Chris Part
.
ผมหยิบรูปอัลตร้าซาวด์ขึ้นมาดูอีกครั้ง นับไม่ได้แล้วว่าวันนี้ผมหยิบมันขึ้นมาดูครั้งที่เท่าไหร่ ผมแค่รู้สึกว่าดูเท่าไหร่มันก็ไม่พอ อยากเร่งเวลาให้ถึงวันที่จะได้เห็นหน้าลูกจริง ๆ ใจจะขาด
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มตรง และพรีมก็หลับไปแล้ว ผมเลยไม่กล้าทำอะไรเสียงดังเพราะกลัวจะไปรบกวนการนอนที่แสนสบายของเธอ แสงไฟจากหัวเตียงที่เปิดไว้แค่เพียงพอต่อการอ่านหนังสือทำให้ผมได้เห็นหน้าของพรีมไปด้วย ผมก้มลงไปใกล้ จ้องมองใบหน้าสวยงามหมดจดนั้นหลายวินาที ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากเนียนเบา ๆ
“ขอบคุณนะพรีม”
.
ขอบคุณสำหรับของขวัญที่มีค่าทั้งสองชิ้น
ขอบคุณที่ไม่คิดจะเอาพวกเขาออก
ขอบคุณที่ยอมรับว่าพวกเขาเป็นลูกของฉัน
ขอบคุณที่ยอมแต่งงานด้วย
และขอบคุณ ที่ยอมให้เราได้เริ่มต้นใหม่ไปด้วยกัน
.
.
ผมขอบคุณ เพราะอยากจะขอบคุณเธอจริง ๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นพ่อใครได้ จินตนาการถึงความรู้สึกที่กำลังจะได้เป็นพ่อใครไม่ออก จนถึงเมื่อวานผมก็ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองจะเป็นพ่อแบบไหน จะรู้สึกยังไงเมื่อได้เห็นลูก แต่วันนี้พอได้เห็นพวกเขาจริง ๆ ความรู้สึกรักและหวงแหนจากไหนตั้งมากมายไม่รู้ก็พุ่งเข้ามา ถ้าไม่มีพรีมที่ให้ของขวัญสองชิ้นนี้กับผม ผมคงไม่มีทางได้รับรู้ความรู้สึกนี้
มันคงเป็นสัญชาติญาณของความเป็นพ่อละมั้ง? และผมคิดว่าพรีมเองก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เธอเลยไม่คิดที่จะเอาเด็กออก ทั้ง ๆ ที่พรีมเองก็เพิ่งอายุยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น เธอยังมีอนาคตอีกยาวไกลมากกว่าต้องมาอุ้มท้องแบบนี้ ครอบครัวของพรีมเองก็มีชื่อเสียงมากไม่ควรต้องด่างพร้อย และสิ่งสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ... การตั้งท้องของพรีมมันคือความผิดพลาด ไม่ใช่แค่พรีม แต่มันคือความผิดพลาดของเราทั้งสองคน
แต่ถึงแบบนั้นพรีมก็ไม่คิดที่จะทำลายชีวิตที่ไร้เดียงสาทิ้ง รวมถึงไม่ร้องหาความรับผิดชอบจากใคร ภายใต้ร่างกายบอบบาง ใบหน้าที่หวานอ่อนโยน การเลี้ยงดูที่เข้มงวดและจำกัดทุกอย่าง พรีมกลับมีจิตใจที่แข็งแกร่งจนคาดไม่ถึง ผมนึกไม่ออกว่าถ้าไม่ใช่เพราะลูก พรีมจะยอมแต่งงานกับผมไหม แววตาของพรีมในวันนั้นผมจำได้ดีว่ามันเด็ดเดี่ยวแค่ไหน แต่พอพูดถึงลูก...ดวงตาคู่นั้นกลับอ่อนแสงลงอย่างไม่น่าเชื่อ พรีมตัดสินใจแต่งงานกับผมเพียงเพื่ออยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ และผมก็คิดแบบเธอเหมือนกัน ในตอนนั้นผมหวังแค่ให้ลูกเกิดมามีพ่อแม่ครบไม่ถูกใครว่าร้าย ไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์ของเราเลย
แต่ตอนนี้ผมจะลืมทุกอย่างไปให้หมด ลืมความตั้งใจแรกเริ่มที่อยากแต่งงานเพื่อให้ลูกมีพ่อแม่พร้อมหน้านั่นไป ผมจะเริ่มใหม่ เริ่มใหม่ที่ไม่ใช่แค่ทำเพื่อลูก แต่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้น จะทำให้ครอบครัวของเรากลายเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์และเต็มไปด้วยความรักของพวกเราทั้งสี่คน
ใช่...รัก...
คนที่ไม่เคยเชื่อในความรักของชายหญิง และไม่เคยคิดจะรักผู้หญิงคนไหนนอกจากแม่ น้องสาว และเพื่อนแบบผมกำลังพูดถึงเรื่องความรักอย่างนั้นเหรอ? ถ้าเอาไปพูดให้เควิลฟังมันคงขำจนหงายหลัง
แต่มันเป็นไปแล้ว ผมไม่เคยคิดว่าความรักของชายหญิงจะมีอยู่จริง ถึงมีมันก็ไม่มีทางยั่งยืน แต่การได้เจอพรีมมันทำให้ผมอยากลองเริ่มต้นที่จะรักใครซักคน รักที่ไม่ใช่เพราะเป็นคนในครอบครัว ไม่ใช่เพราะพรีมเป็นแม่ของลูก และไม่ใช่ความรักแบบเพื่อน แต่รักแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งรักผู้หญิงคนหนึ่ง...ผมหมายความว่าแบบนั้น
มันน่ากังวลอยู่ไม่น้อย เพราะถึงแม้ว่าประสบการณ์เรื่องอื่นผมจะเต็มร้อย แต่ประสบการณ์เรื่องความรักของชายหญิงผมกลับติดลบ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท้ายที่สุดแล้วจะรักพรีมได้ไหม หรือไม่แน่ว่าตอนนี้ผมอาจจะรักพรีมไปแล้วก็ได้ ผมไม่รู้อะไรเลย แต่ผมอยากลอง
"เรามาเริ่มต้นไปด้วยกันนะ"
"อื้อ"
พรีมไม่ได้ตอบผมหรอกครับ เธอแค่ละเมอและหันหน้าหนีผมที่เอาแต่วุ่นวายกับเธอไม่หยุด ถ้าให้เดาเธอคงฝันว่ามีแมลงมาตอม เพราะมือเล็ก ๆ นั้นเอาแต่ปัดไปมาเหมือนกำลังไล่แมลงอยู่
ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเลิกรบกวนคนนอนหลับ ค่อย ๆ ผละออกไปนั่งที่ของตัวเอง แล้วจ้องมองรูปของลูกอีกครั้ง เพียงแค่ได้เห็นเงาดำ ๆ ที่หมอบอกว่าเป็นลูกของผม แค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้เหมือนคนบ้า ทำให้ผมนึกย้อนไปเมื่อกลางวัน ที่ผมเอาแต่เงียบไม่ใช่เพราะว่าโกรธที่พรีมไม่บอกเรื่องลูกดิ้น แต่ผมกลัวว่าถ้ายิ้ม ถ้าพูด หรือถ้าขยับร่างกายในตอนนั้น ผมอาจจะร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ๆ ก็ได้ ความรู้สึกที่ได้เห็นลูกครั้งแรกมันมากเกินกว่าที่จะอธิบายออกไปได้ มันมากเกินไปจริง ๆ
ผมค่อย ๆ พับรูปอัลตร้าซาวด์เก็บใส่ประเป๋าสตางค์ตามเดิม ก่อนจะหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่าน หนังสือแม่และเด็กคือหนังสือที่ผมซื้อและอ่านบ่อยมากในช่วงนี้ รวมถึงหนังสือทำอาหารสำหรับคุณแม่ และหนังสือดูแลเด็กแรกเกิดด้วย อ่านเยอะจนผมรู้แทบจะทุกเรื่องแล้ว รู้ถึงขนาดที่ว่าถ้าลูกจะคลอดพรุ่งนี้ผมก็พร้อม
ตื้อดึง!
เสียงแจ้งเตือนมือถือทำให้ผมรีบวางหนังสือลง และหยิบมือถือขึ้นมาปิดเสียงอย่างรวดเร็ว หันไปมองพรีมก็เห็นว่าเธอยังหลับอยู่เหมือนเดิมก็โล่งใจ ก่อนจะรีบเปิดอ่านข้อความนั้น
Mafia : ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ
ที่มาเฟียถามแบบนั้นเพราะผมส่งรูปอัลตร้าซาวด์ของลูกเข้ากรุ๊ปแชทให้พวกมันดู ไม่ได้เห่อหรอก แต่อยากอวด ซึ่งคนแรกที่ตอบกลับมาก็คือมาเฟีย ไม่ผิดจากที่คาดไว้เท่าไหร่ มาเฟียมันเห่อหลานจะตาย คงเพราะตัวเองยังมีลูกไม่ได้ ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี ชอบด่าผมดีนัก
Chris : ผู้ชาย
Poprak : แฝดชายเหรอ
Chris : เปล่า รู้เพศแค่คนเดียว
Mafia : ทำไม
Chris : อีกคนไม่ยอมให้กูดูว่ะ หันหลังหนีด้วย
Kevill : 555555555555555555555
Chris : บ้านมึงรวยเลขห้าเหรอไอ้เควาย ไอ้ควาย เอ้ย! ไอ้เควิล
Kevill : หลอกด่ากูใหญ่เลยนะมึง
: เออ บ้านกูรวยเลขห้าแล้วจะทำไม
: ตลกชิบหาย
: ลูกยังไม่ยอมให้พ่อมันเห็นเพศเลย ไอ้คนลูกไม่รัก55555555
Chris : งี้มึงก็ว่าพรีมด้วยดิ พรีมก็ไม่ได้เห็นเหมือนกัน
Kevill : ไม่ กูว่ามึงคนเดียว พรีมคือข้อยกเว้น
Chris : ไอ้เพื่อนเวร!
Kevill : 5555555555555555555555555555555
Chris : oIo
แช่งให้พบรักมีกิ๊กจะบาปไหม โคตรหมั่นไส้ไอ้เควิลเลย
Mafia : ป๊าม้ามึงรู้คงดีใจ
Chris : อืม รู้แล้ว โทรมาคุยกับกูจนหูชา เพิ่งวางไปก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง
Kevill : ยังไงก็ยินดีด้วยนะมึง ใกล้คลอดพวกกูจะไปหา
Chris : คนอื่นมาได้ มึงไม่ต้องมา เบื่อขี้หน้า
Kevill : น่ะ พอกูพูดดีด้วยก็กวนตีนกู ไปอ่านหนังสือต่อดีกว่า เหม็นหน้ามึงละ แบร่!
ผมเบะปากใส่มือถือทั้ง ๆ ที่ไอเควิลไม่เห็น ทำมาเป็นเหม็นนงเหม็นหน้าผม ได้ข่าวว่าพิมพ์คุยกันไม่ได้วิดีโอคอล
Mafia : ดูแลพรีมดี ๆ ด้วยล่ะ
Chris : รู้แล้ว
ผมวางมือถือลงเมื่อคุยกับเพื่อนเสร็จ ตั้งใจจะอ่านหนังสือต่อแต่มือถือก็สั่นขึ้นอีกครั้ง
Nathan : ยินดีด้วย
ไม่ส่งมาพรุ่งนี้เลยล่ะ
.
.
“คริส ตื่นเร็ว”
“อืม ขอนอนต่ออีกนิดนะม้า” ผมเอ่ยต่อรองกับหม่าม้า เมื่อคืนอ่านหนังสือจนดึก ขอนอนต่ออีกห้านาทีก็ยังดี
“นะ”
ผมมั่นใจว่าพรีมแพ้คำว่า *นะ* ของผม เพราะสุดท้ายแล้วมือเรียวก็ขยับออก ปล่อยให้ผมทำอะไรได้ตามใจชอบ ซึ่งผมปลดเพียงแค่กระดุมที่อยู่ตรงหน้าท้องเท่านั้น ไม่ได้เปิดตรงส่วนอื่น
หน้าท้องของพรีมใหญ่ขึ้นกว่าครั้งล่าสุดที่ผมได้เห็นตอนอัลตร้าซาวด์เล็กน้อย แต่ยังไม่มีรอยแตก ถึงแบบนั้นพรีมก็ซื้อครีมและอะไรก็ตามที่คนอื่นแนะนำว่าดีมาทาเพื่อกันไม่ให้เกิดรอยแตกขึ้น
“วันหลังให้ฉันทาครีมให้นะ”
“ไม่เป็นไร ฉันทาได้” พรีมปฏิเสธทันที ไม่ต่างจากที่ผมคิดไว้เท่าไหร่
“แต่ฉันอยากช่วย ให้ฉันได้ดูแลเธอเถอะนะ จะได้เล่นกับลูกด้วยไง”
“อืม...” พรีมทำท่าตัดสินใจสักพัก ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ “ตามใจนาย อย่าอู้ก็แล้วกัน เพราะฉันต้องทาทุกวัน”
“ไม่อู้แน่นอน” ผมยิ้ม ก่อนสัมผัสลงบนหน้าท้องของพรีม เธอสะดุ้งและเกร็งเล็กน้อย แต่ก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายเพื่อให้ชินกับสัมผัสที่แปลกใหม่จากผม ผิวพรีมยังนุ่มเนียนสมกับที่ดูแลและบำรุงตัวเองเป็นอย่างดี ผมแตะไปมาทั้งซ้ายและขวาที่คิดว่าลูกอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่ได้รับการทักทายกลับจากลูกเหมือนเคย
“บางทีลูกอาจจะไม่รักฉัน”
“หืม” พรีมทำหน้างุนงงเมื่อผมพึมพำออกมา “ทำไมคิดแบบนั้น”
“ก็ลูกไม่ทักทายฉันเลย”
“ลูกยังตัวเล็กอยู่เลยคริส เขาดิ้นบ่อย ๆ แหละ แต่ไม่แรงมาก บางครั้งฉันเองก็แทบไม่รู้สึกด้วยซ้ำ มีแค่ครั้งเดียวที่ดิ้นแรงก็ตอนที่ฉันเรียกนายนั่นแหละ เดี๋ยวพอหกเดือนก็ได้เห็นลูกดิ้นจนนายจะเบื่อ”
“ไม่เบื่อหรอก” ผมส่ายหน้าไปมา ลูบท้องนูน ๆ นั้นเบา ๆ “แต่เคยดิ้นแรงขนาดนั้นแล้ว ก็น่าจะดิ้นแรง ๆ ให้พ่อชื่นใจอีกสักครั้งสิ”
“อะไรกัน ลูกไม่ทันเกิดก็น้อยใจลูกแล้วเหรอ” พรีมหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ก็ฉันกลัวลูกไม่รัก ยิ่งถ้าลูกรู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะมีพวกเขาแต่แรก...ฉันยิ่งกลัว”
“ไม่ต้องห่วงนะ” พรีมเอื้อมมือมากุมแก้มผมไว้ บังคับให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ฉันจะบอกลูกเองว่าตอนที่แม่อุ้มท้องลูก พ่อของพวกเขาดูแลแม่และลูกดีแค่ไหน แถมยังน้อยใจที่ลูกไม่ดิ้นให้พ่อเห็นอีก”
“...” ผมเงียบ พรีมเห็นแบบนั้นก็พูดต่อ
“ไม่เห็นต้องกังวลเลย ทั้งนายและฉันก็ไม่ได้ตั้งใจมีพวกเขาเหมือนกัน ถ้าลูกไม่รักนายเพราะเหตุผลนั้น ลูกก็ต้องไม่รักฉันด้วย” พรีมปล่อยมือจากหน้าผม และเลื่อนไปวางทับบนมือผมที่วางอยู่บนหน้าท้องของเธอ “อดีตช่างมันเถอะ ไม่อยากเริ่มต้นใหม่เหรอ เริ่มต้นใหม่ไปด้วยกันไง”
ผมมองหน้าพรีมนิ่ง กลายเป็นว่าตอนนี้พรีมมีเหตุผลมากกว่าผมซะอีก ทีแรกผมก็ปกติดีอยู่หรอก แต่พอลูกเริ่มไม่ตอบสนองผมก็เริ่มจิตตก คิดไปไกลว่าลูกไม่รักตัวเอง กลัวไปจนถึงขั้นถ้าลูกรู้เรื่องไม่ดีที่ผมเคยเป็นแล้วจะเกลียดและไม่อยากได้ผมเป็นพ่อ
ผม...
“อ๊ะ!”
“พรีม!!” ผมตาโต มือไม้สั่นไปหมด “พรีม! ลูกดิ้น! เมื่อกี้ฉันรู้สึก เธอก็รู้สึกใช่ไหม ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม!!”
“อื้อ รู้สึกสิ” พรีมส่งยิ้มกว้างมาให้ผม เพราะคราวนี้รู้สึกถึงแรงดิ้นจากทั้งสองฝั่งเลย ปกติพรีมบอกว่าจะรู้สึกแค่ฝั่งเดียว “ลูกคงรู้ว่าพ่อเขากำลังน้อยใจ”
ผมรีบก้มลงไปเอาหน้าแนบท้องของพรีมทันที ตอนนี้ลูกไม่ได้ดิ้นแล้ว แต่ผมอยากสัมผัสเขาใกล้ ๆ “พ่อก็รักหนูนะ รักมาก”
จุ๊บ จุ๊บ
ผมจูบหน้าท้องของพรีมสลับไปมาหลายครั้ง ย้ำให้ลูกรู้ว่าผมรักพวกเขามากแค่ไหน จูบอยู่แบบนั้นจนพรีมจับหน้าผมเอาไว้เพื่อให้ผมหยุด
“พะ...พอเถอะ” พรีมหน้าแดงจัด ดูหายใจติดขัดกว่าปกติ “ฉันง่วงแล้ว”
“แน่ใจเหรอว่าง่วง” ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงเบา ๆ แต่ไม่กล้าสบตาผม “แต่นี่เพิ่งสองทุ่มเองนะ ฉันยังไม่ง่วงเลย หาอะไรทำกันก่อนดีไหม”
“ทำอะไร...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด