“แต่หวาไม่เห็นว่าสองพ่อลูกจะสนใจผู้หญิงคนนั้นเลย ขนาดเรนเองก็ยังไม่สนใจแม่ของเขา แถมคุณวายุก็รู้ว่าหวามีปัญหากับครอบครัว วันก่อนหวากำลังนั่งกินข้าวอยู่กับครอบครัวเขา ดาหลาเดินเข้าบ้านมาพอดี คุณวายุก็รีบพาหวาออกมาเพื่อไม่ให้เจอดาหลา”
“ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะรู้จักเราดีมากเลยนะ บางทีเราน่าจะลองถามเรื่องเก่าๆ จากเขาดู”
“จะดีเหรอ” เพราะเธอเองก็ไม่กล้าคุยกับเขามากเท่าไหร่
“ดีสิ จะได้พร้อมเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตน้องสาวต่างแม่ของเราด้วย”
“ก็ได้ค่ะ” ยี่หวาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์โทรออกหาวายุ
ขณะนั้นเองในห้องประชุม ณ พิชญไพศาลกรุ๊ป เหล่าคณะกรรมการต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด พยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่พนักงานท่านหนึ่งรายงานงบประมาณของบริษัทอยู่ เพราะถ้าหากมีตรงไหนผิดพลาดอีกได้เกิดระเบิดลูกใหญ่ลงแน่
และไม่กี่นาทีต่อมาโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าวายุก็สั่นซึ่งดูเหมือนว่าจะมีสายเรียกเข้า เขาไม่รอช้ารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะกดตัดสายอย่างที่เคยทำ แต่ทว่าสายตาก็ดันเห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอเสียก่อน ไม่ทันได้คิดอะไรต่อมือเขาก็กดรับสายเสียแล้ว
“ฮัลโหล ตอนนี้คุณสะดวกคุยไหมคะ”
เอ๊ะ?
คณะกรรมการแต่ละคนต่างก็ทำหน้าตาสงสัย เพราะตามปกติแล้วท่านประธานจะไม่รับโทรศัพท์มือถือขณะที่กำลังประชุมอยู่
ซึ่งพอได้ยินเสียงยี่หวา บรรยากาศรอบตัววายุก็เปลี่ยนไปฉับพลัน จากความเยือกเย็นกลายเป็นความอบอุ่น ทำเอาคนอื่นๆ ต่างก็รู้ได้ทันทีว่าคนปลายสายของท่านประธานจะต้องเป็นคนสำคัญ และพิเศษมากแน่ๆ
“สะดวก” น้ำเสียงเย็นชาแต่มีความนุ่มนวลหลงเหลืออยู่เอ่ยออกมา ทำเอาคนอื่นๆ ต่างก็ทำหน้ามึนงงกันเลยทีเดียว
อะไรคือสะดวก?
พวกเขาไม่ได้ประชุมกันอย่างเคร่งเครียดอยู่หรอกเหรอ ทำไมท่านประธานกลับบอกว่าสะดวกเสียได้ล่ะ แถมน้ำเสียงของเขาก็ดูจะอ่อนโยนด้วย
คนปลายสายเป็นใครกันแน่...!?!
ส่วนธาราธรนั้นถึงกับทำสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม พี่เขาสามารถพูดคำว่าสะดวกได้ออกมาหน้าตาเฉย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเครียดจะตายอยู่แล้วเพราะมีงบบางส่วนผิดพลาด
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ ตอนเย็นฉันขอไปรับเรนนะ”
“ได้ รอที่บริษัท”
“โอเคค่ะ งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว” ยี่หวาพูดจบสายก็ถูกตัดไปทันที วายุเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเย็นชาเช่นเดิม ทำเอาผู้บริหารคนอื่นๆ ต่างทำตัวไม่ถูก คงจะหมดช่วงเวลาโบนัสแล้วสินะ…
หลังจากที่พีรพัฒน์เห็นว่ายี่หวากดวางสายก็รีบถามขึ้นอย่างร้อนรน “เมื่อกี้คนที่เราโทรไปหาคือผู้ชายคนนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ พอดีว่าหวาอยากไปรับเรนที่โรงเรียน จริงสิพี่ไปด้วยกันไหม”
“ไม่เอา” เขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป กลัวว่าถ้าอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนั้นแล้วเขาจะไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ “ในเมื่อเราตกลงยอมเล่นหนังแล้ว งั้นเราไปหาผู้กำกับกัน”
“เฮ้อ! โอเคค่ะ” คิดว่าพี่เขาจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันหนึ่งเธอจะต้องมาแสดงหนังจริงๆ อุตส่าห์ปฏิเสธแมวมองไปตั้งเยอะ สุดท้ายก็โดนพี่ชายตัวเองทาบทามแทน
ยี่หวาเดินตามพีรพัฒน์ไปยังห้องของผู้กำกับ ซึ่งตลอดทางเดินก็มีคนพูดถึงยี่หวาไม่ขาดสาย
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“หรือว่าจะมาแทนนักแสดงที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อวาน”
“เป็นไปได้”
“แต่เธอสวยมากเลย มองมุมหนึ่งสวยมองอีกมุมน่ารัก แถมยังสวยกว่าคนเก่าอีก สวยจนผู้หญิงอย่างฉันยังหลง”
“จริง! แต่พวกเธอสังเกตไหมว่าผู้หญิงคนนั้นดูคล้ายกับพีชเลย”
พีรพัฒน์เดินมาโอบไหล่ยี่หวา “ดูไม่ออกเหรอว่าผมเป็นอะไรกับเธอ”
กวินนิ่งไปสักพัก พยายามมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา จนในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ว่าหน้าทั้งสองคนคล้ายคลึงกันมาก “ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน?”
“ถูกต้องนะครับ เป็นไง น้องสาวผมสวยเปล่า”
“สวยมาก ทำไมไม่เคยบอกว่ามีสาวสวยขนาดนี้อยู่ข้างกาย” สีหน้ากวินเห็นได้ชัดว่ามีความเสียดาย เพราะถ้าเขาเจอเธอเร็วกว่านี้ หนังของเขาก่อนหน้านี้ต้องทำรายได้ดีกว่านี้แน่ “แล้วเธอเคยแสดงหนังมาก่อนไหม”
“ไม่เคยค่ะ”
“ไม่เป็นไรๆ งั้นเธอลองแสดงบทหนึ่งดูก่อน จะได้ให้พีชช่วยดูว่าควรแสดงยังไง”
“ได้ค่ะ”
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินเข้ามาในห้องสำหรับถ่ายทำ พนักงานที่กำลังทำงานอยู่ก่อนหน้านี้สายตาก็จับจ้องมาที่ยี่หวาเป็นตาเดียว
“นี่บทเธอ เดี๋ยวลองถ่ายฉาก 11 ดูก่อน”
ยี่หวาเอื้อมมือไปรับบทในมือกวินแล้วยกขึ้นอ่าน ฉากที่เขาจะให้เธอแสดง เป็นฉากผู้หญิงที่ชื่อว่าเวนิสลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบว่าไม่มีใครมองเห็นเธอเลย เธอเดินอย่างเหม่อลอย จนในที่สุดเธอก็ได้ไปเจอกอหญ้า นางเอกของเรื่อง
“เอาแค่นี้ก่อน ฉันให้เวลาเธอเตรียมตัวเผื่อต้องทำสมาธิและจำบทอีกยี่สิบนาทีค่อยเริ่มถ่ายทำ” กวินหันไปพูดกับยี่หวา
“ถ่ายเลยก็ได้ค่ะ” เพราะฉากนี้แทบจะไม่มีบทพูดอะไรเลย ก็แค่พยายามทำสีหน้าให้สื่อถึงอารมณ์ก็แค่นั้น
กวินถลึงตาโต นี่เขาเพิ่งยื่นบทไปให้เธอไม่ถึง 10 วินาทีเองไม่ใช่เหรอ “เธอจำบทได้แล้วเหรอ”
“ค่ะ”
กวินรีบเดินไปประจำตำแหน่ง “ทุกฝ่ายเตรียมพร้อม หานักแสดงแทนนางเอกด้วย เราจะลองถ่ายทำฉาก 11 งั้นเริ่มถ่ายกันเลย 3 2 1 แอคชั่น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม