PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด นิยาย บท 14

Chris Part

.

หลังจากที่คุยกันเสร็จแซนดี้ก็อนุญาตให้ผมเข้ามาในบ้าน ส่วนตัวเธอขอตัวไปที่บริษัท อ้างว่าต้องเข้าไปเคลียร์งานนิดหน่อย อันที่จริงผมแอบคิดว่าเธอแค่ต้องการจะเปิดโอกาสให้ผมได้คุยกับพรีมตามลำพังนั่นแหละ แต่คงไม่อยากให้ดูโจ่งแจ้งไป ก็เลยยกเรื่องงานมาอ้าง

ภายในบ้านมีขนาดเล็กและแคบไม่ต่างจากที่เห็นจากภายนอก แต่กลับตกแต่งและจัดวางข้าวของอย่างเป็นระเบียบไม่ได้รู้สึกว่ารกหรือเกะกะเลย ผมยืนหมุนอยู่ตรงกลางบ้านอย่างคนทำอะไรไม่ถูกอยู่แบบนั้นพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มที่ตั้งอยู่

ฟุ่บ

“แซนดี้ ไม่ได้ไปข้างนอกหรอกเหรอ” เสียงเรียกที่ดังมาจากห้องขวามือทำให้ผมรีบเด้งตัวขึ้นจากโซฟาที่เพิ่งนั่งไป คนข้างในคงคิดว่าผมคือแซนดี้เพื่อนของเธอ

แกร๊ก

“แซน...นาย เข้ามาได้ยังไง” ดวงตาสวยเบิกกว้างทันทีที่เห็นว่าคนที่ยืนงงอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ใช่เพื่อนตัวเอง เธอทำท่าจะกลับเข้าไปในห้องของตัวเองอีกครั้ง แต่ผมรีบเข้าไปยึดประตูบานนั้นไว้แน่น

“พรีม อย่าหนี”

“ต้องหนีสิ นายบุกรุกบ้านฉันอยู่นะ!”

“ฉันไม่ได้บุกรุก”

“แล้วเข้ามาได้ยังไงเล่า! ผีเปิดประตูให้หรือไง”

“ไม่ใช่ผี แต่แซนดี้ให้เข้ามาต่างหาก”

“ว่ายังไงนะ!”

“ออกมานั่งคุยกันดี ๆ ก่อน แซนดี้บอกว่าเธอลุกขึ้นมาอ้วกตั้งแต่ตีสี่ยังไม่ได้กินอะไร ไม่กลัวลูกหิวเหรอ” ผมยกเรื่องลูกขึ้นพูดเหมือนที่เธอเคยทำกับผม พรีมนิ่งไปซักพัก ก่อนจะยอมปล่อยประตูที่ยื้อแย่งกับผม และเดินไปที่อีกส่วนของบ้าน

“แซนดี้นะแซนดี้ หักหลังกันได้ลง คอยดูเถอะ”

เสียงบ่นพึมพำของอีกฝ่ายทำให้ผมเริ่มกลัวแทนแซนดี้ แต่เรื่องนี้ตัวใครตัวมันก็แล้วกันนะ เพราะขนาดตัวผมยังเอาไม่รอดเลย...

“ฉันทำให้” ผมรีบอาสาทันทีเมื่อเห็นว่าพรีมกำลังเตรียมมื้อเช้าสไตล์อเมริกันง่าย ๆ ใบหน้าสวยยอมหันกลับมามอง ก่อนจะเอ่ยออกมาสั้น ๆ

“ไม่ต้องมายุ่ง”

จบ โอเค ผมไม่ยุ่งก็ได้

ผมเลิกวุ่นวายกับพรีมที่กำลังทอดไส้กรอกอยู่ และหันมาล้างผลไม้ที่ซื้อมาเพื่อไว้ให้อีกฝ่ายกินหลังมื้อเช้า ในเมื่อพรีมไม่อยากให้ช่วยผมก็จะไม่เซ้าซี้ เพราะจากที่อ่านมาคนท้องจะหงุดหงิดง่ายมาก ไม่ควรขัดใจเธอเป็นอันขาด

“ทำอะไรอะ”

“ล้างผลไม้ไง” ผมหันกลับไปตอบอีกฝ่ายพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น พรีมดูสนอกสนใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ “มะม่วงเปรี้ยว อยากกินไหม”

“ไม่เห็นอยากกินเลย” พรีมตอบก่อนจะหันไปทอดไส้กรอกต่อ ผมหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อถูกปฏิเสธแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยแบบนั้น แต่สุดท้ายก็หันกลับมาล้างผลไม้ต่อ ล้างและหันไว้ให้ก่อนแล้วกัน เธอจะกินไม่กินก็ไม่เป็นไร

อันที่จริงการหั่นผลไม้ก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวผมเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรการปอกและหั่นมะม่วงถึงได้ผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่นิ้วมือผมยังอยู่ครบ ผมจัดการยกผลไม้ทั้งหมดที่เตรียมไว้ไปให้อีกฝ่ายที่นั่งกัดไส้กรอกอยู่ พรีมปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจัดการอาหารของตัวเองต่อโดยไม่สนใจผมอีก

“...”

เพิ่งเคยโดนผู้หญิงเมินขนาดนี้ ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งมองอีกฝ่ายจัดการอาหารอย่างเงียบ ๆ พรีมไม่สนใจผมจริง ๆ เพราะเธอไม่คิดที่จะทำมื้อเช้าเผื่อผมเลยด้วยซ้ำ โชคดีที่ผมหาอะไรกินมาก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้นั่งท้องร้องให้ขายขี้หน้า

“ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่าอย่ามานั่งมองคนอื่นกินข้าวแบบนี้ เสียมารยาท”

“ก็ฉันไม่รู้จะทำอะไร”

“กลับบ้านนายไปซะสิ มานั่งเสียเวลาอยู่ตรงนี้ทำไม” พรีมเสนอทางออกให้ทันที ซึ่งมันก็คือการไล่ให้ผมไปไกล ๆ นั่นแหละ ผมได้แต่นั่งหน้าชาแล้วชาอีก แต่ก็หน้าด้านพอที่จะไม่บ้าจี้หนีกลับไปจริง ๆ เพียงแค่เธอออกปากไล่

“กลับได้ยังไง เมียกับลูกอยู่ที่นี่”

“เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว” พรีมถอนหายใจออกมา “โอเค สองคนในท้องฉันคือลูกของนาย แต่ก็ไม่ได้แปลว่านายจะเหมารวมว่าฉันเป็นเมียนายได้”

“ตะ...”

“เลิกพูด ฉันเวียนหัว”

“...” ผมหุบปากฉับ สุดท้ายก็ได้แต่นั่งมองนู่นนี่นั่นไปเรื่อย พูดก็ไม่ได้ มองหน้าก็ไม่ได้ คนท้องนี่เอาใจยากจริง ๆ

พรีมนั่งจัดการอาหารของตัวเองไปเงียบ ๆ เธอไม่ได้เอ่ยไล่ผมอีกเพราะคงเบื่อที่จะพูด แต่ก็ทำเหมือนว่าผมไร้ตัวตน เธอลุกขึ้นเดินไปล้างทำความสะอาดจานและครัวโดยที่ไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบเอกสารและโน๊ตบุ๊คออกมานั่งทำงานที่โซฟา ผลไม้ที่ผมปอกไว้ไม่ได้ถูกแตะแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาและเอาผลไม้ทั้งหมดใส่กล่องเก็บเข้าตู้เย็นไป

“...”

ผมกลับมานั่งที่โต๊ะกินข้าวเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมุมนั่งเป็นมุมที่สามารถมองเห็นอีกฝ่ายที่นั่งทำงานอยู่ได้ เสียงพิมพ์งานก๊อกแก๊กของเธอเหมือนขับกล่อมให้ผมเคลิบเคลิ้ม อีกทั้งเมื่อคืนผมได้นอนไปไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ เพียงไม่นานหนังตาทั้งสองข้างก็หนักจนแบกไว้ไม่ไหว ขอพักสายตาซักสิบนาทีก็แล้วกัน...

.

“อร่อย” หลุดชมออกมาทันทีที่คำแรกเข้าปาก ปกติแล้วผมค่อนข้างกินยาก อย่างข้าวผัดแบบนี้ถ้าใส่น้ำมันมากเกินไปผมก็กินไม่ลง แต่พรีมทำออกมาได้พอดี รสชาติดีและไม่มันมากเกินไป อร่อยกว่าร้านอาหารแพง ๆ บางร้านซะอีก

เหมือนเคย พรีมทำเป็นไม่สนใจคำพูดของผมเหมือนว่าผมคืออากาศธาตุ แต่การที่เธอทำข้าวให้ผมกินแบบนี้แปลว่าเธอคงห่วงผมบ้างล่ะนะ แค่นี้ก็มีคำลังใจที่จะตามตื้อเธอต่อไปแล้ว

“ขอบคุณนะ อร่อยมากจริง ๆ” ผมเอ่ยชมอีกครั้งเมื่อจัดการข้าวผัดจานนั้นหมดจนเกลี้ยง “เดี๋ยวล้างให้”

“ไม่ต้องล้างสะอาด แค่ล้างเศษอาหารออกแล้วใส่เครื่องล้างจานไว้”

“ได้เลย” ผมยิ้มออกมาเมื่ออีกฝ่ายพูดคุยกับผมปกติ รีบทำสิ่งที่เธอบอกอย่างกระตือรือร้น แสงแห่งความหวังปรากฏขึ้นที่ปลายอุโมงค์ การอดหลับอดนอนจนมาเผลอหลับที่บ้านเธอสัมฤทธิ์ผลแล้วใช่ไหม ดูเหมือนว่าพรีมจะใจอ่อนให้ผมแล้ว ถ้าผมจะพูดเรื่องแต่งงานตอนนี้น่าจะเป็นโน้มน้าวใจเธอได้

ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมผมต้องอยากแต่งงานกับพรีมมากขนาดนี้ เรื่องนี้มันอธิบายยากนะครับ ผมไม่ได้รักพรีม และผมหวงชีวิตโสดของตัวเองมาก นั่นคือเรื่องจริง ไม่มีใครบังคับให้ผมต้องรับผิดชอบ นั่นก็คือเรื่องจริง แต่ผมต้องการเป็นพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมายของลูกทั้งสองคน ผมไม่อยากให้ลูกต้องเกิดมาโดยที่ถูกตั้งคำถามว่าพ่อไปไหน พ่อคือใคร ทำไมพ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมไม่ได้รักพรีม แต่ผมก็ไม่ได้รักใคร ผมเลยไม่เดือดร้อนถ้าจะต้องแต่งงานกับใครซักคน โดยเฉพาะคน ๆ นั้นคือแม่ของลูกผม

และอย่างที่บอกว่าช่วงนี้ผมเริ่มอิ่มตัวกับการเปลี่ยนผู้หญิงรายวันแล้ว ถ้าผมไม่ได้แต่งงานกับพรีมก็คงตั้งใจทำงานทำการ และหาใครซักคนที่พอเข้ากันได้มาคบแบบจริงจัง เห็นมาเฟียกับเควิลที่ชื่นมื่นกับการมีแฟน และไหนจะเนตั้นที่ดูท่าจะจริงจังกับเด็กเสิร์ฟคนนั้นแล้วผมก็อยากจะมีบ้าง โสดคนเดียวในกลุ่มบางทีก็เหงา ๆ นัดเพื่อนไม่ได้เพราะทุกคนก็อยากใช้เวลาอยู่กับแฟนกันทั้งนั้น และพรีมก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่แย่ แถมกำลังอุ้มท้องลูกผมอยู่แบบนี้ ผมเลยไม่เสียดายความโสดเท่าไหร่ถ้าจะต้องแต่งงานกับเธอ เรื่องนี้ผมคิดมาอย่างดีแล้ว และคำตอบในใจก็เหมือนเดิมคือผมจะแต่งงานกับพรีม

“เสร็จแล้วเหรอ” พรีมถามออกมาเมื่อผมเดินเข้าไปหาเธอที่โซฟา

“อืม เสร็จแล้ว”

“งั้นก็กลับไปได้แล้ว”

“ว่ายังไงนะ”

“กลับที่พักนายไปได้แล้ว หรือกลับไทยเลยก็ได้ ฉันขอโทษที่เมื่อวานพูดแบบนั้นไป ฉันมาคิดดี ๆ แล้วมันคงใจร้ายมากจริง ๆ ที่จะกีดกันพ่อลูก เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องห่วงนะ นายมาหาลูกได้ทุกเมื่อ”

“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องนี้”

“แล้วนายมาทำไม”

“ฉันมาเพื่อรับผิดชอบ”

“นายสามารถช่วยค่าเรียน ค่าเลี้ยงดู\-“

“ฉันไม่ได้มารับผิดชอบแค่นั้น!” ผมตะโกนออกมาอย่างอัดอั้น เธอเห็นผมเป็นผู้ชายประเภทไหนกัน ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อตกลงเรื่องเงินเลี้ยงเด็ก ไม่ได้มาเพื่อเอาเงินฟาดหัวเธอให้จบ ๆ ไปแบบนั้น “ฉันมารับผิดชอบในฐานะพ่อ ฐานะสามี”

“ฉันไม่เข้าใจ”

“เราจะแต่งงานกัน รวมถึงจดทะเบียนด้วย!”

“วะ...ว่ายังไงนะ...!?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด