สักพักนอร์เวย์ก็พายี่หวาและสองพ่อลูกมาส่งบ้านก่อนจะขับรถออกไปด้วยความบอบช้ำ บ้านของยี่หวาเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ข้างหน้าบ้านมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่แถมยังอยู่ห่างจากแม่น้ำไม่ไกลด้วย
“ว้าว! บ้านหม่ามี๊สวยจังเลยครับ สวยกว่าบ้านย่าของเรนอีก ดูน่าอยู่มากเลยมีสระว่ายน้ำด้วย สุดยอดมาก!”
“เดี๋ยวตอนหม่ามี๊ไปทำงาน เรนว่างๆ ก็ให้พ่อพามาเล่นได้นะจะได้ไม่เบื่อ”
“เธอโอเคเหรอ” วายุถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง คงจะหมายถึงเรื่องที่เธอกลัวน้ำสินะ เขานี่ใส่ใจรายละเอียดทุกเรื่องของเธอจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลัวเฉพาะน้ำทะเลค่ะ นี่ก็จะสายแล้วเดี๋ยวฉันพาคุณไปที่ห้องพักนะคะ”
“เรนขอนอนกับหม่ามี๊นะครับ”
“เรื่องนี้มันแน่อยู่แล้วจ้ะ ถ้าอย่างนั้นตามสบายเลย หม่ามี๊ไปทำงานก่อนนะ” ยี่หวาก้มลงไปพูดกับเรนจิ แต่เจ้าตัวก็ได้แต่ยืนนิ่งมือทั้งสองข้างกำชายเสื้อหลวมๆ อาการแบบนี้แสดงว่าอยากไปด้วยแต่กลัวโดนเธอดุอีกสินะ ดังนั้นยี่หวาจึงเงยหน้าขึ้นไปพูดกับวายุ “ไหนๆ เรนก็มาต่างประเทศทั้งที เราควรพาเรนไปเที่ยวในเมืองดีไหมคะ”
“ดีครับดี! ขอบคุณครับหม่ามี๊” เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
“อืม ก็ดี” วายุตอบกลับเสียงเรียบ
แล้วท่าทีเย็นชานี่มันอะไรกัน ดูก็รู้ว่าเขาเองก็อยากไปเหมือนกันแท้ๆ
“อีกอย่างเสื้อผ้าที่ทั้งคู่ใส่อยู่ก็ค่อนข้างบาง อากาศที่นี่ช่วงนี้ถึงตอนกลางวันจะไม่หนาวมากแต่กลางคืนก็ไม่ถึงสิบองศา เพราะงั้นฉันว่าควรไปซื้อเสื้อคลุมให้เรนหน่อยดีกว่า”
จากนั้นยี่หวาก็เป็นคนขับรถ เพราะเธอคุ้นชินทางมากกว่าวายุจึงไม่ได้ขัดอะไร สักพักทั้งสามคนมาถึงฌ็องเซลิเซ่ ที่เปรียบเสมือนถนนโรดิโอไดรฟ์แห่งปารีสที่มีร้านแบรนด์เนมหรูหรามากมาย
“สุดยอดมากเลยครับ!” เรนจิดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่แปลกเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาต่างประเทศ แถมยังเป็นประเทศที่ไกลบ้านมากด้วย
“ถ้าอยากนั้นทั้งสองคนเดินเล่นแถวนี้ไปก่อนนะ ฉันขอเข้าไปคุยงานที่ร้านก่อน อยู่ตรงหัวมุมนั้นเอง” ยี่หวาชี้ไปที่หน้าร้าน
“รบกวนเธอไหม” วายุเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ เพราะเขากลัวว่าถ้าตามไปด้วยจะเป็นการรบกวนหญิงสาว แต่เขาอยากจะไปกับเธอมากกว่า
“ไม่ค่ะ จะไปด้วยกันก็ได้ค่ะ แต่ถ้าคุณจะเรียกชื่อฉันให้เรียกว่าอาซาเลียนะ เพราะชื่อยี่หวาฉันใช้แค่ที่ไทยเท่านั้นค่ะ ส่วนเรนจะเรียกหม่ามี๊เหมือนเดิมก็ได้นะ” ยี่หวาก้มลงไปอุ้มเรนจิตามความเคยชิน
“ครับหม่ามี๊”
สีหน้าวายุดูแย่ลงทันที ทำไมเขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินเลย ลูกชายเขาจะโชคดีเกินไปแล้ว…
ยี่หวาอุ้มเรนจิเข้ามาในบูติคเฮอเซน ทำเอาพนักงานคนอื่นๆ ต่างก็หันมามอง เพราะพวกเขารู้ดีว่ายี่หวาเป็นใคร จึงต้องตกใจกับเด็กน้อยในอ้อมกอดของเธอ ผู้จัดการร้านไม่รอช้ารีบเดินออกมารับ และทักทายเป็นภาษาฝรั่งเศส “เจ้านายสวัสดีค่ะ”
“เรียบร้อย?”
“ค่ะ เอกสารที่ให้เตรียมอยู่ในห้องทำงานแล้วค่ะ” ผู้จัดการร้านเหลือบมองเด็กในอ้อมกอดยี่หวา อยากจะถามว่าคือใคร แต่ก็ไม่มีสิทธิ์นั้น
ยี่หวาพยักหน้าให้ผู้จัดการร้านก่อนจะหันไปคุยกับวายุ “คุณเดินเล่นในร้านก่อนไหมคะ ฉันขอไปเช็กเอกสารในห้องทำงานก่อน”
“อืม เธอไปทำงานเถอะ เรนมานี่ หม่ามี๊ของลูกต้องไปทำงานแล้ว”
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงการประชุมก็สิ้นสุดลง ยี่หวาเดินกลับมาห้องทำงานก็พบว่าสองพ่อลูกกำลังนั่งหลับอยู่ พอวายุไม่ได้อยู่ในชุดสูทสีดำเขาก็ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ไม่ยาก
วายุที่รู้สึกตัวตั้งแต่ยี่หวาเดินเข้ามาก็ถามขึ้น “เสร็จแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะ ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะคะ ถ้าอย่างนั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษ วันนี้เวลาที่เหลือฉันจะพาคุณกับเรนจิไปทัวร์ปารีส ดีไหมคะ”
“ดี ว่าแต่ร้านที่นี่ออกแบบใช้ได้ ดูดีกว่าที่ฉันจ้างคนออกแบบอีก”
“ไม่จริงค่ะ ร้านนั้นก็ดีมากๆ ให้ความสบายตาไปอีกแบบ เหมาะกับแบรนด์มากค่ะ แถมแค่วันแรกยอดขายก็พุ่งสูงขึ้นมาก”
“คงเป็นเพราะที่แรก แต่เธอก็สุดยอดที่สร้างแบรนด์ให้โด่งดังไปทั่วโลกได้แบบนี้”
“รู้แล้วสินะว่าฉันเป็นซีอีโอ แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ”
“ฉันรู้” เธอไม่ได้ปิดบัง แต่เธอแค่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกเขาก็เท่านั้นเอง แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เข้าใกล้เธอมากขึ้นกว่าเดิม เพียงเท่านี้ก็ไขข้อสงสัยได้แล้วว่าสิ่งที่เธอมีมาจากไหน
“งั้นคุณปลุกเรนจิเถอะค่ะ เราจะได้ไปกัน เดี๋ยวฉันขอไปหยิบของก่อน”
หลังจากนั้นยี่หวาก็พาเรนจิกับวายุเที่ยวทั่วปารีส สองพ่อลูกดูจะมีความสุขเป็นพิเศษ แถมวายุยังเอารูปที่เธอถ่ายให้ส่งไปยังกลุ่มครอบครัวของเขาอีก ซึ่งพ่อกับแม่ของเขาก็ดูจะพอใจที่เขามีเวลาพาเรนไปเที่ยว แถมยังเที่ยวไกลถึงต่างประเทศด้วย
แต่หารู้ไม่ว่าทั้งสองคนตามเธอมาต่างหาก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม