ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 43

“เดี๋ยวเรนไปนั่งรอหม่ามี๊ที่โซฟาก่อนนะ”

เมื่อทั้งสองคนมาถึงคอนโด ยี่หวาก็รีบสั่งให้เด็กน้อยไปนั่งรอเพราะเธอต้องไปหยิบยาในตู้ก่อน

“ครับหม่ามี๊”

เมื่อได้ยามาแล้วเธอก็รีบมานั่งข้างๆ เด็กน้อยเพื่อที่จะได้ทำแผลได้สะดวก “ถอดเสื้อแล้วหันหลังมาให้หม่ามี๊ดูหน่อยครับ”

“ทำไมเหรอครับ” เรนจิทำหน้ามึนงงเล็กน้อย

“หม่ามี๊จะทำแผลให้”

“อ๋อ…ครับ” เรนจิลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย เพราะพอเขาได้เจอหน้าหม่ามี๊ ความเจ็บก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะหายไปเองเลย

พอยี่หวาเห็นแผลข้างหลังเด็กน้อยชัดๆ ใจเธอก็อ่อนยวบลงทันใด นี่มันหนักกว่าที่เห็นตอนวิดีโอคอลอีก ยี่หวาที่นั่งทำแผลได้สักพักก็มีเสียงเล็กๆ ของเด็กน้อยดังขึ้น “หม่ามี๊เป็นคนแรกเลยที่ทำแผลให้เรน”

หัวใจยี่หวาพลันกระตุกวูบ “แล้วทุกทีเวลาหนูมีแผลใครทำให้เหรอ”

“เรนไม่เคยทำแผล”

“อ่าว ที่บ้านหนูไม่ทำแผลให้เหรอ”

เด็กน้อยส่ายหน้าสองสามทีก่อนจะเอ่ยเสียงเบาๆ ออกมา “เปล่าครับ ที่บ้านไม่เคยรู้ว่าเรนมีแผล เพราะแผลส่วนใหญ่ก็ได้จากแม่ทั้งนั้น”

ยี่หวาไม่เข้าใจเลยว่าคนที่บ้านหลังนั้นเลี้ยงเด็กคนนี้ยังไง ส่วนพ่อเขาก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ “งั้นต่อไปถ้าเรนมีแผล เรนต้องบอกหม่ามี๊นะ แล้วหม่ามี๊จะเป็นคนทำแผลให้เรนเอง”

“จริงเหรอครับ”

“จริงสิจ๊ะ”

“โอเคครับ ต่อไปถ้าผมมีแผลผมจะรีบบอกหม่ามี๊เป็นคนแรกเลย” เรนจิรู้สึกว่าอยากให้ตัวเองมีแผลทุกวันเลย เขาจะได้เจอหน้าหม่ามี๊ทุกวัน

“เอาล่ะ เสร็จแล้ว หม่ามี๊ติดปลาสเตอร์กันน้ำไว้ให้ อาบน้ำได้ตามปกติเลยนะ หรือจะให้หม่ามี๊อาบให้ไหม”

เรนจิก้มหน้ามองที่พื้นพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเขินอาย “ผมขออาบเองดีกว่าครับ”

ยี่หวาหลุดขำออกมาเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรู้ว่าเด็กคนนี้ดูแลตัวเองได้ทั้งหมดไม่ต้องคอยบอกอะไร เพราะเธอเคยเปิดกล้องกับเรนจิตลอดหนึ่งเดือน ทำเอาโทรศัพท์เธอรวนไปอยู่เหมือนกัน แต่เธอคิดว่ามันก็คุ้มที่ได้โทรคุยกับเด็กน้อย เธอเคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งเธอมีลูกน่ารักๆ แบบนี้มันจะน่ายินดีขนาดไหนกันนะ

วันต่อมา

ตอนนี้ยี่หวาและเรนจิกำลังนั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่แถวโรงเรียนอนุบาลเด็กน้อย ก่อนที่เรนจิกำลังจะเปิดประตูลง ยี่หวาก็เอื้อมมือไปลูบหัวเรนจิ พร้อมกับพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน “ตั้งใจเรียนนะคนเก่ง”

“ตอนเย็นหม่ามี๊จะมารับเรนไหมครับ”

“มาสิจ๊ะ บ่ายสามโมงครึ่งไม่สายแน่นอน”

พอได้ฟังคำตอบที่พอใจเด็กน้อยก็ยิ้มจนตาหยีเลย “โอเคครับ”

จากนั้นเรนจิก็เปิดประตูลงไปจากรถ เนื่องจากมีรถจอดอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลมากจนเกินไป ยี่หวาจึงทำได้เพียงส่งเด็กน้อยจากจุดที่ห่างออกไปเท่านั้น ตอนแรกเธอก็ตั้งใจจะเดินไปส่งเรนจิแต่ก็โดนเขาปฏิเสธ ซึ่งเหตุผลก็คือเจ้าตัวไม่อยากให้เธอเหนื่อยนั่นเอง รอตอนเลิกเรียนก่อนเถอะ เธอจะมาตั้งแต่บ่ายสองเลย ดูสิว่าจะยังไม่มีที่จอดอีกไหม

“ค่ะ ส่งก่อนที่คุณจะโทรมาไม่นานนี่เอง เสียดายที่คุณโทรมาช้าไปหน่อยเลยอดคุยกับเรนเลย”

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้จะคุยกับเขา…” วายุยังพูดไม่ทันจบก็โดนปลายสายแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เรนเป็นเด็กดีมากค่ะ ไม่ดื้อเลยสักนิดพูดอะไรเชื่อฟังหมดเลยค่ะ”

อยู่ๆ ปลายสายก็พูดในสิ่งที่ไม่ได้เชื่อมกับคำพูดของเขาก่อนหน้านี้เลย เหมือนยี่หวาจะคิดว่าเขาโทรไปหาเธอเพื่อถามเรื่องเรน แต่แท้ที่จริงแล้วเขาแค่อยากได้ยินเสียงเธอต่างหาก

“ไม่ทำให้เธอลำบากก็โอเคแล้ว…” ทว่าวายุยังไม่ทันพูดจบปลายสายก็รีบแทรกขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ลำบากเลยค่ะ ไม่ลำบากเลยสักนิด คุณโชคดีมากที่มีลูกชายน่ารักแบบนี้”

“อืม” อันนี้เขาเห็นด้วย

“เอ่อ…” อยู่ๆ เสียงปลายสายก็เงียบไปจนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของอีกฝ่าย ทำให้วายุรู้สึกได้ว่าเธออยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้าพูด

“เธอมีอะไรหรือเปล่า”

“ตอนเย็นฉันขอไปรับเรนได้ไหม พอดีฉันสัญญากับเรนไว้ค่ะ”

พอรู้ว่าหญิงสาวต้องการอะไรวายุก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย เพราะเธอทำให้เขาแอบลุ้น “ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะเมื่อวานเธอก็เป็นคนพูดเองว่าจะไปรับเรน”

“จริงด้วยค่ะ งั้นฉันไม่กวนคุณแล้วดีกว่า แค่นี้นะคะ”

ปลายสายพอพูดจบก็วางสายไปทันที ทำเอาวายุที่เป็นฝ่ายโทรไปถึงกับพูดไม่ออก เขาเป็นคนโทรไปไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอพูดเหมือนกับว่าเธอเป็นคนโทรมารบกวนเขาเองเสียล่ะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม