“แค่ออกมาก็พอใช่ไหม?” หลังจากที่เงียบมานานในที่สุดยี่หวาก็พูดออกมาอย่างเฉยชา ก่อนจะโยนกุญแจรถให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกมาจากลานจอดรถ
ขณะที่ยี่หวากำลังจะกดโทรศัพท์หาวายุ หน้าจอก็ปรากฏสายเรียกเข้าขึ้นมาก่อน “ฮัลโหล…”
“ฉันไปรับเรนมาแล้วเธอจะกลับตอนไหน วันนี้ฉันซื้อกับข้าวเข้ามาให้แล้ว เธอคงเหนื่อยกับงานจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำอาหารอีก”
น้ำเสียงอ่อนโยนของวายุที่ดังเข้ามาในหูยี่หวา ทำเอาใจของเธอสั่นไหวยังไงไม่รู้ เพราะต่อไปเธอก็คงไม่ได้กินข้าวพร้อมกับพวกเขาอีกแล้ว
ยี่หวาพยายามกดเสียงตัวเองให้ต่ำ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังจะร้องไห้ “วันนี้ฉันคงไม่ได้กลับบ้านนะคะ พอดีเพื่อนฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก็เลยตั้งใจว่าจะอยู่ฉลองกันสักหน่อย”
“อืม ฉันจะบอกเรนให้ เธอก็อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าดื่มเหล้านะ ฉันเป็นห่วง อาการของเธอเพิ่งจะหายดี”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“พรุ่งนี้ผลตรวจออก เธอจะให้ฉันไปด้วยไหม”
“ไม่เป็นไร รบกวนคุณเปล่าๆ เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้ค่ะ”
“ไม่รบกวน”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ฉันไปคนเดียวจะสะดวกกว่า ถ้าอย่างนั้นแค่นี้นะคะ ฝากบอกเรนด้วยว่าอย่านอนดึก”
“โอเค” น้ำเสียงวายุฟังดูน้อยใจยังไงไม่รู้…
พอวางสายยี่หวาก็ทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมา โชคดีที่ชั้นนี้เป็นลานจอดรถพิเศษทำให้แทบจะไม่มีผู้คนเดินผ่าน
ฮาเดสที่ยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาวตั้งแต่แรก พอเห็นเธอร้องไห้ก็ตกใจจนเกือบจะทำอะไรไม่ถูก เขาถอดเสื้อคลุมสีดำขนาดใหญ่โยนใส่หัวยี่หวา “ห้ามเปียก!”
ยี่หวารีบหยิบเสื้อออกจากหัว มืออีกข้างรีบเช็ดน้ำตา ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วปาเสื้อใส่ผู้ชายตรงหน้า แล้วจ้องเขม็งอย่างหาเรื่อง
“ตอนนั้นเธอเกือบจะถูกฆ่าตายฉันยังไม่เห็นน้ำตาเธอสักหยด แล้วนี่อะไร กับแค่ให้ออกมาจากบ้านนั้นกลับร้องไห้จะเป็นจะตาย”
“คนไร้ความรู้สึกแบบนายไม่เข้าใจหรอก แล้วก็เรื่องของฉันไม่ต้องมายุ่ง มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”
“ได้ไง เธอไม่ได้บอกว่าจะอยู่ฉลองกับฉันเหรอ”
“ฉันไม่คุยกับนายแล้ว แยกย้ายทางใครทางมัน แล้วก็ไม่ต้องห่วงฉันจะไม่กลับไปบ้านนั้นให้นายต้องทำร้ายพวกเขาแน่”
“ตากับยายเธอย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว เธอว่าฉันควรจะไปทักทายพวกเขาในฐานะลูกเขยหน่อยไหม?”
“นี่นาย!” ยี่หวาตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างเหลืออด
“เรียกที่รักสิ”
“นายจะทำอะไรพวกเขา”
“ไม่รู้สิ ถ้าเธอทำตัวดีฉันก็จะทำตัวดีอยู่อย่างสงบเช่นกัน ว่าแต่ทำไมสีหน้าเธอดูร้อนรน? หรือว่าเธอยังคิดว่าพวกมันเป็นครอบครัวเธออยู่”
“ยังไงพวกเขาก็เป็นตากับยายของพี่พีช ซึ่งเขาเป็นพี่ชายของฉัน เพราะงั้นนายไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับพวกเขา”
“เธอก็แค่ไปฉลองที่ฉันกลับมาวันนี้”
“ได้! ฉันจะฉลองที่นายจะกลับไปพรุ่งนี้”
หลังจากนั้นยี่หวาก็ต้องจำใจไปกับฮาเดส ซึ่งเขาก็พาเธอมาที่ผับแห่งหนึ่ง นี่เขาไม่รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้เธอเป็นดาราแล้ว ขืนคนอื่นๆ เห็นเธออยู่ในที่แบบนี้ต้องเกิดข่าวแน่ๆ “ฉันจะกลับบ้าน ฉันลงไปไม่ได้”
“หลังร้าน”
“มีไว้สำหรับพนักงาน”
“รวมถึงเจ้าของด้วย อย่าชักช้ารีบตามลงมา” ฮาเดสลงจากรถฝั่งคนขับก่อนจะเดินไปอย่างไม่สนใจยี่หวา
“เดี๋ยวสิ! นี่นายเป็นเจ้าของที่นี่ได้ยังไง” ยี่หวาวิ่งตามฮาเดสมาอย่างรวดเร็ว
“ฉันขอตัวไปดูงานก่อน” ฮาเดสว่าจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องทันที
ยี่หวาเมื่อเห็นว่าเขาออกไปแล้วก็เดินไปนั่งคั่นกลางสฟริงซ์กับโยวไคก่อนจะหันไปส่งสายตาคาดคั้นให้ทั้งคู่ “บอกมานะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเฮียถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมถึงได้พูดไทยชัดขนาดนี้ แล้วทำไมฮาเดสถึงกลายเป็นเจ้าของผับนี้ได้”
“งั้นเฮียเป็นคนตอบแล้วกัน” โยวไคพูดขึ้นก่อนจะรวบรวมคำถามหญิงสาวไว้ในหัวและตอบออกมารวดเดียว “ลูลูซรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าวันหนึ่งหนูจะต้องกลับมาอยู่ที่ไทย ดังนั้นเขาก็สั่งให้พวกเราแอบหัดพูดไทยกันมาโดยตลอด แถมยังลงทุนกับบริษัทมากมายในไทยมานานแล้ว รวมถึงเปิดผับอีกมากมายในประเทศนี้ด้วย”
ยี่หวาฟังจบก็พูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าเขาจะตามติดเธอขนาดนี้ “เขาจะย้ายมาอยู่ที่ไทย?”
“เฮียว่าน่าจะใช่ เพราะตอนนี้เขาซื้อบ้านไว้แล้ว”
คนที่เธอตั้งใจจะหนี สุดท้ายก็หนีไม่พ้น แล้วต่อไปชีวิตเธอที่นี่ยังจะรู้จักคำว่าสงบสุขไหม เพราะคนคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความบรรลัย
ยี่หวาที่รู้สึกเครียดก็ยื่นมือไปหยิบแก้วของสฟริงซ์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม จนลืมสิ่งที่วายุบอกไปเลย “โอ๊ะ! เอเวอร์เคลีย* อย่างนั้นเหรอ? แบบนี้ค่อยน่าดื่มหน่อย”
“ว่าแต่หนูช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” โยวไคหันไปถามยี่หวาที่กำลังรินเหล้าเพรียวๆ ใส่แก้ว
“ก็สนุกดีค่ะ มีคนคอยตามฆ่าเหมือนตอนอยู่ที่นั่นเลย แต่ฝีมือค่อนข้างคนละระดับกัน เพราะงั้นสบายๆ ส่วนแผลนี้แค่เผลอไปเท่านั้น”
“เฮียได้ข่าวว่าตอนนี้หนูเป็นดารา?”
“ใช่ค่ะ คือพี่พีชอยากให้หนูได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง แต่พอทำแล้วก็สนุกดีค่ะ”
“ไว้ว่างๆ เจ๊พาพวกผมไปหาพี่ชายเจ๊หน่อยนะ เห็นเจ๊พูดถึงบ่อยๆ แต่ผมยังไม่เคยเจอเลย” เซเร็กเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
“ได้สิ พี่ชายฉันใจดีมาก”
*สีคอปเปอร์ คือ สีที่มีความผสมผสานระหว่างน้ำตาลปนส้มปนแดงอย่างละนิดอย่างละหน่อย
*เอเวอร์เคลีย (Everclear) คือ เหล้าจากอเมริกามีปริมาณแอลกอฮอล์ 95%
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม