บทที่ 30 เธอเป็นผู้หญิงของฉัน
กู้เหวยยีไปที่ร้านกาแฟตามนัด ฮั่วเจียงเหยี่ยเห็นสภาพเธอแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“นี่เธอตั้งใจไปตากฝนหรือ?”
กู้เหวยยีมองหน้าเขาอย่างนิ่งๆ “มีเรื่องอะไรว่ามาเลย”
ฮั่วเจียงเหยี่ยให้พนักงานปิดแอร์ “พูดเรื่องของเธอก่อน มู่โล่หมิงหาเรื่องเธออีกแล้วหรือ?”
กู้เหวยยีพยายามหลีกเลี่ยงคำถามของเขา
ฮั่วเจียงเหยี่ยถอดหายใจออกมา “เป็นเพื่อนกันเธอก็บอกฉัน ฉันจะช่วยเธอ ถึงยังไงครั้งที่แล้วเธอก็ช่วยฉันเหมือนกัน”
พอนึกถึงงานเลี้ยงครอบครัวที่เธอทำพัง ในใจของกู้เหวยยีก็เกลียดตลอด
“คุณลุงคุณป้าเป็นยังไงบ้าง ได้โกรธ.......เพราะเรื่องของฉันไหม”
โกรธเป็นเรื่องปกติ ขนาดฮั่วเจียงเหยี่ยพวกท่านยังจะไล่ออกจากบ้านเลย เพราะเขาเสียงแรงอธิบายไปเยอะมากถึงจะอธิบายชัดเจนว่ากู้เหวยยีเป็นคนตัวแสดง
ฮั่วเจียงเหยี่ยหยิบโทรศัพท์ออกมา “เธอไม่พูด ฉันจะเรียกมู่โล่หมิงมา ถามกันต่อหน้าเลย”
กู้เหวยยียืนขึ้นกะทันหันแล้วหยุดมือของเขาไว้
นิ่งไปสักพัก เธอปัดๆ ผมที่หมาดๆ ตรงหน้า สายตาของกู้เหวยยีไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย “ช่วยให้ฉันไปจากที่นี่ที ไปไหนก็ได้”
รอบๆ ตัวเธอมีแต่ความโดดเดี่ยว
ฮั่วเจียงเหยี่ยตกลงไว้แล้ว
เขาบอกว่าเขามีเพื่อนคนหนึ่งมีสวนอยู่ที่ออสเตรเลีย ให้เธอไปดูแล เงินเดือนแต่ละเดือนก็จ่ายให้เขาแทนเงิน1ล้านที่เขาจ่ายให้เธอก่อน
กู้เหวยยีไม่มีปัญหา
ตกดึก ฮั่วเจียงเหยี่ยขับรถไปส่งเธอที่บ้าน ไปถึงปากทางก็โดนสั่งให้หยุด “จอดตรงนี้แหละ”
ตอนที่เธอลงจากรถเธอพูดออกมาเบาๆ ว่า “ขอบคุณนะ”
กู้เหวยยีกลับเข้าไปในคฤหาสน์จากประตูด้านหลัง
แต่ตรงประตูหน้าบ้าน มีเงาของคนสองคนที่อยู่ใต้แสงไฟข้างถนน
ตอนแรกมู่โล่หมิงอยากจะไปส่งเหนียนจือหวั่น แต่บังเอิญมาเห็นภาพนี้เข้า
สายตาของเหนียนจือหวั่นจ้องไปที่รถของฮั่วเจียงเหยี่ย นานกว่าจะรู้ตัว
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่ากู้เหวยยีกับฮั่วเจียงเหยี่ยสนิทกัน เธอก็เลยหาทางขัดขวางตลอด แต่ว่าทุกอย่างที่เธอทำกลับทำให้เขาสองคนใกล้กันมากขึ้น ถ้าอย่างงั้นก็ไปตามแผนตอนนี้ไม่ได้แล้ว
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้ง ที่กู้เหวยยีพักงานเธอจะหายตัวไปตลอด ตอนดึกๆ บางทีฮั่วเจียงเหยี่ยก็ส่งเธอกลับมาบ้าง บางทีไม่กลับมาเลย
มู่โล่หมิงแสร้งทำเป็นดูหนังสือพิมพ์ในห้องรับแขก แต่ความจริงคือให้แม่บ้านคอยสังเกตตลอดว่ากู้เหวยยีกลับมารึเปล่า
วีซ่าออกนอกประเทศกับบัตรประชาชนตัวใหม่เธอทำเสร็จหมดแล้ว ไปจนถึงในใบสมัครของมหาวิทยาลัยออสเตรเลียที่กู้เหวยยีเขียนทั้งคืนในห้องทำงานของฮั่วเจียงเหยี่ย เธออยากเรียนต่อ
ฮั่วเจียงเหยี่ยชื่นชมเธอที่มีเป้าหมายแบบนี้มาก
เหนียนจือหวั่นมาที่คฤหาสน์หลายครั้งก็พอดูออกว่ากู้เหวยยีตั้งใจหลบหน้ามู่โล่หมิง เธอกลอกตาไปมา มีแผลใหม่มาอีก
คืนนั้น เหนียนจือหวั่นดื่มเหล้าไปนิดหน่อย เธอปวดหัวมากๆ ก็เลยขอนอนค้าง1คืน มู่โล่หมิงก็ตอบตกลง ให้เธอไปนอนที่ห้องรับแขก
ถึงแม้ว่าสายตาของกู้เหวยยีจะปฏิเสธ แต่ร่างกายเธออ่อนลงนานแล้ว แก้มแดงๆ ของเธอทำให้คนควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
ขณะที่มือของมู่โล่หมิงลูบไหลเข้าไปในเสื้อของเธอ เหนียนจือหวั่นก็แอบกลับเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ
มู่โล่หมิงอุ้มกู้เหวยยีเข้าห้องไป ทั้งคู่พัวพันกันใต้ผ้าที่นุ่มนวล
เช้าวันถัดมา มู่โล่หมิงลืมตามาเห็นผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอด เขารู้สึกสบายใจมาก
ตอนที่เขาลุกขึ้น เขาเผลอไปดึงผ้าห่มไปด้วย เขาเห็นคราบเลือดบนผ้าปูที่นอน
มู่โล่หมิงอึ้งอยู่ที่เดิมสักพัก “เธอ........”
นี่เป็นครั้งแรกของเธอ?!
รอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนร่างกายเธอก็ปรากฏออกมา มือของมู่โล่หมิงเพิ่งจะจับไปกู้เหวยยีก็ลืมตาขึ้น
“เธอตื่นแล้วหรือ”
สายตาของมู่โล่หมิงเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ
กู้เหวยยีรู้สึกถึงลมหนาวๆ แล้วใช้ผ้าห่มปิดร่างกายตัวเองไว้ “อย่ามอง”
ภาพที่ดีที่สุดของเธอตายไปพร้อมความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายเธอจะบริสุทธิ์ แต่ใจดวงนี้ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว
หัวใจของมู่โล่หมิงเจ็บปวดไปพร้อมกับทุกลมหายใจของเธอ
เขาดึงเธอเข้ามาให้อ้อมแขน บังคับให้เธอมองมาที่ตัวเอง “หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เธอเป็นผู้หญิงของฉันอย่างทางการแล้ว อย่าหลบหน้าฉันอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักแสนร้าย
นางเอกกินหญ้าทั้งเรื่อง ใจง่าย ใจอ่อน โลเล...