วายุที่ได้รับโทรศัพท์จากรชานนท์ว่ายี่หวาโทรมาบอกว่าจะไม่รักษาต่อเขาก็รู้สึกเป็นห่วงเลยมาหาเธอที่ห้อง แต่พอมาถึงเขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องของเธอมือข้างซ้ายกำลังไขกุญแจเข้าไปในห้อง
“ทำอะไร” วายุเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ฮาเดสหันไปมองทางต้นเสียง พอเห็นหน้าของวายุก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัว “ก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็ประธานภูวิศนี่เอง”
“คุณกำลังทำอะไร” วายุจ้องไปยังมือของเขาที่จับลูกบิดประตูห้องยี่หวาอยู่
“ก็จะเข้าห้องแฟน คุณมีปัญหา?”
“แฟน?”
“ว่าแต่ผมสั่งให้ยี่หวาเลิกยุ่งกับคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่อีก”
เป็นเพราะผู้ชายคนนี้ เธอเลยออกห่างจากเขาอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมเธอต้องทำตามด้วย “ยี่หวาบอกว่าคุณเป็นเพื่อน”
“จุ๊ๆ ดูเหมือนว่าผมต้องเตือนความจำเธอหน่อยแล้ว” ฮาเดสพูดออกมาอย่างสบายๆ ไม่มีความโกรธใดๆ
ขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่ ยี่หวาที่อยู่ในห้องก็เปิดประตูออกมาก่อนจะตะโกนใส่หน้าฮาเดส “นายจะยืนอยู่อีกนานไหม ไม่ต้องเข้ามาแล้วฉันจะออกไปข้างนอก”
ก่อนหน้านี้ยี่หวากำลังนั่งใส่รองเท้าอยู่ตรงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงลูกบิดประตู ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร แต่เขาก็ไม่ยอมเข้ามาสักทีจนเธอใส่รองเท้าเสร็จ
“จะไปไหน”
“ระบายอารมณ์”
“ก็ดี เพราะตอนนี้ฉันก็กำลังอารมณ์เสียเหมือนกัน” ฮาเดสพูดพร้อมกับเหลือบไปมองทางวายุ
“อะไรของนาย…” ยี่หวาหันไปมองตามฮาเดส ก่อนจะนิ่งไปสามวินาที กลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง สงบจิตสงบใจ จากนั้นก็เมินวายุแล้วหันมาพูดกับฮาเดส “ไปกันเถอะ”
“เธอไม่ควรเมินคนอื่นแบบนี้ มันนิสัยไม่ดี เขาอุตส่าห์มาหาเธอนะ”
นายไม่ต้องมาสอนฉัน!
“คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” ยี่หวาหันไปพูดกับวายุ ทำเหมือนกับเขาเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
“เปล่า ฉันแค่เป็นห่วง เห็นหมอบอกว่าเธอจะไม่รักษาต่อแล้ว”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงแฟนผม แต่ทีหลังไม่ต้อง” ฮาเดสพูดแทรกขึ้น เพราะเขาเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วที่ผู้ชายคนนี้พูดว่าเป็นห่วงยี่หวาต่อหน้าเขา
ยี่หวาที่เห็นว่าท่าทางไม่ดีแล้วจึงพูดกับวายุด้วยเสียงแข็ง “ฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” หมายความว่าไม่ต้องเป็นห่วงเธอ จากนั้นยี่หวาก็ควงแขนฮาเดสแล้วเดินไปทันที
วินาทีที่หญิงสาวเดินไปวายุแทบจะหยุดหายใจในทันที เธอเป็นแฟนผู้ชายคนนั้นจริงๆ ด้วยสินะ ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านมามันคืออะไร เป็นเพราะความสงสาร หรือความเห็นแก่ตัวของเขาที่ยื้อเธอไว้ตั้งแต่แรกกันแน่ เขาจะต้องเสียเธอไปอีกครั้งจริงๆ อย่างนั้นเหรอ…
“เล่นละครเก่งสมกับเป็นนักแสดง” ฮาเดสมองยี่หวาที่กำลังขับรถพร้อมกับตบมือให้ เพราะเธออยากระบายอารมณ์เขาก็จะไม่ขัด “แล้วไม่ร้องไห้เหรอ บทยังไม่สมบูรณ์เลย”
“คิดว่าฉันจะร้องไห้ต่อหน้านายหรือไง”
ยี่หวาหันกลับไปตะโกนใส่ฮาเดส “เสียใจด้วย ฉันจำเรื่องที่ฉันตกทะเลได้แล้ว เพราะงั้นฉันไม่กลัวน้ำแล้ว” ว่าจบยี่หวาก็วิ่งลงไปในน้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เล่นน้ำทะเลตั้งแต่จำความได้
“ตกทะเล? ตกได้ยังไง”
“โดนคนผลัก แต่ยังจำได้ไม่หมด อย่าเพิ่งทำหน้าเหมือนจะไปฆ่าใคร นายนี่นะ เอะอะก็จะฆ่าอย่างเดียว หัดใจเย็นบ้างเถอะ”
“เมื่อก่อนเธอเจออะไรมาบ้างเนี่ย น่าแปลกที่เธอยังมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้”
“อืม ฉันก็คิดเหมือนกัน เพราะงั้นฉันก็เลยไม่อยากรักษา จำเท่าที่จำได้ก็พอ ไม่อยากฝืนแล้ว ยิ่งพยายามก็ยิ่งเหนื่อย”
ยี่หวาก้มหน้าลงมองคลื่นอย่างเหม่อลอย เวลาเศร้าๆ สถานที่ผ่อนคลายมากที่สุดก็คงเป็นทะเลนี่แหละ โชคดีที่ตอนนี้มืดแล้วเลยไม่มีคน เธอเลยสามารถเดินเล่นได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวใครเห็น
“อย่าขยับ!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง พอยี่หวากับฮาเดสหันไปก็เจอผู้ชายคนหนึ่งถือปืนจ่อมาทางเธอ
“ฮ่าๆ” ฮาเดสหัวเราะลั่นออกมา “อย่าบอกนะว่าคนแบบนี้ที่ตามฆ่าเธอ ฮ่าๆ แถมครั้งที่แล้วเธอยังพลาดท่าอีก”
ยี่หวาเอื้อมมือไปตีแขนฮาเดส “นี่นายอย่าหัวเราะสิ มันเสียมารยาทนะ อีกอย่างครั้งที่แล้วก็ระดับสูงกว่านี้”
“พวกแกเงียบปากซะไม่งั้นยิงทิ้งแน่…อึก!” ชายคนนั้นยังพูดไม่ทันจบฮาเดสก็พุ่งเข้าไปถีบอีกฝ่ายจนกระอักเลือดออกมา ซึ่งฟังจากเสียงกระดูกแล้วไม่ตายก็พิการ
“นี่นายจะไม่เก็บคนไว้ให้ฉันหาตัวการเลยใช่ไหม” ตั้งแต่เธอกลับไทยมา นี่ครั้งที่สามแล้วนะที่เจออะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ถึงตัวการสักที
“เธออยู่ที่นี่ดูเหมือนว่าจะโง่เกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจออะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วคิดเหรอว่ามันจะมาแค่คนเดียว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม