บทที่ 136 พี่รองพึ่งจะกำลังปกป้องผู้หญิง
“ แต่ละคนมีทางเลือกของตัวเอง บางคนอยากที่จะมีชีวิตเรียบง่าย บางคนอยากที่จะเจิดจรัสส่องแสง ถังซินเป็นอย่างอันแรก” เย่นจิ่งเหนียนพูดขึ้น “เธอคิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นเพราะเธอจึงทำให้เกิด เธอทุกข์ทรมานใจมาโดยตลอด”
“ดังนั้นมู่ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอจึงทุ่มเททำงานอย่างสุดชีวิต อยากที่จะปกป้องบริษัทมู่ซื่อแทนพี่ไว้ พี่รองพี่คิดมาก่อนมั้ยว่าถ้าเธอรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของพี่ พี่โกหกเธอ เธอจะเป็นยังไง?”
เย่นจิ่งเหนียนใช้ถ้อยคำเฉียบคม จี้ถูกใจดำของมู่เฉินหย่วน
มู่เฉินหย่วนสีหน้าหม่นหมอง
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อคิดถึงตอนที่ถังซินรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเขา เขาก็ได้แสดงความรู้สึกที่ล้มเหลวออกมา หัวใจของเขาเหมือนกับมีคนมาจับไว้แน่น เจ็บจนหายใจไม่ออก
เขาอยู่ในโลกธุรกิจนานขนาดนี้ ต่างหลอกกันไปมา เคยใช้ผลประโยชน์จากหลายคน แต่ครั้งนี้ได้เกิดความรู้สึกแบบนี้
และเขาก็ไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง
“พอแล้วไอ้สาม” เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแข็งทื่อ ลู่เหวินซูจึงพูดแทรกขึ้นมา “พี่รองเพียงแค่อยากจะเคี่ยวเข็ญศักยภาพของถังซินก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่การใช้หาผลประโยชน์ พูดก็พูดเถอะ พี่ลองให้ผลดีกับถังซินไม่น้อย”
“พี่รองเอาถังซินเข้ามาอยู่ในแผนนี้ เดิมทีก็ผิดอยู่แล้ว นายยังจะช่วยพูดแทนพี่รองอีกหรอ?” เย่นจิ่งเหนียนรีบจ้องตาไปที่ลู่เหวินซู “ถ้าหากว่าเธอเป็นน้องสาวของนายแบบยังจะพูดแบบนี้มั้ย?”
ลู่เหวินซูยักไหล่ “ฉันลูกคนเดียว ไม่มีน้องสาว ไอ้หย่า นายพึ่งรู้จักถังซินไม่กี่วัน นายปกป้องเธอขนาดนี้ เป็นอะไร ใจสั่นกับเธอแล้วหรอ”
“ฉันเพียงแค่ไม่อยากให้เอาภาระทั้งหมดของบริษัทมู่ซื่อไปไว้ที่เธอ”
“จุ๊จุ๊ ทำไมฉันยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่านายสนใจเธอ”
……
คำพูดของเขา ทำให้มู่เฉินหย่วนฟังแล้วไม่สบายใจ มีความรู้สึกใจร้อนอยู่ไม่เป็นสุขลุกลามขึ้นมา
มู่เฉินหย่วนพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “ฉันรู้ขีดจำกัดในการทำอะไร พวกนายไม่ต้องพูดมาก ในเมื่อฉันตื่นขึ้นแล้ว ภาระหน้าที่ทั้งหมดก็จะไม่ตกที่เธออีก แต่ก็ไม่ต้องการให้พวกนายมายุ่ง”
“พี่รอง พูดกันแล้วว่าถ้ามีเรื่องอะไรจะช่วยกัน” ลู่เหวินซูพูดด้วยความไม่พอใจและเป็นห่วง “มู่เจิ้งเฉิงจะเล่นกลอุบายอะไร พวกเราต่างรู้ดี หรือว่าจะให้พวกเรายืนดูพี่เกิดเรื่อง?”
“ฉันทำอะไรมีความเสี่ยงหรือไม่ พวกนายยังไม่รู้อีกหรอหรอ?” มู่เฉินหย่วนยิ้มเบาๆ น้ำเสียงมีความมั่นใจ
“แต่ว่า…”
ลู่เหวินซูยังไม่วางใจ เย่นจิ่งเหนียนดึงเขาไว้ และพูดแทรกขึ้นว่า “พอแล้ว พี่รองมีขีดจำกัดในการทำอะไร ถ้านายเบื่อจริงๆก็ไปโยนลูกโบว์ลิ่ง”
ลู่เหวินซูบึนปาก “โยนโบว์ลิ่งไม่สนุก”
ทำนู่นนี่มาทั้งคืน เย่นจิ่งเหนียนก็รู้สึกง่วงนอนแล้ว ไม่อยากที่จะเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อไป และให้ลู่เหวินซูกลับไปด้วยกัน
“ถ้าอย่างนั้นฉันอุ้มเธอไปนอนที่เตียงเสริมนะ ลู่เหวินซูรูดแขนเสื้อขึ้นเตรียมที่จะอุ้ม และพูดอย่างเอาใจใส่ขึ้นว่า ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ถังซินก็เป็นผู้หญิง นอนแบบนี้ไม่สบาย”
มือยังไม่ทันจะได้จับไปที่เอวของถังซิน ก็โดนมือใหญ่ๆออกแรงดึงไว้
พลังอันโหดเหี้ยมทำให้ลู่เหวินซูทำหน้าตาเหยเก สูดลมหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “อะไรเนี่ย นี่ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอแล้วหรอ? พี่รอง พี่พึ่งตื่นขึ้นมาก็มีแรงเยอะขนาดนี้เลยหรอ?”
มู่เฉินหย่วนสลัดมือเขาออก แล้วพูดด้วยเสียงอยู่ในลำคอขึ้นว่า “กลับไปกับจิ่งเหนียน”
……
น้ำเสียงนั้นกระตุ้นให้ลู่เหวินซูสั่นไปทั้งตัว แล้วเก็บเคี่ยวเล็บของตัวเองกลับไป
ลู่เหวินซูเหมือนกับได้กลิ่นอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นมู่เฉินหย่วนคิ้วตก สีหน้าไม่ใส่ใจ เหมือนกับว่าเขาคิดมากไป หลังจากที่ถูกเย่นจิ่งเหนียนดึงฉุด เขาจึงจำเป็นที่จะต้องออกไป
หลังจากที่ออกจากห้องคนไข้ ลู่เหวินซูคิดแล้วคิดอีก แล้วเอ่ยถามเย่นจิ่งเหนียนขึ้น “เมื่อกี้พี่รองกำลังปกป้องผู้หญิงหรอ”
เย่นจิ่งเหนียนจึงพูดขึ้นว่า “ใครใช้ให้นายไปแตะต้องถังซินหล่ะ”
“แย่จัง ฉันหวังดีอยากจะย้ายเธอไปนอนที่บนเตียงก็เท่านั้น ไม่ได้หรอ?” ลู่เหวินซูคับข้องใจจริงๆ จึงมีปฏิกิริยาออกมาอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่มั้ง พี่รองสนใจในตัวเธอจริงๆ”
“อะไรว่ะเนี่ย ก่อนตายได้เห็นพี่รองเกิดความคิดจะเปลี่ยนใจ ความบริสุทธิ์ของฉันได้เก็บไว้แล้ว”
เย่นจิ่งเหนียนจนปัญญา
......
ตั้งแต่วันที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนมาถึงวันนี้ สุดท้ายถังซินก็ได้นอนหลับอย่างรู้สึกมั่นคงปลอดภัย สบายที่สุดเลย
น่าอายมาก อุ้มเธอไปนอนที่บนเตียงเสริมไม่ได้หรอ ตัวเธอกว้างขนาดนี้ กลางคืนไปนอนเบียดมู่เฉินหย่วนบ้างรึเปล่า?
ถังซินลงจากเตียงไปยืนฟุ้งซ่านอยู่ตรงนั้น
และมู่เฉินหย่วนก็มองไปที่รอยแผลที่อยู่บนหน้าเธอ จึงควบคุมความรู้สึกไว้ไม่ได้เล็กน้อย ใช้นิ้วมือลูบคลำไปที่บริเวณริบๆแผล และเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้ม “เจ็บมั้ย?”
“ไม่ ไม่ค่อยเจ็บ เป็นเพราะการกระทำที่เขาทำ ทำให้ถังซินพูดจาอึกอัก “จริงๆแล้วก็ไม่เป็นอะไร คุณเย่นจิ่งเหนียนบอกว่าจะไม่มีรอยแผลเป็นแน่ๆ”
“ประธานมู่คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
เธอเอ่ยถามขึ้นว่า “ประธานมู่คุณหิวมั้ย ฉันจะออกไปซื้ออาหารเช้าให้คุณทาน”
มู่เฉินหย่วนมองไปที่ข้างเตียง “ไม่ใช่ว่ามีโทรศัพท์ภายในหรอ ให้คนเอาขึ้นมาส่งก็ได้แล้ว?”
ถังซินหน้าแดงร้อน
เธอมาแล้วหลายครั้ง ไม่เคยเห็นเลยว่าที่นี่มีโทรศัพท์ภายใน ช่างโง่มากเลย!
ถังซินใช้การไอในการอำพรางความอายของตนเอง และต่อสายภายในหาพยาบาล และสั่งอาหารเช้าที่บำรุงร่างกาย ไม่คาดคิดเลยว่าทุกการกระทำของเธอนั้นได้ตกอยู่ในสายตาของมู่เฉินหย่วน
ริมฝีปากอันบางของมู่เฉินหย่วนนั้นยั่วยวน ในแววตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่นานบอดี้การ์ดก็เอาอาหารเช้าที่ถังซินสั่งเข้ามาส่ง
เธอกำลังจะถามมู่เฉินหย่วนว่าต้องการให้ป้อนหรือไม่
มู่เฉินหย่วนอยากจะเห็นเธอ อยากที่จะพูดคำนั้นออกมา แต่ก็หยุดไว้ไม่พูดออกมา เขายิ้มมุมปากและพูดขึ้นว่า “เธอปรับที่นอนขึ้น ขาของฉันไม่มีความรู้สึก แต่ก็ไม่ใช่ว่ามือก็จะไม่มีความรู้สึก”
ถังซินมองไปที่ขาทั้งสองข้างที่อยู่ใต้ผ้าห่ม จึงรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที
คุณอามู่ยังไม่รู้ว่าสองขาของเขานั้นใช้การไม่ได้แล้วใช่มั้ย
มู่เฉินหย่วนมองมาที่เธอ และเอ่ยถามขึ้น “เป็นอะไร?”
“ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ” ถังซินเข้าไปปรับเตียงขึ้น และถือโอกาสเอาโต๊ะอาหารเล็กๆวางขึ้นไป “ประธานมู่ คุณไม่ได้ทานอาหารมาหลายวัน ลองกินโจ๊กขาวให้อุ่นท้องก่อน อาจจะไม่มีรสชาติอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
สนุกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่มีนิยายสนุกๆ ได้อ่าน...
สนุกมากๆๆๆ...