความเย้ยหยัน “หลายปีนี้ฉางซวี่เคยถามเรื่องในอดีตกับเจ้าบ่อย ๆ แต่เจ้าไม่กล้าเอ่ยปากบอกให้เขารู้ ใช่หรือปล่า?”

หากจี้ซู่เฟยกล้าที่จะเปิดเผยเรื่องราวในอดีต เขาก็คงไม่มีโอกาสได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นไว้ในใจของเสียนอ๋อง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ